BITTER SWEET : CHAPTER FIVE
07:21
...อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เราคงเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย...
บยอลคลิกเม้าท์หยุดท่อน Bridge ของเพลงใหม่ที่นั่งทำมาหลายวันแล้วเอนหลังพิงศีรษะกับเก้าอี้มองไปยังหลอดไฟตรงเพดานห้องที่ปิดมืด
ปล่อยแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เป็นความสว่างเดียวในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเองให้อาบหน้า
เมื่อรอบข้างแวดล้อมความความเงียบสงัด
เขามักได้ยินเสียงของเด็กประสาทเอ่ยคำที่ทำให้หัวใจเบาโหวงและหมดอารมณ์จะทำสิ่งที่ต้องทำไปโดยปริยาย
20…
30…
40...
หรือกี่ครั้งกันนะที่เขาเห็นรอยยิ้มของเด็กคนนั้นลอยเข้ามาในความคิด...กี่ครั้งที่มือเผลอพิมพ์ชื่อของเด็กคนนั้นในช่องค้นหาของเว็บ
และกี่ครั้งกันที่เขาดูคลิปของเด็กคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เด็กคนนั้นเข้าวงการตั้งแต่เด็ก เหมือนเขาที่เริ่มทำเพลงตั้งแต่อายุ 14...ฟอร์มวงทั้งที่ไม่รู้อนาคตว่าจะได้เดบิวต์ไหม
วันๆใช้เวลาหมดไปกับการซ้อมและซ้อม เพื่อนที่รู้จักคือสมาชิกที่เทรนมาด้วยกัน
ไม่มีเวลากระทั่งสนุกในโลกที่เด็กคนอื่นเขามีกัน
...สงสารเหรอ...
...มันก็แค่ไอดอลแรปเปอร์กระจอกที่มาแย่งพื้นที่แรปเปอร์คนอื่น...
...ไม่เกลียดมันแล้วเหรอ...
มีเสียงข้างในใจแทรกถามนับครั้งไม่ถ้วน...เขาหลับตาลงอย่างสับสน
ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ความรู้สึกที่มีหลังจบการแข่งขันในวันนั้นคืออะไร ถ้าจะให้เรียกว่าเกลียดก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าสงสารก็ไม่ได้
ความรู้สึกคลุมเครือนี้ทำให้นึกอยากสูบบุหรี่แต่เมื่อมือสัมผัสโดนถุงซิปล็อกบนโต๊ะก็หยิบลูกอมออกมาแกะเปลือกยัดใส่ปากปล่อยรสชาติเปรี้ยวฝาดให้ละลายบนลิ้น
เขาเกลียดลูกอมนี่ ถึงแม้มันจะช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการอยากบุหรี่
หากรสชาตินั้นเหลือจะทน ไม่รู้ทำไมยังทนอมมันอยู่ได้
แรงสั่นสะเทือนบนโต๊ะไม่ไกลจากตัวทำให้เขาเหลือบตาไปมอง
กล่องข้อความจากคาทกที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ต้องเอื้อมมือไปหยิบมาดู ปลายนิ้วกดเข้าไปในโปรแกรมพิมพ์คุยตอบโต้กับเพื่อนและรุ่นพี่ที่ส่งข้อความมาหาทั้งแบบเดี่ยว
และกดเข้าไปในกลุ่มคาทกของมหาวิทยาลัยกับกลุ่มเพื่อนให้หลุดจากการแจ้งเตือนข้อความ
แล้ววกเข้าไปในกลุ่ม Buckwilds ที่เริ่มมีคนตั้งประเด็นเผากันเองอย่างสนุกสนาน
บ้างก็เริ่มส่งรูปสาวๆ เหล้า บุหรี่และรูปตัดต่อประหลาดสารพัดเข้ามา
บยอลหลุดจากอารมณ์คับข้องใจมาสู่เสียงหัวเราะ
มือพิมพ์ข้อความตอบโต้ไปอย่างสนุกกระทั่งมีบางคนส่งรูปของคนที่คุ้นตาเข้ามาทำให้รอยยิ้มเริ่มสะดุด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเปิดคาทกกลุ่มขึ้นมาแล้วมีคนส่งรูปของเด็กประสาทนั้นเข้ามา
ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรยังพิมพ์ตอบโต้ไปแบบสนุก แต่ระยะหลังมานี้
ยิ่งใกล้วันจะแข่งทีไรก็เหมือนกับไม่อยากให้เด็กนั้นกลายเป็นเป้าให้ใครพูดถึง...แม้แต่ชมว่าสวยยังไม่ชอบเลย
...555 นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชาย กูจะจีบนะ...
...รูปตัดต่อของน้องมันสวยดี
เหมือนผู้หญิงจริงๆเลยวะ...
...บยอล
มึงอย่าไปต่อยเขาเลยวะ สงสารหน้าสวยๆจะพัง...
...โผล่หน้ามาจากผ้าห่ม
ไอ้เชี้ยน่ารักฉิบหาย...
...นี่
น้องมันจะเดบิวต์เมื่อไหร่วะ...
...เห็นไอ้หมีมันบอกแรปไม่ดี
แต่อายุ 17 เองมึง พัฒนาได้...
สารพัดข้อความที่เข้ามาในหน้าคาทกกลุ่มไม่ได้มีคำด่าทอหยาบคาย
แปลกที่คิ้วหน้าของคนอ่านขมวดเข้าหากันและในท้ายที่สุดมือก็ส่งข้อความออกไป
...พี่
ผมขอจริงจังเลยนะ อย่าพูดถึงแม่งอีก ไม่ต้องส่งรูปแม่งเข้ามาด้วยได้ไหม...
ทั้งห้องเงียบไปชั่วอึดใจ
มีข้อความขึ้นว่าอ่านแต่ไม่มีการตอบสนองก่อนที่เจทง
พี่ใหญ่ของกลุ่มจะโยนรูปของคนที่ส่งข้อความมาล่าสุดตัดต่อกับตัวสิงโตขู่คำรามลงมา
...ไอ้เชี้ยน้องเล็กแม่งมีปากเสียงวะ ท่าทางจะเกลียดน้องแม่งมาก พอๆ เลิกคุยเรื่องนี้ล่ะกัน...
หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปเป็นการแชร์ไอเดียเพลง
ถามไถ่ถึงเรื่องการแข่งขันของแต่ละคนที่เตรียมตัวกันยังไงบ้างในรอบต่อไปและยังไม่หยุดเผาเรื่องของกันและกันไปจนถึงคนนอกกลุ่ม
บยอลตั้งท่าจะวางมือถือไปให้ไกลแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไถหน้าคาทกขึ้นไปจนถึงรูปที่พี่ๆส่งลงมาแล้วกดเซฟ
...รูปเด็กประสาทที่โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มเหมือนแมวน้อยทำให้ริมฝีปากอีกคนแย้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวและมันกลายเป็นอีกหนึ่งในภาพอีกนับไม่ถ้วนที่เขาเซฟเก็บไว้ในมือถือ...
---------------------------------------------------------------------
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องเป็นการส่งสัญญาณเตือนจากคนที่จะเข้าไปหาและเมื่อบานประตูเปิดออก
ชายหนุ่มกับเด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งสวมเสื้อกับกางเกงยืดขาสั้นสีดำก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง
ซึงกวานเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนมองไปยังผู้มาใหม่
“มีไรหรือเปล่าครับ พี่วอนอู พี่ซึงชอล” คนเด็กกว่ากระเด้งตัวขึ้นมานั่งถามแล้วหันไปหาคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่นอนหลับโดยมีหูฟังเสียบค้างอยู่ในหูและไอแพดที่อยู่ในมือก็ไถลลงมาอยู่บนหมอนทับกลุ่มเส้นผมยักสีน้ำตาลไว้
“แค่จะมาดู ฮันโซลมันอ่ะ” วอนอูขยับไปชะโงกมองหน้าของฮันโซลที่หลับสนิทอยู่บนเตียง
“หลับไปแล้วเหรอ”
“อ้าว หลับไปแล้วอ่ะครับ พวกพี่มีอะไรสำคัญหรือเปล่า
ปลุกเลยได้นะครับ”
“ไม่ๆ พี่แค่จะมาดูมันเฉยๆ กลัวมันไม่สบาย” ซึงชอลว่าทรุดลงไปนั่งมองน้องบนขอบเตียง
“ก็ไม่น่าจะสบายหรอกครับ โดนประธานด่าไปทั้งอาทิตย์
ไหนจะซ้อมอีก ต้องซ้อมแทนช่วงที่หายไปถ่ายรายการนั่นด้วย
พอได้พักแทนที่จะนอนไม่ซ้อมเองคนเดียวก็เล่นไอแพดอีก”
“นี่อย่าบอกนะว่า ยังแต่งเนื้อเตรียมไปแข่งอีก”
“ไม่น่าใช่นะครับ
เหมือนว่าหาเพลงฟังกับเล่นเกมเฉยๆ...เห็นเขาบอกทำยังไงก็ต้องโดนฆ่าออกอากาศเลยปล่อยวาง”
“ก็บอกแต่แรกแล้วว่าไม่ให้ไป จะเดบิวต์อยู่แล้วก็ไม่ฟัง
สุดท้ายก็โดนสั่งห้ามแข่ง”
ซึงชอลบ่นออกมาแต่แววตาที่มองไปยังคนอ่อนกว่าบนเตียงเต็มไปด้วยความกังวล
“ได้ยินว่า โดนแรปเปอร์ในนั้นหมายหัวด้วย
แถมโดนรุมด่าว่าขี้โกงเพราะพี่ซานอีให้ผ่านเข้ารอบทั้งที่ทำไม่ดี แม่ง โมโหวะ
โดนทั้งขึ้นทั้งล่องทั้งที่ไม่ใช่ความผิดแม่งเลยที่จำเป็นต้องแรปกากๆ
ให้ตกรอบเนี่ย” วอนอูเสริม ตาแข็งขึ้นมาทุกครั้งที่คิดว่า
น้องต้องไปเจออะไรข้างนอก
...พี่ทุกคนเป็นห่วงฝรั่งน้อยของพวกเขาเสมอ...
“แล้วนี่ปล่อยมันนอนทั้งแบบนี้ได้ยังไง
หูฟงหูฟังก็ไม่ถอดออก เดี๋ยวก็หูหนวกพอดี” คนเป็นพี่หยิบไอแพดขึ้นมาดู
บนหน้าจอแสดงภาพของปกอัลบั้มและเพลงที่กำลังเล่นอยู่
นิ้วของซึงชอลกดหยุดเพลงดึงหูฟังออกให้แต่ฝ่ายที่หลับไปกลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหมือนรู้ตัวว่าเพลงที่กล่อมตัวเองนอนอยู่ถูกปิด
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนลืมมองฮยองของตัวเองอย่างงัวเงียพลางหาวหวอดใหญ่
“อื้อ...พี่ มากันทำไมอะครับ”
“ก็เป็นห่วงเลยมาดู แล้วนี่ยังไง
ปิดเพลงแค่นี้ตื่นเลยเหรอ”
“อืม...พักนี้ผมต้องฟังเพลงไปด้วย ไม่งั้นนอนไม่หลับ”
“ไหวหรือเปล่า...ยังเครียดอยู่เหรอ
เครียดมากขนาดต้องฟังเพลงกล่อมตัวเองนอนเลยเหรอ” วอนอูลงมานั่งบนขอบเตียงอีกข้างหนึ่งแล้วมองอย่างเป็นห่วง
“ก็นิดหน่อยครับ”
“อา ฟังแล้วไม่ค่อยดีเลย ไปหาหมอดีกว่าไหม
กินยาแก้เครียดไรงี้”
“ไม่ต้องหรอกครับ พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
“จะหายได้ไงเล่า”
“ก็พรุ่งนี้ไปแข่ง พอตกรอบปุบ
ก็ไม่ต้องคิดถึงการแข่งขัน ก็หายเครียด”
“แน่ใจเหรอ”
“หาหมอดีกว่าน่า”
“จริงๆนะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อสิ พี่ก็รู้
ผมไม่เคยบอกอะไรแล้วไม่เป็นตามนั้นนะ”
ฮันโซลยืนกรานด้วยรอยยิ้มกับแววตาซื่อเหมือนที่ชอบทำทุกครั้งที่อยากให้คนรอบข้างสบายใจ...ถึงจะเป็นคนดื้อแต่ถ้าตัดสินใจอะไรไปแล้วก็ไม่อยากให้ใครต้องเป็นกังวล
ถึงแม้ในใจลึกๆจะยังเสียดายที่ต้องออกจากการแข่งขันโดยที่ไม่สามารถแสดงความสามารถแท้จริงของตัวเองให้ใครได้เห็น
...ไม่มีกระทั่งโอกาส
แม้แต่ในวันสุดท้ายที่จะแสดงให้คนเกลียดไอดอลแรปเปอร์คนนั้นได้เห็นในสิ่งที่เขามีอยู่...
“แล้วเรื่องที่ถูกแรปเปอร์คนหนึ่งหาเรื่องอะจริงหรือเปล่า”
“555 พี่ไปเอามาจากไหนอะเรื่องนี้ พี่ผู้จัดการบอกเหรอ”
“เปล่า พี่ฮยอนชอลบอก”
“โอ๊ย ไม่มีอะไรหรอก แค่ขำๆกันอ่ะครับ”
“แน่ใจ พี่เป็นห่วงนายนะ คนอื่นๆด้วย
พวกเราทุกคนเป็นห่วงนายกันหมด”
“อืม ผมรู้แล้วครับ แต่เชื่อผมสิ ผมไม่เป็นไร พรุ่งนี้
แข่งจบหายเลย จริงๆ”
ซึงชอลถอนหายใจยกมือลูบผมนุ่มของคนเป็นน้องไปมาเบาๆ
ส่วนวอนอูเอาคางเกยบนไหล่พลางลูบหลังไปมาเหมือนจะปลอบน้องอยู่พักใหญ่
ทั้งคู่ยังคงถามไถ่อย่างเป็นห่วงก่อนที่จะยอมลุกออกจากห้องก็เมื่อน้องบอกว่าจะนอนต่อแล้ว
“ไม่เป็นอะไรแน่นะ ถ้ามีอะไรบอกเรานะ” ซึงกวานถามข้ามมายังคนที่นอนอยู่ตรงข้ามกันคนละฟากห้อง
“รู้แล้วล่ะ...ราตรีสวัสดิ์นะ”
“ให้ปิดไฟไหม”
“ไม่ต้องอ่ะ นายอ่านการ์ตูนจบค่อยปิดแล้วกัน”
เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมห้อง หยิบหูฟังมาเสียบไว้ดังเก่าแล้วล้มตัวลงนอนตะแคงพร้อมหยิบไอแพดมากดเปิดเพลงที่ฟังค้างอยู่
ตั้งใจว่าจะหลับจริงจังแต่เหมือนใจไม่ยอมหยุดส่งให้ปลายนิ้วยังไถไปบนหน้าจอเข้าสู่โลกอินสตาแกรม
เขามีอินสตราแกรมแต่ไม่ได้อัพรูปหรือใส่ภาพดิสเพลย์
เพียงแค่มีไว้เพื่อติดตามแฟชั่นและข่าวสารในวงการเพลงที่ศิลปินใต้ดินและค่ายเล็กมักใช้เป็นพื้นที่ช่วยกันโปรโมท
พอเข้าไปถึงก็มีสัญลักษณ์แจ้งเตือนปรากฏ เขาเลยกดเข้าไปดู เลยเห็น DM
จากพี่ฮยอนชอลที่ส่งมาหาโดยมีภาพชีสเบอร์เกอร์และข้อความเหยียดยาวถามไถ่ถึงเรื่องราวของเขาและตบท้ายว่าจะซื้อชีสเบอร์เกอร์มาให้ทำให้เขาหลุดยิ้มออกมา
พี่ฮยอนชอลใจดีกับเขาตลอดนั้นแหละ ไม่สิ
ต้องบอกว่าฮยองคนไหนก็ดีกับเขาทั้งนั้นและเขาก็เป็นเด็กดีตอบแทนคนเหล่านั้นเสมอ
จะยกเว้นก็แต่ฮยองคนช่างสบถที่ทำให้เขารู้สึกอยากแกล้ง
เขากดออกจากกล่องข้อความส่วนตัวกลับไปที่หน้ากิจกรรม กวาดตามองบุคคลที่ตัวเองติดตามว่าทำอะไรกันบ้างในโลกแห่งนี้
และไม่ว่าครั้งไหนที่เขาเข้ามาแล้วเห็นชื่อ Andupindahouse
ปรากฏแก่สายตา
เขาก็จะเข้าไปดูสักหน่อยว่าคนที่ถูกฮยองคนนั้นกดไลค์และติดตามเป็นใคร
แปลกดีที่เขามักจะคิดถึงพี่จมูกเหยี่ยวคนนั้นในทุกครั้งที่มองออกไปเห็นแสงสีส้มในความมืดตรงหน้าต่าง...ความรู้สึกที่ว่าอยากรู้จักผู้ชายคนนั้นให้มากกว่านี้อีกสักนิดทำให้เขากดติดตาม
คอยเฝ้ามองภาพที่เขาอัพและภาพที่อีกฝ่ายถูกแท็ก
...กิจวัตรในอินสตราแกรมของฮยองคนนั้นทำให้รู้ว่านอกจากจะเป็นแรปเปอร์แล้วยังเป็นนักศึกษา
ใช้ชีวิตในโลกกลาง หลงใหลเสียงดนตรี ชอบนอนดึก เข้าได้ดีกับดื่มเหล้า
สูบบุหรี่จัด มีสาวให้คั่วเพียบ
และคืนนี้เป็นอีกคืนที่เจ้าของอินสตราแกรมมาอัพรูปตอนดึก...เป็นภาพของน้องหมาสวมเสื้อสีชมพูนอนอยู่บนเตียงและแมวที่นอนอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
...ถึงจะเถื่อนแต่ก็อ่อนโยน...
ฮันโซลสูดลมหายใจกดหัวใจให้กับภาพนั้นแล้วไถจอปิดอินสตราแกรม
กดย้อนกลับไปที่เพลยลิสต์เพลงและเลือกเพลงจากในรายการขึ้นมาใหม่
รายชื่อเพลงสุดท้ายที่ตั้งวนไว้ก่อนที่เขาจะปิดจอไอแพดแล้วผล็อยหลับไป
มีชื่อศิลปินและชื่อเพลงที่อ่านได้ว่า
앤덥
(Andup) - 여전해
0 Comments