LOVE TOXICAL : HOLIN CHAPTER 2
09:27
รถสปอร์ตซีดานสีดำปลอดแล่นทะยานฝ่าสายฝนกระหนำผ่านเข้าไปจอดยังลานจอดรถใต้ดินของคอนโดมิเนียมชานกรุงไทเปที่มีขนาดความสูงเพียงสิบชั้นและเก่าคร่ำด้วยก่อสร้างมานานหลายสิบปี ก่อนที่คนขับจะเปิดประตูลงจากรถอ้อมมาอุ้มบางสิ่งที่ห่อไว้ด้วยเสื้อกันฝนข้างเบาะคนขับไปยังลิฟต์ของลานจอดซึ่งเชื่อมต่อสู่ชั้นอาศัยในอาคาร
เท้าใหญ่ก้าวออกจากลิฟต์ที่เคลื่อนมาจอดยังชั้นแปดตรงไปยังห้องชุดประตูสีดำ
หลังกดรหัสพร้อมรูดคีย์การ์ดประตูจึงเปิดต้อนรับสู่ความมืดมิด ทว่าเจ้าของห้องอุ้มบางสิ่งในอ้อมแขนเดินเข้าไปโดยไม่เปิดไฟด้วยรู้ทุกซอกทุกมุมของห้องชุดแห่งนี้รวมทั้งคุ้นชินการใช้ชีวิตในความมืดดี ทำให้สามารถไปถึงห้องน้ำได้อย่างง่ายดาย
พลันเมื่อแสงไฟในห้องน้ำปูนเปลือยที่แยกส่วนเปียกและแห้งด้วยประตูกระจกใสสว่าง เสื้อกันฝนที่ห่อคลุมบางอย่างมาถูกวางลงอ่างและเมื่อดึงเสื้อนั้นออก ร่างผอมเปียกปอนเปื้อนโคลนจนผิวเนื้อเย็นเฉียบก็ไถลลงไปนอนในอ่างที่มีน้ำอุ่นรินออกจากการหมุนเปิดก็อกของคนมีสติ
พลันเมื่อแสงไฟในห้องน้ำปูนเปลือยที่แยกส่วนเปียกและแห้งด้วยประตูกระจกใสสว่าง เสื้อกันฝนที่ห่อคลุมบางอย่างมาถูกวางลงอ่างและเมื่อดึงเสื้อนั้นออก ร่างผอมเปียกปอนเปื้อนโคลนจนผิวเนื้อเย็นเฉียบก็ไถลลงไปนอนในอ่างที่มีน้ำอุ่นรินออกจากการหมุนเปิดก็อกของคนมีสติ
เสื้อผ้าและกางเกงยีนส์กระทั่งชั้นในถูกกระชากออกอย่างรีบร้อนพร้อมกับครีมอาบน้ำเกือบครึ่งขวดที่ถูกบีบตามลงไปอย่างส่งๆ
มือใหญ่กร้านจากการฝึกฝนจับอาวุธปืนรบราเนิ่นนานในฐานะนาวิกโยธินสหรัฐฯประจำการในอิรักมาหลายปี
ก่อนที่จะปลดระวางงานเก่ากลายสภาพเป็นมือสังหารอิสระที่งานหลักส่วนใหญ่ข้องเกี่ยวข้องกับการตัดท่อน้ำเลี้ยงผู้ก่อการร้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ถูลงไปตามเนื้อตัวขาวใต้ฟองครีมขาวปริ่มขอบอ่าง
มือใหญ่กร้านจากการฝึกฝนจับอาวุธปืนรบราเนิ่นนานในฐานะนาวิกโยธินสหรัฐฯประจำการในอิรักมาหลายปี
ก่อนที่จะปลดระวางงานเก่ากลายสภาพเป็นมือสังหารอิสระที่งานหลักส่วนใหญ่ข้องเกี่ยวข้องกับการตัดท่อน้ำเลี้ยงผู้ก่อการร้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ถูลงไปตามเนื้อตัวขาวใต้ฟองครีมขาวปริ่มขอบอ่าง
ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราและนัยน์ตาคมกริบสงบเรียบเหมือนรูปปั้นทอดนิ่งยังผู้อ่อนวัยกว่าตรงหน้าที่ยังไร้สติเพราะฤทธิ์ยานอน หลับซบหัวลงกับกำแพงห้องเลอะดินโคลนนั้นถูกขัดออกอย่างไม่ปราณีปราศรัย
เช่นเดียวกับเรือนผมที่เพียงสระด้วยการขย้ำไปมาไม่กี่ครั้งก็ปล่อยน้ำในอ่างแล้วเปิดฝักบัวฉีดใส่ชำระคราบฟองอีกสองสามที จึงได้ฤกษ์จับใส่ชุดคลุมอาบน้ำอุ้มมาวางลงบนเตียงนอนคลุมด้วยผ้าห่มหนาในห้องที่เย็นและมืดจนตาคนปกติมองไม่เห็นสิ่งใด
เช่นเดียวกับเรือนผมที่เพียงสระด้วยการขย้ำไปมาไม่กี่ครั้งก็ปล่อยน้ำในอ่างแล้วเปิดฝักบัวฉีดใส่ชำระคราบฟองอีกสองสามที จึงได้ฤกษ์จับใส่ชุดคลุมอาบน้ำอุ้มมาวางลงบนเตียงนอนคลุมด้วยผ้าห่มหนาในห้องที่เย็นและมืดจนตาคนปกติมองไม่เห็นสิ่งใด
หลังจัดการกับเป้าหมายหลักของงานในครั้งนี้ให้อยู่ในสภาพที่คิดว่าคงสะอาด ก็ถึงคราวที่จะต้องจัดการกับคราบเหงื่อไคลซึ่งสั่งสมมาเสียตั้งแต่ตอนปฏิบัติงานในฟิลิปปินส์
ความประสงค์ให้กลิ่นตัวกลมกลืนไปกับผู้คนในเขตปกครองพิเศษรวมทั้งการดำน้ำอยู่ในมหาสมุทรเป็นนานกว่าจะมาถึงจุดจอดเรือทำให้การอาบน้ำไม่ใช่เรื่องจำเป็น หากเมื่อกลับขึ้นฝั่งถึงจะเจอพายุฝนโหมเสียจนเปียกโชกกระนั้นเขาก็คิดว่าควรจะอาบน้ำและโกนหนวดที่ไว้มานานจนรำคาญออกเสียบ้าง
ความประสงค์ให้กลิ่นตัวกลมกลืนไปกับผู้คนในเขตปกครองพิเศษรวมทั้งการดำน้ำอยู่ในมหาสมุทรเป็นนานกว่าจะมาถึงจุดจอดเรือทำให้การอาบน้ำไม่ใช่เรื่องจำเป็น หากเมื่อกลับขึ้นฝั่งถึงจะเจอพายุฝนโหมเสียจนเปียกโชกกระนั้นเขาก็คิดว่าควรจะอาบน้ำและโกนหนวดที่ไว้มานานจนรำคาญออกเสียบ้าง
สายน้ำอุ่นจากฝักบัวหยุดทำงานก่อนที่กายใหญ่หนาด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังและฝึกฝนร่างกายทุกเมื่อเชื่อวันมีผ้าเช็ดตัวพันกายจะก้าวเช็ดเท้าเปียกบนพรมเดินมายังอ่างล้างหน้า พลางคว้าเครื่องโกนหนวดไฟฟ้ามาเปิดไถหนวดรกครึ้มของตนออกเหลือเพียงไรสั้นเป็นแนวเขียวเหนือริมฝีปาก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมสันเฉกชาวเอเชียตะวันออกแม้นจะขาว
หากในสายตาชาวตะวันตกยังคงจัดเป็นโทนเหลือง
คัง
โดโนแวน หรือ คัง ดงโฮ อดีตนาวิกโยธินสัญชาติอเมริกา
เชื้อชาติเกาหลีใต้ควักน้ำล้างหน้าขจัดตอหนวดที่เหลือติดค้างโดยไม่มองกระจกก็หยิบกางเกงขายาวลายพรางที่ใส่นอนเป็นอาจิณสวมและปิดไฟเดินกลับเข้ามายืนข้างเตียงซึ่งเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนพาคนไม่ได้สติมาทิ้งไว้
นาทีที่ไฟหัวเตียงสว่างจากการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวทำให้เห็นว่าหมอนที่หัวเปียกน้ำจากการสระโดยไม่เช็ดนอนอยู่ซึมชุ่ม
คนที่ลืมวิธีดูแลคนอื่นไปนานแล้วยกแขนกอดอกชั่งน้ำหนักความคิดว่าควรปล่อยทิ้งไว้หรือจะหาอะไรทำให้หัวแห้ง
...ปล่อยไว้คงได้
เด็กผู้ชายกะโหลกหนา ขนาดเขาซ้อมรบตากฝนเป็นอาทิตย์ยังไม่เป็นไร
ความตั้งใจแรกดำเนินขึ้นในหัวสมองเพียงสองนาทีแรก
แต่ความคิดใหม่ที่ว่า โดนกระทืบมาไม่แน่ใจว่าจะหายทันส่งตัวไหม
ถ้าเป็นหวัดเพิ่มคงเป็นภาระใหญ่แล่นเข้ามา ทำให้คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ในความสลัวลางของแสงไฟนวลตาจากโคมหัวเตียงก็หันหลังไปคว้านหาอะไรบางอย่างในตู้ไม้ยาวติดผนังตรงปลายเตียง หยิบเอาเครื่องเป่าผมที่ม้วนเก็บไว้อย่างดีออกมาเสียบปลั๊กยืนเป่าลมร้อนใส่พอแห้งจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป
...นานแล้วที่เขาไม่ได้จับไดร์เพื่อเป่าผมใครให้แห้ง
เพราะส่วนใหญ่ใช้งานมันก็เพื่อทำกับดักหรือประกอบชิ้นส่วนอำพรางระเบิดมือที่ทำขึ้นเพื่องานสังหาร...
เดิมทีเขาไม่ใช่มือสังหารมาแต่ต้น
หากเป็นเพียงเด็กที่เติบโตมากับปู่ชาวเกาหลีในย่านไชน่าทาวน์ มุมานะจนขยับมาเป็นนาวิกโยธินยศพันโทที่ผ่านสมรภูมิรบในอิรักและพื้นที่เสี่ยงภัยมาหลากหลาย
อีกทั้งยังเป็นนาวิกโยธินเชื้อสายเอเชียเพียงไม่กี่รายที่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญจากประธานาธิบดีสหรัฐ
ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้ชายที่ใครต่างพากันรักใคร่ในความอบอุ่นมีน้ำใจและเป็นคริสเตียนที่ศรัทธาในพระเจ้าจนหมดหัวใจ
กระทั่งเกิดเหตุร้ายจากระเบิดในการแข่งขันบอสตันมาราธอนที่ทำให้ภรรยาของเขาซึ่งกำลังอุ้มท้องไปเที่ยวพักร้อนและแวะไปให้กำลังใจเพื่อนที่เข้าแข่งขันถูกลูกหลงจนเสียชีวิตไปพร้อมกับลูกน้อยที่เขายังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้านอกจากรูปในฟิล์มอัลตร้าซาวน์เมื่อสี่ปีก่อนเข้า เป็นผลให้เขาเลิกศรัทธาในพระเจ้าและก้าวเข้าสู่วงการนักฆ่าอิสระที่รับงานเสี่ยงตายทำเพียงลำพัง
กระทั่งเกิดเหตุร้ายจากระเบิดในการแข่งขันบอสตันมาราธอนที่ทำให้ภรรยาของเขาซึ่งกำลังอุ้มท้องไปเที่ยวพักร้อนและแวะไปให้กำลังใจเพื่อนที่เข้าแข่งขันถูกลูกหลงจนเสียชีวิตไปพร้อมกับลูกน้อยที่เขายังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้านอกจากรูปในฟิล์มอัลตร้าซาวน์เมื่อสี่ปีก่อนเข้า เป็นผลให้เขาเลิกศรัทธาในพระเจ้าและก้าวเข้าสู่วงการนักฆ่าอิสระที่รับงานเสี่ยงตายทำเพียงลำพัง
ดงโฮไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
แม้จะมีพรรคพวกก็เพียงคบหาเพื่อประโยชน์ต่อการหาข่าวและการเข้าถึงแหล่งอาวุธเพื่อใช้งาน
ทว่าทักษะการฆ่าที่ไม่ผิดพลาดเป็นประโยชน์ต่อองค์กรลับของภาครัฐให้หลายประเทศที่ว่าจ้าง ทำให้ทางการละเว้นโทษตาย
การเฝ้าประหัญประหารจากศัตรูคู่แค้นยังมีรอบด้าน แต่เขากลับไม่แยแสด้วยการเสี่ยงตายนั้นเป็นวิธีที่เขาชอบใช้ท้าทายพระเจ้า
ทว่าทักษะการฆ่าที่ไม่ผิดพลาดเป็นประโยชน์ต่อองค์กรลับของภาครัฐให้หลายประเทศที่ว่าจ้าง ทำให้ทางการละเว้นโทษตาย
การเฝ้าประหัญประหารจากศัตรูคู่แค้นยังมีรอบด้าน แต่เขากลับไม่แยแสด้วยการเสี่ยงตายนั้นเป็นวิธีที่เขาชอบใช้ท้าทายพระเจ้า
...ส่งตัวเขาให้ถึงสหรัฐอย่างปลอดภัย...
ชายหนุ่มทวนคำของตัวแทนผู้ว่าจ้างซึ่งไม่ประสงค์ออกนามแต่เขาสืบรู้ตัวตนของผู้ว่าจ้างได้เสียตั้งแต่ได้ข้อมูลของเด็กที่ยังนอนไม่ได้สติบนเตียง
การตามรอยเส้นทางการขายเลือดให้ถึงผู้ซื้อโดยเฉพาะเลือดกรุ๊ปพิเศษที่มีราคาสูงลิบไม่ใช่เรื่องยาก
แต่เด็กคนนี้มีเลือดกรุ๊ปพิเศษที่ขายได้ตั้งแต่เลือดยันเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีลูกค้าหลักเป็นนักธุรกิจที่หน้าฉากทำธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยให้หน่วยงานทหารแต่เบื้องหลังกลับค้าอาวุธซึ่งตอนนี้ป่วยหนักแต่ต้องยื้อชีวิตเพื่อให้ธุรกิจของตนยังดำเนินต่อ
...นักฆ่ารับจ้างเมื่อวานน่าจะเป็นคู่แข่งทางการค้าที่ทราบเรื่องอาการป่วยเข้าส่งมา...
ความจริงงานประเภทส่งตัวข้ามแดนหรือลักพาตัวบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายเป็นงานที่เขาไม่รับทำ
เพราะไม่ต้องการวุ่นวายกับสิ่งมีชีวิตที่มีปากเสียงแต่กระทืบให้เงียบไม่ได้ แต่รูปของเด็กคนนี้ที่ถูกส่งตามมาในภายหลังทำให้เขาเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายจนมาไม่ทันช่วยเป้าหมายพ้นจากการถูกทำร้าย
นัยน์ตากลมรีหางตกบนดวงหน้าขาวละมุนรับกับจมูกโด่งรั้นน้อยๆยามวางเฉยดูแสนดื้อ
ริมฝีปากกระจับอิ่มราบเรียบนั้น หากมีรอยแย้มสักนิดคงเป็นคนเดียวกันกับสตรีที่เขารักเสมือนลมหายใจ
เสียงลมเป่าเงียบลงพร้อมกับเครื่องเป่าผมที่ถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียง แสงไฟสลัวจากโคมหรี่ลงกระทั่งทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดก่อนที่ร่างใหญ่จะย่างเท้าไปนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ตรงชุดโต๊ะนั่งเล่น
ณ มุมหนึ่งของห้องพลางหลับตา
...หากพระเจ้าประสงค์จะเล่นเกมด้วยการส่งใครสักคนที่ละม้ายภรรยาของเขามาทดสอบจิตใจ...
...คนบาปอย่างเขาก็จะเล่นเกมนี้ด้วย...
-----------------------------------------------------
อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศผสานกลิ่นหอมแปลกอวลอบทำให้ผู้โดนยาสลบเล่นงานกระทั่งมันหมดฤทธิ์ที่มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำคลุมตัวขดอยู่ใต้ผ้าห่มหนาหนาวจนสั่น และในไม่ช้าก็รู้สึกตัวตื่น
หากความเจ็บร้าวตามใบหน้ากระทั่งเนื้อตัวที่กินลึกถึงกระดูกราวกับมันได้แตกออกเป็นเสี่ยงทำให้เปลือกตาคร้านจะขยับลืม
...โลกหลังความตายนอกจากจะหนาวแล้วยังเจ็บได้อีกเหรอ...
ควานลินถามตัวเองด้วยยังเชื่อว่าตนคงถูกฆ่าตายกลายเป็นศพนิรนามเป็นที่เรียบร้อย
แต่เพราะกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ลอยมาแตะจมูกและเสียงลับของมีคมคล้ายมีดส่งผลให้ท้ายที่สุดเปลือกตาหนักอึ้งก็ได้ฤกษ์เปิดขึ้น
สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาเป็นเพดานกว้างที่มีแสงตะวันสีส้มทองลอดจากช่องว่างกว้างสามนิ้วระหว่างรอยต่อของผนังกับเพดานที่กรุด้วยกระจกพ่นทรายอาบทั่ว เมื่อลองหันหัวบนหมอนไปอีกด้านก็เห็นประตูบานเฟี้ยมกระจกใสซึ่งส่องทะลุให้เห็นถึงภายนอกอันเป็นห้องกว้างไร้ฝ้าเพดานหรือหน้าต่าง
รอบด้วยผนังปูนขัดมันเปลือยให้เห็นถึงงานเดินท่อรวมทั้งงานเดินสายไฟแทนการใช้ข้าวของอื่นประดับตกแต่ง
เครื่องเรือนชิ้นใหญ่ทำจากไม้ไม่ขัดสีจัดวางเท่าที่จำเป็นทำให้ดูโล่งโปร่งตา
...ที่นี่ที่ไหน...
คำถามนั้นเกิดขึ้นในใจอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงลับมีดที่ยังคงอยู่
เรียกให้เจ้าตัวตะแคงเหลือบตาต่ำมองไปยังปลายเตียงก็เห็นแผ่นหลังกว้างหนาและมัดกล้ามใต้เสื้อกล้ามสีดำของชายผู้ตัดผมรองทรงสั้นคนหนึ่งนั่งเอียงข้างรับแสงที่สาดลงมา
แม้นจะเห็นหน้าเพียงเสี้ยวด้านข้างทว่าองค์ประกอบที่ธรรมชาติบรรจงจัดวางนั้นได้สัดส่วนแลคมเป็นสันราวกับประติมากรรมนักรบสำริดโบราณ มือทั้งสองถือมีดสั้นรับคมกันไปมาโดยตาทั้งคู่จับอยู่ที่แสงทองด้านนอกนั้น
แม้นจะเห็นหน้าเพียงเสี้ยวด้านข้างทว่าองค์ประกอบที่ธรรมชาติบรรจงจัดวางนั้นได้สัดส่วนแลคมเป็นสันราวกับประติมากรรมนักรบสำริดโบราณ มือทั้งสองถือมีดสั้นรับคมกันไปมาโดยตาทั้งคู่จับอยู่ที่แสงทองด้านนอกนั้น
ตากลมกลอกไปมาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เท้าขยับหมายตะกายหนี แต่ความเย็นและหนักของบางสิ่งพันธนาการข้อเท้าไว้ให้เคลื่อนไปไม่พ้นเตียง
เมื่อหวังจะใช้มือดันตัวขึ้นกลับไม่สามารถขยับได้ดังใจ ยิ่งก้มมองอาภรณ์ที่สวมติดกายก็มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น
เมื่อหวังจะใช้มือดันตัวขึ้นกลับไม่สามารถขยับได้ดังใจ ยิ่งก้มมองอาภรณ์ที่สวมติดกายก็มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น
โซ่ล่ามสะเทือนตามแรงลากและเสียงเสียดสีของโลหะเรียกให้คนตัวใหญ่หยุดลับมีดสั้นเหลียวมาอย่างช้าๆ
การประสานสายตาเกิดขึ้นชั่วนาทีก่อนที่คนตัวใหญ่กว่ามากจะเป็นฝ่ายลุกเดินมายืนข้างเตียง แล้วคว้าศอกแขนข้างที่เจ้าของแขนไม่สามารถขยับตามใจขึ้นมาจับคลำไปตามแนวกระดูก กระทั่งเจอต้นตอของปัญหาจึงออกแรงดันกระดูกที่เคลื่อนจากข้อต่อกลับเข้าที่จนได้ยินเสียงลั่นของกระดูก
การประสานสายตาเกิดขึ้นชั่วนาทีก่อนที่คนตัวใหญ่กว่ามากจะเป็นฝ่ายลุกเดินมายืนข้างเตียง แล้วคว้าศอกแขนข้างที่เจ้าของแขนไม่สามารถขยับตามใจขึ้นมาจับคลำไปตามแนวกระดูก กระทั่งเจอต้นตอของปัญหาจึงออกแรงดันกระดูกที่เคลื่อนจากข้อต่อกลับเข้าที่จนได้ยินเสียงลั่นของกระดูก
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไอ้เหี้ยเอ๊ย” เด็กหนุ่มมร้องสบถเป็นภาษาจีนออกมาสุดเสียง น้ำตาอุ่นเล็ดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะตามมาด้วยคำผรุสวาทยาวเป็นพรวน
“ไอ้ชั่ว มึงเป็นใคร จะฆ่ากันหรือไง จับกูมาทำไม คิดจะเรียกไถ่หรือไง
คิดว่ากูเป็นลูกคุณหนูเหรอ แค่เงินจะซื้อข้าวแดกยังไม่มี จับกูมาเรียกค่าไถ่ชาตินี้ยังไงก็ไม่ได้เงินหรอก”
ทว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีสะเทือนต่อการด่าทอ แค่เดินไปหยิบเฝือกอ่อนสีดำมาใส่ให้พร้อมรัดด้วยสายคาดแน่นหนาพลางปรายตายังดวงหน้าเรียวเล็กที่ตรงแก้มมีรอยเขียว ค่อยเลื่อนสำรวจร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายอย่างเฉยชา
แม้ในใจจะรำพึงกับตนเองถึงความเหมือนกันระหว่างภรรยาผู้ล่วงลับกับคนตรงหน้า
คนตัวใหญ่วางแขนผอมลงดังเก่าแล้วก้าวถอยหลังมากอดอกจ้องผู้อ่อนวัยกว่าที่กัดปากทำนิ่งเหมือนไม่เป็นอะไรทั้งที่แววตาฉายความโกรธแค้นระคนเจ็บและหวาดกลัวชัดเจน
...แค่หน้า
นอกนั้นไม่เหมือนเลย...
“อะไรวะ
หูหนวกหรือไง ก็บอกแล้วว่าจับมาแบบนี้มันเสียแรงเปล่า ยังไงก็ไม่มีวันได้เงิน เฮ้ย
นี่ไม่เข้าใจที่พูดเหรอ หรือว่าแม่งไม่ใช่คนไต้หวันวะ งั้นก็...”
เพราะความนิ่งของฝ่ายตรงข้ามทำให้อีกคนตีความว่าอาจเป็นโจรต่างชาติเลยไม่เข้าใจภาษาจีนกลาง
เลยลองแปลเป็นภาษาไต้หวัน ภาษาอังกฤษ
จนถึงภาษาเกาหลีที่เคยร่ำเรียนมาและได้เกรดเอทุกครั้งเข้าใส่แต่ทางนั้นก็ยังเฉยเหมือนไม่เข้าใจสักคำที่พูด
...หรือบางทีอาจจะไม่ได้จับมาเรียกค่าไถ่
แต่จับมาทรมานและฆ่าตามวิถีพวกฆาตกรโรคจิต...
“เฮ้ย
ไอ้โรคจิต กูไปทำอะไรให้ถึงต้องฆ่ากันด้วย คนอย่างกูน่ะ พ่อแม่ก็ไม่มีแล้ว
ฆ่าไปก็ไม่มีใครตามหาหรอก อยากจะสร้างชื่อจากการฆ่าต่อเนื่องกับกูน่ะ
อย่างดีก็ได้แค่ฆ่าศพนิรนามเท่านั้นแหละ” ความกลัวทำให้ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูไม่หยุดหย่อนและยังถูกแปลเป็นภาษาอื่นต่อไปอีกเรื่อยๆ
สุดทนคนที่ปล่อยให้ถูกด่าอยู่เป็นนานเอื้อมมือบีบคางเรียวให้เงยขึ้นมาหา
ตาคมจ้องเงาสะท้อนของตนในดวงตากลมสวยทั้งคู่พลางเอ่ยเตือนเน้นทีละคำเป็นภาษาจีนด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกจนคนได้ยินเม้มปากแน่นโดยอัตโนมัติ
“เงียบไม่เป็นแบบนี้
ลิ้นคุณคงได้แยกเป็นสองแฉก”
ควานลินกระพริบตาเหลือบมองดวงหน้าหล่อเหลาแต่ดุไร้แววอารมณ์เช่นเดียวกับนัยน์ตาคมกล้าที่ทอดมา...ความเรียบเฉยยากจะอ่านก่อให้เกิดสัญญาณเตือนภัยในใจให้เสียวสันหลังวาบจนไม่กล้ากระทั่งสะบัดหน้าให้พ้นมือที่บีบตรงข้าง ทั้งที่มันเป็นการจับโดยแทบจะไม่ออกแรงเสียด้วยซ้ำ
“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก”
“ม...ไม่ได้จะฆ่าแล้ว...แล้วจับมาทำไม”
“จำเป็น”
“จำเป็นอะไรของมึง
ถึงจับมาล่ามกันแบบนี้” ความปากไวทำให้หลุดด่าออกไปอีกหน
แต่ครั้งนี้คนตัวใหญ่กลับควักมีดสั้นในซองคาดตรงเข็มขัดออกมาถือในมือ
“ถ้าพูดหยาบใส่ผมอีกที
ผมจะตัดลิ้นคุณ”
เพราะความเรียบของน้ำเสียงและแววตาเยือกเย็นนั้นทำให้ผู้เห็นรับรู้ว่าไม่น่าใช่คำขู่...ปากอิ่มจึงเม้มแน่นกระทั่งเห็นมีดพกถูกเก็บเข้าซองดังเก่าก็อ้อมแอ้มถามเสียงอ่อน
“อย่างน้อยก็บอกหน่อยไม่ได้ไง
ว่าจับมาทำไม หรือว่า” ตากลมรีเบิกกว้างเงียบเสียงลงในทันทีที่คิดเรื่องร้ายออกและเริ่มถามออกไปใหม่เสียงสั่น
“หรือนายเป็นพวกวิตถาร ชอบจับเด็กหนุ่มมาข่มขืน”
เพียงประโยคนั้นหลุดจากปากคิ้วของคนตัวใหญ่ก็กระตุกขึ้น...ความรำคาญก่อตัวอยู่ใต้ความเรียบเฉยในระดับคร้านจะได้ยินเสียง ถึงขนาดตั้งใจจะเข้าไปหาอะไรในครัวที่พอกินได้มาอุดปากเพราะอาการพูดมากนั่นอาจจะหมายความว่าหิว
หากก็ฉุกคิดได้ว่า คอนโดมิเนียมแห่งนี้ถึงจะเป็นทรัพย์สินในชื่อและสถานะปลอมของเขาเช่นเดียวกับแหล่งพำนักอื่นที่มีในอีกหลายประเทศเพื่อสะดวกในการกบดานปฏิบัติงานแต่ก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเลยไม่มีอาหารปกติติดไว้เหมือนบ้านคนอื่น
อย่างดีก็มีพวกซองอาหารชุดพร้อมทานรสชาติไม่เอาอ่าวที่พวกทหารภาคสนามกินกันเท่านั้น
หากก็ฉุกคิดได้ว่า คอนโดมิเนียมแห่งนี้ถึงจะเป็นทรัพย์สินในชื่อและสถานะปลอมของเขาเช่นเดียวกับแหล่งพำนักอื่นที่มีในอีกหลายประเทศเพื่อสะดวกในการกบดานปฏิบัติงานแต่ก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเลยไม่มีอาหารปกติติดไว้เหมือนบ้านคนอื่น
อย่างดีก็มีพวกซองอาหารชุดพร้อมทานรสชาติไม่เอาอ่าวที่พวกทหารภาคสนามกินกันเท่านั้น
...คิดผิดชัดๆ...
“อยู่เฉยๆ”
เขาออกคำสั่ง
คว้าเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอิฐที่พาดบนเก้าอี้มาสวมทับเสื้อกล้ามสีดำเตรียมออกไปข้างนอก
พอเท้าจะย่างพ้นเขตห้องนอนออกไปกลับมีเสียงเด็กน่ารำคาญตะโกนไล่หลัง
“นี่ใจคอจะล่ามไว้อย่างนี้เลยเหรอ
ล่ามไว้แล้วฉันเกิดอยากเข้าห้องน้ำจะทำไง จะให้ปล่อยบนเตียงเงี้ยเหรอ
เสื้อผ้าก็ไม่มีให้ ห้องนี้ก็เย็นยังกะน้ำแข็งกะจะปล่อยให้หนาวตายไปเองเลยใช่มะ”
เด็กหนุ่มยังคงบ่นพึมพำเป็นภาษาจีนดังเก่า
ทั้งที่ปกตินิสัยไม่ใช่คนประเภทช่างเจรจากับใครแถมเพื่อนก็ไม่มีกับเขาแต่ความกลัวทำให้ปากไวพูดอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด สุดท้ายผู้มากวัยกว่าก็เหลียวหลังย่างสามขุมมายังโต๊ะข้างเตียงที่มีท่อนเหล็กฝังอยู่ซึ่งใช้เป็นหลักยึดโซ่ที่ล่ามกับข้อเท้าอีกคนอยู่
“จะเข้าห้องน้ำใช่ไหม”
เจ้าของร่างใหญ่ทรุดลงกดรหัสบนแม่กุญแจที่มีระบบล็อกแน่นหนาคล้องอยู่กับโซ่ออก ก่อนจะวางเข่าลงบนเตียงพร้อมสอดแขนทั้งสองข้างอุ้มร่างผอมลอยหวือขึ้นมาอย่างง่ายดายเหมือนไม่ได้ใช้แรงแต่อย่างใด
การถูกอุ้มในท่ากึ่งนอนในอ้อมแขนสูงจากพื้นนั้นทำให้คนไม่เคย ยกแขนกอดคนแปลกหน้าที่กำลังเดินไปข้างหน้าไว้แน่นด้วยกลัวจะตก
ความอุ่นจากเรือนกายใหญ่ที่สัมผัสใกล้ชิดผ่อนถ่ายมายังกายผอมที่เย็นเฉียบเยี่ยงน้ำแข็งให้อ่อนคลาย พาจิตใจที่ว้าวุ่นฟุ้งซ่านจากความหวาดหวั่นอันเกิดจากชายผู้นี้คืนสู่ความสงบ
ความอุ่นจากเรือนกายใหญ่ที่สัมผัสใกล้ชิดผ่อนถ่ายมายังกายผอมที่เย็นเฉียบเยี่ยงน้ำแข็งให้อ่อนคลาย พาจิตใจที่ว้าวุ่นฟุ้งซ่านจากความหวาดหวั่นอันเกิดจากชายผู้นี้คืนสู่ความสงบ
ประตูห้องน้ำเป็นส่วนเดียวที่ถูกกั้นเป็นห้องแทนการแบ่งส่วนใช้งานเหมือนห้องอื่นเปิดออก
เด็กหนุ่มถูกวางลงบนพื้นกระเบื้องห้องน้ำใกล้กับชักโครก
โซ่ที่ล่ามกับข้อเท้าผอมถูกมือใหญ่ดึงไปคล้องรอบฐานชักโครก จากนั้นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่จากบนชั้นวางก็ถูกโยนตามลงมาบนตักของคนบนพื้น
โซ่ที่ล่ามกับข้อเท้าผอมถูกมือใหญ่ดึงไปคล้องรอบฐานชักโครก จากนั้นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่จากบนชั้นวางก็ถูกโยนตามลงมาบนตักของคนบนพื้น
“อยู่นี่ล่ะ
เดี๋ยวมา” เป็นอีกครั้งที่คำสั่งเสียงแข็งดังขึ้น “อย่าหนีเพราะถ้าคุณคิดหนี ผมจะให้คุณหนีเล่นวันหนึ่ง จากนั้นผมจะหาตัวคุณให้เจอ ซึ่งเจอแน่ แล้วผมจะหักขาคุณให้หนีไปไหนไม่ได้สักสองสามเดือน”
ชายแปลกหน้าทิ้งท้ายหน้านิ่ง ผุดลุกขึ้นยืนเดินกลับไปยังประตูห้องน้ำและหยุดนิ่งอยู่ราวเกือบนาทีก็เอ่ยขึ้นมาอีกรอบ
“มีปัญญาทำโซ่ขาดได้ก็เดารหัสตรงประตูบ้านให้ดีล่ะ
ถ้าคุณกดผิดกลไกระเบิดที่ผมฝังไว้มันจะทำงาน”
สิ้นคำเจ้าของห้องก็ออกจากห้องน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา
ควานลินกวาดมองไปโดยรอบห้องน้ำอย่างระแวงระวังไล่มาถึงข้อเท้าที่มีโซ่ล่ามอยู่กับชักโครกและเนื้อตัวก็เห็นรอยช้ำเลือดช้ำหนองม่วงปนเขียวทั่วไม่เว้นกระทั่งแขนข้างที่ถูกสวมเฝือกอ่อน
พลันความทรงจำของการถูกไล่ล่าเมื่อคืนวานก็ผ่านเข้ามาให้คำนึง
...มีคนจะฆ่าเขา
ทำไมถึงอยากฆ่า...
...เด็กที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่างแบบเขานี้มีอะไรให้ฆ่าด้วย...
เขาถามตัวเองซ้ำอยู่อย่างนั้นแล้วกัดปากพยุงร่างที่ยังเจ็บอยู่ของตัวเองขึ้นจากพื้นเพื่อทำธุระส่วนตัว
จากนั้นจึงเกาะผนังไปถึงอ่างล้างหน้าควักน้ำเย็นใส่หน้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติ
ดวงตาจ้องเข้าไปในเงาสะท้อนของตนเองในกระจกที่มีรอยปูดช้ำตรงแก้มชัดเจน
...ผู้ชายคนนั้นช่วยเขาจริงดิ...
เด็กหนุ่มย่นหน้าผาก ยังคงไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่ตาเริ่มกวาดทั่วห้องน้ำอีกคราด้วยหวังว่าจะเจออะไรที่พอจะใช้สะเดาะกุญแจล่ามข้อเท้าได้
มือป่ายไปบนผนังเพื่อช่วยพยุงตัวเองให้เดินไปไกลเท่าที่ความยาวโซ่จะพาไปได้ หากในตอนนั้นเองที่มือเขาเผลอดันไปโดนกลไกลับบนผนังเข้า
มือป่ายไปบนผนังเพื่อช่วยพยุงตัวเองให้เดินไปไกลเท่าที่ความยาวโซ่จะพาไปได้ หากในตอนนั้นเองที่มือเขาเผลอดันไปโดนกลไกลับบนผนังเข้า
เสียงเคลื่อนขยับของผนังนั้นทำให้คนเป็นเด็กตกใจถอยกรูด ก่อนจะเห็นว่าผนังปูนที่เหมือนไม่มีอะไรเลยค่อยๆเลื่อนลงจนเห็นตู้กระจกเรียงรายด้วยอาวุธปืนขนาดแตกต่างกันมากมายซึ่งเคยเห็นเพียงในภาพยนตร์เท่านั้นอยู่ต่อหน้า แข้งขาเลยอ่อนยวบทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกรอบ
...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ...
---------------------------------------------------------
เม็ดฝนตกปรอยลงมาอีกคราแม้ท้องฟ้าจะสว่างโร่อันเป็นเรื่องปกติในไต้หวัน
ชายหนุ่มตัวใหญ่สวมแว่นตาดำหอบข้าวของเต็มมือข้างหนึ่งออกจากตลาดหลบเข้ามาในร้านกาแฟริมทางที่มีลูกค้าบางตา
หลังได้อเมริกาโน่เย็นตามสั่งก็เลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์ไม้ยาวริมหน้าต่างใสและทอดมองออกไปยังรถราและผู้คนที่กางร่มสัญจรไปมาก่อนที่แรงสั่นสะเทือนจากในกระเป๋าจะดึงให้มือใหญ่ที่วางบนโต๊ะหยิบโทรศัพท์ระบบอนาล็อกที่แทบไม่มีใครใช้งานแล้วออกมาดูผู้ติดต่อที่ไม่ปรากฏชื่อหรือหมายเลขให้เห็น
หลังได้อเมริกาโน่เย็นตามสั่งก็เลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์ไม้ยาวริมหน้าต่างใสและทอดมองออกไปยังรถราและผู้คนที่กางร่มสัญจรไปมาก่อนที่แรงสั่นสะเทือนจากในกระเป๋าจะดึงให้มือใหญ่ที่วางบนโต๊ะหยิบโทรศัพท์ระบบอนาล็อกที่แทบไม่มีใครใช้งานแล้วออกมาดูผู้ติดต่อที่ไม่ปรากฏชื่อหรือหมายเลขให้เห็น
หญิงสาวที่นั่งห่างออกไปสองเก้าอี้มองโทรศัพท์นั้นแล้วหันไปซุบซิบกับเพื่อนข้างๆ
หากเจ้าของเครื่องกลับไม่สนใจต่อการนินทาว่าร้ายใด
แม้เขาจะมีเงินมากพอซื้อโทรศัพท์มือถือสมัยใหม่หลายร้อยเครื่องแต่การใช้โทรศัพท์ระบบโบราณนี้ช่วยให้การเจาะข้อมูลและการตามรอยเขาเป็นไปได้ยาก
นอกเสียจากคนที่ตั้งใจจะติดต่อจริงหรือเป็นลูกค้าเก่าเจ้าประจำถึงจะติดต่อกลับมาได้ อีกทั้งเขายังมีอุปกรณ์ทันสมัยอื่นที่ติดตั้งระบบก่อกวนสัญญาณกรณีถูกแฮกเกอร์เจาะให้เข้าถึงระบบเน็ตเวิร์คทั้งหลายอยู่แล้ว
แทนที่จะรับสายเขากลับกดตัดสายเรียกเข้านั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋าทำเป็นลืมว่าเคยมีมันอยู่แม้โทรศัพท์จะสั่นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
แม้เขาจะมีเงินมากพอซื้อโทรศัพท์มือถือสมัยใหม่หลายร้อยเครื่องแต่การใช้โทรศัพท์ระบบโบราณนี้ช่วยให้การเจาะข้อมูลและการตามรอยเขาเป็นไปได้ยาก
นอกเสียจากคนที่ตั้งใจจะติดต่อจริงหรือเป็นลูกค้าเก่าเจ้าประจำถึงจะติดต่อกลับมาได้ อีกทั้งเขายังมีอุปกรณ์ทันสมัยอื่นที่ติดตั้งระบบก่อกวนสัญญาณกรณีถูกแฮกเกอร์เจาะให้เข้าถึงระบบเน็ตเวิร์คทั้งหลายอยู่แล้ว
แทนที่จะรับสายเขากลับกดตัดสายเรียกเข้านั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋าทำเป็นลืมว่าเคยมีมันอยู่แม้โทรศัพท์จะสั่นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
...วิธีทำงานของเขาคือการรายงานผลเมื่อปฏิบัติการลุล่วงแล้วเท่านั้น
...ไม่ว่าจะลูกค้าประเภทไหนล้วนต้องชำระเงินค่าจ้างเต็มจำนวนล่วงหน้าเสมอ
...ถึงจะดูหยิ่งยโสแต่ในเมื่อขวนขวายติดต่อมาได้ก็ต้องยอมรับแนวทางของเขาด้วย...
หลังปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้ในกระเป๋าหลายสิบนาที
สุดท้ายมันก็หยุดสั่นแต่มีเสียงการส่งข้อความเข้ามา เจ้าของเครื่องหยิบมันออกมาให้เห็นเพียงจอโทรศัพท์ซึ่งมีข้อความระบุว่า
...หนึ่งอาทิตย์ ห้าทุ่มครึ่ง
ท่าเรือเกาสง...
แจ้งเตือนกำหนดการส่งตัวนั้นพาให้เสียงถามไม่หยุดหย่อนของเด็กที่ถูกขังไว้ในบ้านลอยมา
ดงโฮหลับตาลงยินเสียงฟ้าคำรามลั่นครู่หนึ่งจึงลืมตาถือแก้วกาแฟหอบหิ้วข้าวของที่วางกองบนพื้นไว้ในมือเดินฝ่าฝนไปตามทางชื้นแฉะ ขณะนั้นเองที่สัญชาตญาณเตือนให้ระวังถึงการเคลื่อนไหวของบางคนที่ติดตามมา
ดงโฮหลับตาลงยินเสียงฟ้าคำรามลั่นครู่หนึ่งจึงลืมตาถือแก้วกาแฟหอบหิ้วข้าวของที่วางกองบนพื้นไว้ในมือเดินฝ่าฝนไปตามทางชื้นแฉะ ขณะนั้นเองที่สัญชาตญาณเตือนให้ระวังถึงการเคลื่อนไหวของบางคนที่ติดตามมา
ตาคมเหลือบสูง ณ ผืนฟ้า ยังคงก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วเลี้ยวเข้าซอยที่ห่างจากแหล่งพำนักหลายกิโลเมตร
ฝ่ายสะกดรอยห่างๆ เลี้ยวตามเข้าไปมองหลังใหญ่ที่หายไปอย่างไวในอีกทางแยกและเมื่อไปถึงจุดนั้นกลับไม่พบใครนอกจากทางตัน หากเมื่อหันหลังกลับมาอีกครั้งบางสิ่งกลับฟาดเข้าก้านคออย่างแรงจนร่วงลงไปกอง
ฝ่ายสะกดรอยห่างๆ เลี้ยวตามเข้าไปมองหลังใหญ่ที่หายไปอย่างไวในอีกทางแยกและเมื่อไปถึงจุดนั้นกลับไม่พบใครนอกจากทางตัน หากเมื่อหันหลังกลับมาอีกครั้งบางสิ่งกลับฟาดเข้าก้านคออย่างแรงจนร่วงลงไปกอง
ลำคอถูกมือใหญ่ขย้ำบีบผู้สะกดรอยทั้งตัวลอยจากพื้นกระแทกแรงเข้ากับแนวกำแพงซีเมนต์ของอพาร์ทเม้นต์หมายจะเอาถึงชีวิต
ใบหน้าและนัยน์ตาราบเรียบทอดยังตาเหลือกลานกับความพยายามตะเกียกตะกายขออากาศหายใจก่อนกระซิบฝากคำข้างหู
“ฝากบอกนายคุณด้วย
ถ้ายังอยากให้เด็กนั่นอยู่ดีถึงอาทิตย์หน้า หัดอยู่เฉยๆเสียบ้าง” เสียงเย็นแต่กัดลึกถึงความหวาดหวั่นในหัวใจว่า
ปลดมือออกจากลำคอทำให้ผู้สะกดลอยร่วงไถลลงมากระแทกพื้น แล้วเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยอย่างชำนิชำนาญด้วยศึกษาเส้นทางจากแผนที่ดาวเทียมเป็นอย่างดีมาก่อนหน้า
ถุงข้าวของจำนวนมากถูกวางกองบนโต๊ะไม้ใหญ่ใกล้กับเคาน์เตอร์ครัวที่มีเพียงไมโครเวฟให้ใช้ ก่อนมือใหญ่จะคว้าเอาถุงหนึ่งติดมือเดินไปยังห้องน้ำ
เพียงประตูเปิดออกเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่นห่มคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวก็สะดุ้งเงยมอง
เพียงประตูเปิดออกเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่นห่มคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวก็สะดุ้งเงยมอง
พื้นที่ซ่อนปืนยังคงโชว์หราด้วยคนเผลอกดกลไกไม่รู้วิธีเก็บเข้าไปดังเก่า
ดงโฮกวาดตาอย่างเงียบงันเดินไปกดมือเข้ากับผนังเพื่อเก็บอาวุธกลับเข้าที่แล้วหันหลังพิงกับอ่างล้างหน้า สบตากร้าวแดงของคนผอมที่นั่งสั่นงั่นงกเพียงครู่ก็ส่ายหน้า ค่อยย่อตัวลงมาคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อมองสภาพอีกคนให้เต็มตาพลางยื่นมือใหญ่ออกไปหา
ดงโฮกวาดตาอย่างเงียบงันเดินไปกดมือเข้ากับผนังเพื่อเก็บอาวุธกลับเข้าที่แล้วหันหลังพิงกับอ่างล้างหน้า สบตากร้าวแดงของคนผอมที่นั่งสั่นงั่นงกเพียงครู่ก็ส่ายหน้า ค่อยย่อตัวลงมาคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อมองสภาพอีกคนให้เต็มตาพลางยื่นมือใหญ่ออกไปหา
ควานลินหลับตาแน่นทันทีที่เห็นมือของอีกฝ่ายเอื้อมมา
แม้จะพยายามไม่แสดงความรู้สึกแต่สำหรับเด็กอายุสิบเจ็ดที่ต้องประสบเหตุเฉียดตายและผู้ชายที่พรั่งพร้อมด้วยอาวุธเป็นเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะทำใจวางเฉยเช่นทุกเรื่องที่เคยทำ
ความเย็นคล้ายครีมแตะลงบนข้างแก้มบวมช้ำพร้อมกับสัมผัสของปลายนิ้วที่ไล้ลงมาเบาๆ
กลายเป็นความตระหนก เผลอเปิดตามองจึงได้เห็นหน้าคมอยู่ใกล้เสียจนเห็นไรเขียวของตอหนวดที่โกนไม่เกลี้ยง
ในไม่ช้านัยน์ตาของทั้งคู่เกิดสบกันเข้าและความรู้สึกแปลกประหลาดที่มีผลให้ในใจอุ่นเสียจนต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วตั้งคำถามถึงสิ่งที่บังเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลนั้น
ในไม่ช้านัยน์ตาของทั้งคู่เกิดสบกันเข้าและความรู้สึกแปลกประหลาดที่มีผลให้ในใจอุ่นเสียจนต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วตั้งคำถามถึงสิ่งที่บังเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลนั้น
“โอ๊ย”
ผู้อ่อนเยาว์กว่าโวยเมื่อนิ้วใหญ่กดแรงลงบนแก้ม “นี่มือหรือตีนเนี่ย เบาๆหน่อยสิ”
ฝ่ายตรงข้ามไม่ตอบยังคงทายาแก้ฟกช้ำตามรอยทั่วตัวที่พ้นจากชายผ้าให้โดยไม่พูดอะไร พาให้อีกคนเงียบตามไปด้วย
กระทั่งมือร้อนเริ่มลามสอดเข้ามาใต้เสื้อคลุมและสายรัดรอบเอวกำลังถูกดึงให้เปิดออกเสียงร้องเลยแผดขึ้นมาอีก
“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ
จะทำอะไร” คนผอมคว้าแขนที่มือตัวเองยังกำไม่รอบให้หยุด
ช่วงเวลาแห่งการมองกันไปมาอย่างเงียบงันเริ่มต้นขึ้นอีกหน ก่อนที่หลอดยาจะถูกยัดใส่มือผอมเป็นเชิงให้ทาเอาเองพร้อมกับที่ผู้ใหญ่คนเดียวในห้องก็ถอยไปหยิบเสื้อผ้าออกจากในถุงโยนให้
“ใส่ซะ”
เด็กหนุ่มก้มมองเสื้อยืดแขนยาวสีเทาตัวโคร่งกับบ็อกเซอร์และกางเกงผ้าขายาวสีดำใหม่เอี่ยมบนตักพลางหยิบมันมาดูป้ายที่มีขนาดเดียวกับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมมาซึ่งไม่รู้ว่าอันตรธานหายไปไหน จากนั้นก็ชักหวั่นใจว่าการรู้ขนาดตัวเขา อาจเป็นผลมาจากการถูกลูบคลำทำมิดีมิร้ายมา ตาจึงเหลือบมองทางผู้ใหญ่ที่ยืนกอดอกอยู่อย่างหวาดระแวงมากกว่าเดิม
อีกฝ่ายรู้ดีถึงคำถามที่แฝงอยู่ในแววตาทั้งคู่แต่คร้านเกินกว่าจะสรรหาคำแก้ความเข้าใจผิดด้วยคิดว่าเสียเวลาเปล่าเลยตั้งใจจะปล่อยทิ้งให้ใส่เสื้อผ้าเอาเองตามมีตามกรรม
“ล่ามไว้แบบนี้จะใส่กางเกงได้ไง”
คำร้องนั้นเรียกให้เท้าชะงักหยุดและต้องเดินกลับมาจับข้อเท้าของเด็กน่ารำคาญที่มีโซ่ล่ามอยู่
“ถ้าคุณไม่อยากโดนล่ามก็ทำตามที่ผมสั่ง”
เด็กหนุ่มจิกตาต่อเสียงเรียบนั้นด้วยอยากจะเถียงใจแทบขาด แต่จิตสำนึกแจ้งเตือนชัดเจนว่า
หากขัดขืนคงได้โดนหักแขนหรือขาสักข้างเลยนิ่ง ปล่อยให้ข้อเท้าถูกปลดออกจากโซ่เงียบๆ
“ทายา
ใส่เสื้อผ้าแล้วออกมา” คำสั่งตามมาอีกคำรบพร้อมกับการกระแทกประตูห้องน้ำปิดดังปัง
เจ้าของห้องกอดอกพ่นลมหายใจร้อนผ่านปาก
เรียกได้ว่าเป็นการถอนใจครั้งแรกในรอบหลายปีที่หันเหเส้นทางเป็นนักฆ่าเลยก็ว่าได้
...อยู่กับคนเป็นน่ารำคาญกว่าอยู่กับคนตายหลายร้อยเท่า...
ระหว่างรอให้เด็กในห้องน้ำจัดการกับตัวเองนานถึงยี่สิบนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดออกเสียที
แม้จะมั่นใจในบ้านของตนเองดีว่าไร้ทางหนี
หากความเป็นคนรอบคอบจึงเปิดประตูโดยที่กายยังอยู่ชิดผนังด้านนอกเผื่อว่า
เด็กคนนั้นจะหยิบจับอะไรในห้องน้ำเป็นอาวุธทำร้ายแต่เมื่อประตูอ้ากว้างกลับไม่มีอะไรโผล่ออกมาและพอเดินไปดูก็เห็นร่างผอมสวมเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้น
“ลุก”
เสียงนั้นดุขึ้น
“ลุกไม่ได้”
“ทำไม”
“ขา...ขามันไม่มี...ฮัดเช้ย”
คนอ่อนกว่าตอบไม่ทันจบประโยคก็จามเสียงดังออกมาจนหัวโยกหัวคลอน
ดงโฮสูดลมหายใจอย่างอดกลั้นแล้วก้าวเข้าไปอุ้มร่างผอมที่แข้งขายาวจนดูเหมือนจะสูงกว่าตนเสียด้วยซ้ำลอยจากพื้นใช้เท้าดันประตูห้องน้ำที่กำลังจะปิดเข้ากรอบให้เปิดออกตรงดิ่งกลับไปยังห้องนอนเกือบจะโยนคนในอ้อมแขนลงกับเตียงแต่ก็เปลี่ยนเป็นวางลงเฉยๆ
...ที่สุดแห่งภาระ
คุ้มกับเงินไหมวะ...
เพราะช่องที่เคยมีแสงตะวันลอดเข้ามาหายไปเพราะภายนอกเข้าสู่ราตรีกาลทำให้คนชินกับความมืดจำใจต้องเปิดไฟเพราะอีกคนยังไม่ได้กินข้าวกินยา
“นั่ง”
พอสั่งเสร็จก็หายออกไปครู่หนึ่งและกลับมาพร้อมกับหิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ไว้มือส่วนอีกมือยื่นอาหารกล่องใหญ่มาให้
“กินซะและอย่าทำหก”
คนเด็กกว่าเหลือบตาใส่ผู้ใหญ่ชอบสั่งจึงออกแรงเปิดกล่องอาหารที่มีข้าวต้มปลานวลจันทร์ผสมหอยนางรมหอมกรุ่นอยู่ในช่องใหญ่ของกล่องอาหารและแพนเค้กต้นหอมแฮมกับไก่ทอดรวมทั้งซาลาเปาอบโอ่งตัดเป็นชิ้นพอดีคำจำนวนหนึ่งวางอยู่ในช่องข้างๆ
ทำให้ตากลมรีนั้นเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น
...นานแล้วที่เขาไม่ได้กินอาหารบำรุงร่างกายในปริมาณที่อิ่มท้อง...
...ทุกวันเขาดำรงชีพด้วยบะหมี่ที่มีเนื้อสัตว์นิดหน่อยหรือไม่ก็ข้าวกับไข่ต้มใบชาหรือเครื่องในต้มราคาถูก...
มือเรียวหยิบช้อนในกล่องกวาดอาหารที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากอย่างหิวโหยจนเกลี้ยงโดยไม่กลัวว่าจะถูกวางยาจึงได้สติจ้องไปยังชายอีกคนที่นั่งไขว่ห้างกินข้าวเหนียวห่อไส้กรอกแบบไต้หวันตรงมุมห้อง...คำถามมากมายผุดพรายในหัว
แม้จะกลัวแต่ปากก็ขยับเกริ่นถาม
“นาย...นายมีชื่อให้เรียกไหม”
หลังถ้อยคำหลุดจากปาก ตากลมหรี่ลงอย่างระแวงว่าจะโดนอะไรกลับมา
หากอีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนองยังคงกินของในมือไปเรื่อยๆ
“ถามจริงๆที่จับฉันมาเนี่ยมีจุดประสงค์อะไร...ไอ้ยาจกอย่างฉันน่ะมีอะไรให้ต้องจับมาเหรอ
หรือว่าเพราะ...เพราะฉันเห็นที่นายยิงผู้ชายที่ทำร้ายฉันเมื่อวานก็เลยต้องจับมาเพราะกลัวฉันจะปากโป้งไปแจ้งตำรวจ
ถ้าเป็นงั้นไม่ต้องกลัวหรอก ฉันกับตำรวจไม่ถูกกันอยู่แล้ว” เสียงแหบเงียบลงมองคนที่ยังเฉยความคิดร้ายๆก็ผุดเข้าหัวมาเต็มไปหมด
“หรือว่ามันจะเกี่ยวกับเลือดของฉัน ไอ้หมอเกาหลีเถื่อนคนนั้นมันขายฉันให้นายผ่าเอาอวัยวะไปขายในตลาดมืด
ไม่ก็จะเอาฉันไปผลิตเลือดขายใช่มั้ย
แต่เท่าที่ฉันเรียนมาพวกเลือดมันจะสร้างใหม่ได้ใช้เวลาเป็นเดือนนะ
ใจคอจะรีดเลือดฉันตายเลยว่างั้น ไม่ๆๆๆ ถ้าจะเอาถึงขนาดนั้น ถ้าอยากได้เงินล่ะก็
เอางี้มะ ฉันจะไปถอนเงินที่สะสมไว้มาให้ ขอแค่นายปล่อยฉันไปก็พอ”
คนตัวใหญ่ยินคำถามที่พรั่งพรูไม่หยุดหย่อนเหมือนยุงบินว่อนรอบหูพร้อมกลืนชิ้นไส้กรอกที่เคี้ยวละเอียดลงคอจึงลุกจากเก้าอี้หายไปข้างนอกอยู่หลายนาทีก็ถือถุงพลาสติกสีขาวเดินกลับเข้ามายืนข้างเตียงพร้อมยื่นซองยาแก้อักเสบกับน้ำขวดหนึ่งจากในถุงให้พลางพยักหน้าเป็นเชิงให้กินเข้าไป
เด็กหนุ่มรับแผงยาแก้อักเสบมาพลิกอ่านสรรพคุณจึงแกะยาสองเม็ดใส่เข้าปากตามด้วยน้ำและเตรียมจะตั้งคำถามอีกก็ถูกบางสิ่งที่เย็นและหวานแทรกเข้ามาในปากอย่างรวดเร็วจนแทบสำลัก
พอตั้งหลักจับสิ่งที่คาในปากดึงออกมาดูก็เห็นไอกครีมวาฟเฟิลสอดไส้วานิลลาคาราเมลอยู่ในมือ
“กินซะจะได้เงียบๆ”
เขาบอกเสียงเรียบทั้งที่ข้างในเหนื่อยระอา แขนทั้งสองยกกอดอกพิงหลังกว้างกับกำแพงจ้องดูเด็กที่มองไอศกรีมที่เขาซื้อติดมือเผื่อจะอุดปากเด็กช่างถามและเหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะเด็กตรงหน้าเล่นกินเอากินเอาอย่างเอร็ดอร่อย
...กินเสร็จคงพอดียาออกฤทธิ์...
“ไอติมนี่อร่อยดีอ่ะ”
เมื่อไอศกรีมคำสุดท้ายผ่านลงคอก็มีคำถามใหม่ตามมาอีก “นี่ นายหมี
มีไอติมแบบนี้อีกเปล่า”
คำเรียกว่า
นายหมี ทำให้ฝ่ายถูกเรียกหรี่ตาจนเล็กหยีอย่างไม่ชอบใจอยู่ในทีแต่ไม่ยอมปริปาก
กระทั่งคนบนเตียงหาวหวอดแต่ยังเรียกร้องหาไอติมจากนายหมีไม่หยุดเสียทีก็ชักรำคาญเลยทรุดลงนั่งบนเตียงดึงซองไอศกรีมสีเหลืองออกจากมือลงถังขยะใต้โต๊ะข้างเตียงจากนั้นจึงอ้อมแขนเท้ามือคร่อมอยู่เหนือคนเป็นเด็กที่กระถดถอยจนร่างผอมนอนราบไปทั้งตัว
“ผมแก่จนจะเป็นพ่อคุณได้อยู่แล้ว”
เสียงกร้าวแข็งเอ่ยเน้นทีละคำอย่างเนิบช้าให้ความรู้สึกราวกับกำลังถูกขู่ฆ่า
“ไม่...ไม่อยาก...ให้เรียกนาย...หมี...ก็...ก็บอก...ชื่อมา...สิ”
คนเป็นเด็กกลัวจนพูดไม่ปะติดปะต่อกัน
“คุณไม่ต้องรู้หรอก
เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”
“พรุ่ง...พรุ่งนี้...ยัง...ยังเจอ...หรือเปล่า”
ทั้งที่ปากคอสั่นก็ยังไม่ยอมหยุดถาม ท้ายที่สุดคนเป็นผู้ใหญ่ก็ถอนใจออกมาต่อหน้า มือใหญ่วางลงบนหน้าผากลามมาปิดถึงดวงตา
“เงียบแล้วนอน
เพราะถ้าไม่นอนผมจะกระแทกหัวคุณกับผนังจนสลบแล้วจะล่ามโซ่อีกรอบ”
ถ้อยคำสั่งเสียงเรียบไร้แววล้อเล่นดุจเดิมทำให้คนเป็นเด็กนอนหลับตารู้สึกได้ถึงสปริงของเตียงที่คืนตัวอันเป็นผลจากการถอยพ้นไปของร่างใหญ่ก่อนที่ผ้าห่มหนาอีกสองผืนจะถูกคลุมลงมาทั้งตัวจนถึงคอ
ดงโฮผละจากเตียงปิดสวิตซ์ไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดจึงก้าวกลับไปนั่งเอนหลังพิงคอบนพนักเก้าอี้ที่อยู่ตรงมุมห้อง
อาการอ่อนล้าจากการวุ่นวายดูแลเด็กถาโถมเข้ามานั้นหนักหนาขนาดที่สู้กับบอดี้การ์ดของเป้าหมายในการฆ่าเป็นฝูงยังไม่เหนื่อยเท่านี้
...น่ารำคาญจริงๆ...
“อย่าฝันร้ายล่ะ”
ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบาด้วยเกรงจะได้ยินเสียงละเมอหลอนระหว่างพักสายตา
ควานลินลืมตาในความมืดยินประโยคแทนการกล่าวราตรีสวัสดิ์
มือเรียวยกขึ้นสัมผัสบนหน้าผากที่คล้ายไอร้อนจากปลายมือของคนตัวใหญ่เมื่อครู่ยังคงอยู่
น่าแปลกที่เมื่อคืนวานและตลอดวันนี้ผู้ชายแปลกหน้าท่าทางเหมือนฆาตกรคนนี้ทำให้เขากลัวแทบบ้าหากความรู้สึกอุ่นอย่างประหลาดกลับก่อตัวขึ้นในใจและก่อนที่ฤทธิ์ยาแก้อักเสบและยาแก้หวัดจะพรากสติให้เลือนหาย
ริมฝีปากอิ่มกลับเอ่ยตอบอย่างเลื่อนลอย
“อย่าฝันร้ายล่ะ
นายหมี”
-------------------แวะคุยกันก่อน------------------
ตอนสองมาแล้ว 5555555555 ดูนายหมีสิโห้ดโหด ควานลินก็โวยวายกลัวตาย
ดูเหมือนพวกมาโซมาเจอกันเลยอ่ะ 555555 อ้อ ประกาศผลแล้ว
น้องกับพิจ๋าไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราจะเขียนฟิคต่อจนจบ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ยังไงอ่านแล้วรบกวนเม้นหรือติดแท็ก #ficlovetoxical ในทวิตเตอร์ด้วยน้า
3 Comments
แง ขนาดพี่จ๋ารุนแรงยังรู้สึกอบอุ่นเลยอ่ะ น้องหน้าตาเหมือนภรรยาที่เสียไปด้วย เดี๋ยวมีหวั่นไหวชัวร์ นี่แบบลั่นเลยเรียกนายหมี 5555 สรุปกลัวพี่หรือไม่กลัวกันแน่เนี่ย สู้ๆ น๊าไรท์ เราชอบฟิคที่ไรท์แต่งมากๆ ขนาดคู่ที่ไม่จิ้นเรายังอินกับฟิคไรท์เลย สู้ๆ นะคะ
ตอบลบงื้ออออ จะมาต่อไหมคะ เรารออ่านอยู่น้าาาา
ตอบลบใจสั่นรุนแรง ทำไมพี่จ๋าเถื่อนแต่อบอุ่นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำง่ายๆไม่ซับซ้อน
ตอบลบ-ตั้งแต่อาบน้ำให้น้องแล้วจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำอุ่นให้น้องก็ได้อ่ะ แต่แบบเอ่อความใส่ใจเล็กๆ แม้ตอนอาบน้ำกับสระผมให้นี่จะแบบ 5555 นักฆ่าอ่ะเนอะจะให้นุ่มนวลมากก็ไม่ได้ เรื่องอาหารงี้อย่างที่บอกไม่จำเป็นต้องดูแลดีก็ได้ แบบกินตามมีตามเกิด แต่นี่คือหาอาหารให้น้องจัดเต็มแถมมีไอติมด้วยอีกต่างหาก..
- อย่าฝันร้ายหล่ะ TT เหมือนว่าพูดไปทีแต่ความหมายมันก็คือ ฝันดีนะ