LOVE TOXICAL : HOLIN CHAPTER 2

09:27




รถสปอร์ตซีดานสีดำปลอดแล่นทะยานฝ่าสายฝนกระหนำผ่านเข้าไปจอดยังลานจอดรถใต้ดินของคอนโดมิเนียมชานกรุงไทเปที่มีขนาดความสูงเพียงสิบชั้นและเก่าคร่ำด้วยก่อสร้างมานานหลายสิบปี ก่อนที่คนขับจะเปิดประตูลงจากรถอ้อมมาอุ้มบางสิ่งที่ห่อไว้ด้วยเสื้อกันฝนข้างเบาะคนขับไปยังลิฟต์ของลานจอดซึ่งเชื่อมต่อสู่ชั้นอาศัยในอาคาร
 

เท้าใหญ่ก้าวออกจากลิฟต์ที่เคลื่อนมาจอดยังชั้นแปดตรงไปยังห้องชุดประตูสีดำ หลังกดรหัสพร้อมรูดคีย์การ์ดประตูจึงเปิดต้อนรับสู่ความมืดมิด ทว่าเจ้าของห้องอุ้มบางสิ่งในอ้อมแขนเดินเข้าไปโดยไม่เปิดไฟด้วยรู้ทุกซอกทุกมุมของห้องชุดแห่งนี้รวมทั้งคุ้นชินการใช้ชีวิตในความมืดดี  ทำให้สามารถไปถึงห้องน้ำได้อย่างง่ายดาย 


พลันเมื่อแสงไฟในห้องน้ำปูนเปลือยที่แยกส่วนเปียกและแห้งด้วยประตูกระจกใสสว่าง เสื้อกันฝนที่ห่อคลุมบางอย่างมาถูกวางลงอ่างและเมื่อดึงเสื้อนั้นออก ร่างผอมเปียกปอนเปื้อนโคลนจนผิวเนื้อเย็นเฉียบก็ไถลลงไปนอนในอ่างที่มีน้ำอุ่นรินออกจากการหมุนเปิดก็อกของคนมีสติ



เสื้อผ้าและกางเกงยีนส์กระทั่งชั้นในถูกกระชากออกอย่างรีบร้อนพร้อมกับครีมอาบน้ำเกือบครึ่งขวดที่ถูกบีบตามลงไปอย่างส่งๆ 



มือใหญ่กร้านจากการฝึกฝนจับอาวุธปืนรบราเนิ่นนานในฐานะนาวิกโยธินสหรัฐฯประจำการในอิรักมาหลายปี
ก่อนที่จะปลดระวางงานเก่ากลายสภาพเป็นมือสังหารอิสระที่งานหลักส่วนใหญ่ข้องเกี่ยวข้องกับการตัดท่อน้ำเลี้ยงผู้ก่อการร้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ถูลงไปตามเนื้อตัวขาวใต้ฟองครีมขาวปริ่มขอบอ่าง 



ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราและนัยน์ตาคมกริบสงบเรียบเหมือนรูปปั้นทอดนิ่งยังผู้อ่อนวัยกว่าตรงหน้าที่ยังไร้สติเพราะฤทธิ์ยานอน หลับซบหัวลงกับกำแพงห้องเลอะดินโคลนนั้นถูกขัดออกอย่างไม่ปราณีปราศรัย



เช่นเดียวกับเรือนผมที่เพียงสระด้วยการขย้ำไปมาไม่กี่ครั้งก็ปล่อยน้ำในอ่างแล้วเปิดฝักบัวฉีดใส่ชำระคราบฟองอีกสองสามที จึงได้ฤกษ์จับใส่ชุดคลุมอาบน้ำอุ้มมาวางลงบนเตียงนอนคลุมด้วยผ้าห่มหนาในห้องที่เย็นและมืดจนตาคนปกติมองไม่เห็นสิ่งใด



หลังจัดการกับเป้าหมายหลักของงานในครั้งนี้ให้อยู่ในสภาพที่คิดว่าคงสะอาด ก็ถึงคราวที่จะต้องจัดการกับคราบเหงื่อไคลซึ่งสั่งสมมาเสียตั้งแต่ตอนปฏิบัติงานในฟิลิปปินส์ 



ความประสงค์ให้กลิ่นตัวกลมกลืนไปกับผู้คนในเขตปกครองพิเศษรวมทั้งการดำน้ำอยู่ในมหาสมุทรเป็นนานกว่าจะมาถึงจุดจอดเรือทำให้การอาบน้ำไม่ใช่เรื่องจำเป็น หากเมื่อกลับขึ้นฝั่งถึงจะเจอพายุฝนโหมเสียจนเปียกโชกกระนั้นเขาก็คิดว่าควรจะอาบน้ำและโกนหนวดที่ไว้มานานจนรำคาญออกเสียบ้าง



สายน้ำอุ่นจากฝักบัวหยุดทำงานก่อนที่กายใหญ่หนาด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังและฝึกฝนร่างกายทุกเมื่อเชื่อวันมีผ้าเช็ดตัวพันกายจะก้าวเช็ดเท้าเปียกบนพรมเดินมายังอ่างล้างหน้า พลางคว้าเครื่องโกนหนวดไฟฟ้ามาเปิดไถหนวดรกครึ้มของตนออกเหลือเพียงไรสั้นเป็นแนวเขียวเหนือริมฝีปาก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมสันเฉกชาวเอเชียตะวันออกแม้นจะขาว หากในสายตาชาวตะวันตกยังคงจัดเป็นโทนเหลือง



คัง โดโนแวน หรือ คัง ดงโฮ อดีตนาวิกโยธินสัญชาติอเมริกา เชื้อชาติเกาหลีใต้ควักน้ำล้างหน้าขจัดตอหนวดที่เหลือติดค้างโดยไม่มองกระจกก็หยิบกางเกงขายาวลายพรางที่ใส่นอนเป็นอาจิณสวมและปิดไฟเดินกลับเข้ามายืนข้างเตียงซึ่งเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนพาคนไม่ได้สติมาทิ้งไว้



นาทีที่ไฟหัวเตียงสว่างจากการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวทำให้เห็นว่าหมอนที่หัวเปียกน้ำจากการสระโดยไม่เช็ดนอนอยู่ซึมชุ่ม คนที่ลืมวิธีดูแลคนอื่นไปนานแล้วยกแขนกอดอกชั่งน้ำหนักความคิดว่าควรปล่อยทิ้งไว้หรือจะหาอะไรทำให้หัวแห้ง



...ปล่อยไว้คงได้ เด็กผู้ชายกะโหลกหนา ขนาดเขาซ้อมรบตากฝนเป็นอาทิตย์ยังไม่เป็นไร



ความตั้งใจแรกดำเนินขึ้นในหัวสมองเพียงสองนาทีแรก แต่ความคิดใหม่ที่ว่า โดนกระทืบมาไม่แน่ใจว่าจะหายทันส่งตัวไหม ถ้าเป็นหวัดเพิ่มคงเป็นภาระใหญ่แล่นเข้ามา ทำให้คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ในความสลัวลางของแสงไฟนวลตาจากโคมหัวเตียงก็หันหลังไปคว้านหาอะไรบางอย่างในตู้ไม้ยาวติดผนังตรงปลายเตียง หยิบเอาเครื่องเป่าผมที่ม้วนเก็บไว้อย่างดีออกมาเสียบปลั๊กยืนเป่าลมร้อนใส่พอแห้งจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป



...นานแล้วที่เขาไม่ได้จับไดร์เพื่อเป่าผมใครให้แห้ง เพราะส่วนใหญ่ใช้งานมันก็เพื่อทำกับดักหรือประกอบชิ้นส่วนอำพรางระเบิดมือที่ทำขึ้นเพื่องานสังหาร...



เดิมทีเขาไม่ใช่มือสังหารมาแต่ต้น หากเป็นเพียงเด็กที่เติบโตมากับปู่ชาวเกาหลีในย่านไชน่าทาวน์ มุมานะจนขยับมาเป็นนาวิกโยธินยศพันโทที่ผ่านสมรภูมิรบในอิรักและพื้นที่เสี่ยงภัยมาหลากหลาย อีกทั้งยังเป็นนาวิกโยธินเชื้อสายเอเชียเพียงไม่กี่รายที่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญจากประธานาธิบดีสหรัฐ 



ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้ชายที่ใครต่างพากันรักใคร่ในความอบอุ่นมีน้ำใจและเป็นคริสเตียนที่ศรัทธาในพระเจ้าจนหมดหัวใจ 



กระทั่งเกิดเหตุร้ายจากระเบิดในการแข่งขันบอสตันมาราธอนที่ทำให้ภรรยาของเขาซึ่งกำลังอุ้มท้องไปเที่ยวพักร้อนและแวะไปให้กำลังใจเพื่อนที่เข้าแข่งขันถูกลูกหลงจนเสียชีวิตไปพร้อมกับลูกน้อยที่เขายังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้านอกจากรูปในฟิล์มอัลตร้าซาวน์เมื่อสี่ปีก่อนเข้า เป็นผลให้เขาเลิกศรัทธาในพระเจ้าและก้าวเข้าสู่วงการนักฆ่าอิสระที่รับงานเสี่ยงตายทำเพียงลำพัง



ดงโฮไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แม้จะมีพรรคพวกก็เพียงคบหาเพื่อประโยชน์ต่อการหาข่าวและการเข้าถึงแหล่งอาวุธเพื่อใช้งาน 



ทว่าทักษะการฆ่าที่ไม่ผิดพลาดเป็นประโยชน์ต่อองค์กรลับของภาครัฐให้หลายประเทศที่ว่าจ้าง ทำให้ทางการละเว้นโทษตาย 



การเฝ้าประหัญประหารจากศัตรูคู่แค้นยังมีรอบด้าน แต่เขากลับไม่แยแสด้วยการเสี่ยงตายนั้นเป็นวิธีที่เขาชอบใช้ท้าทายพระเจ้า



...ส่งตัวเขาให้ถึงสหรัฐอย่างปลอดภัย...



ชายหนุ่มทวนคำของตัวแทนผู้ว่าจ้างซึ่งไม่ประสงค์ออกนามแต่เขาสืบรู้ตัวตนของผู้ว่าจ้างได้เสียตั้งแต่ได้ข้อมูลของเด็กที่ยังนอนไม่ได้สติบนเตียง


การตามรอยเส้นทางการขายเลือดให้ถึงผู้ซื้อโดยเฉพาะเลือดกรุ๊ปพิเศษที่มีราคาสูงลิบไม่ใช่เรื่องยาก แต่เด็กคนนี้มีเลือดกรุ๊ปพิเศษที่ขายได้ตั้งแต่เลือดยันเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีลูกค้าหลักเป็นนักธุรกิจที่หน้าฉากทำธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยให้หน่วยงานทหารแต่เบื้องหลังกลับค้าอาวุธซึ่งตอนนี้ป่วยหนักแต่ต้องยื้อชีวิตเพื่อให้ธุรกิจของตนยังดำเนินต่อ



...นักฆ่ารับจ้างเมื่อวานน่าจะเป็นคู่แข่งทางการค้าที่ทราบเรื่องอาการป่วยเข้าส่งมา...



ความจริงงานประเภทส่งตัวข้ามแดนหรือลักพาตัวบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายเป็นงานที่เขาไม่รับทำ เพราะไม่ต้องการวุ่นวายกับสิ่งมีชีวิตที่มีปากเสียงแต่กระทืบให้เงียบไม่ได้ แต่รูปของเด็กคนนี้ที่ถูกส่งตามมาในภายหลังทำให้เขาเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายจนมาไม่ทันช่วยเป้าหมายพ้นจากการถูกทำร้าย


นัยน์ตากลมรีหางตกบนดวงหน้าขาวละมุนรับกับจมูกโด่งรั้นน้อยๆยามวางเฉยดูแสนดื้อ ริมฝีปากกระจับอิ่มราบเรียบนั้น หากมีรอยแย้มสักนิดคงเป็นคนเดียวกันกับสตรีที่เขารักเสมือนลมหายใจ


เสียงลมเป่าเงียบลงพร้อมกับเครื่องเป่าผมที่ถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียง  แสงไฟสลัวจากโคมหรี่ลงกระทั่งทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดก่อนที่ร่างใหญ่จะย่างเท้าไปนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ตรงชุดโต๊ะนั่งเล่น ณ มุมหนึ่งของห้องพลางหลับตา


...หากพระเจ้าประสงค์จะเล่นเกมด้วยการส่งใครสักคนที่ละม้ายภรรยาของเขามาทดสอบจิตใจ...

...คนบาปอย่างเขาก็จะเล่นเกมนี้ด้วย...
-----------------------------------------------------

อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศผสานกลิ่นหอมแปลกอวลอบทำให้ผู้โดนยาสลบเล่นงานกระทั่งมันหมดฤทธิ์ที่มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำคลุมตัวขดอยู่ใต้ผ้าห่มหนาหนาวจนสั่น และในไม่ช้าก็รู้สึกตัวตื่น หากความเจ็บร้าวตามใบหน้ากระทั่งเนื้อตัวที่กินลึกถึงกระดูกราวกับมันได้แตกออกเป็นเสี่ยงทำให้เปลือกตาคร้านจะขยับลืม



...โลกหลังความตายนอกจากจะหนาวแล้วยังเจ็บได้อีกเหรอ...



ควานลินถามตัวเองด้วยยังเชื่อว่าตนคงถูกฆ่าตายกลายเป็นศพนิรนามเป็นที่เรียบร้อย แต่เพราะกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ลอยมาแตะจมูกและเสียงลับของมีคมคล้ายมีดส่งผลให้ท้ายที่สุดเปลือกตาหนักอึ้งก็ได้ฤกษ์เปิดขึ้น



สิ่งแรกที่ปรากฏในสายตาเป็นเพดานกว้างที่มีแสงตะวันสีส้มทองลอดจากช่องว่างกว้างสามนิ้วระหว่างรอยต่อของผนังกับเพดานที่กรุด้วยกระจกพ่นทรายอาบทั่ว เมื่อลองหันหัวบนหมอนไปอีกด้านก็เห็นประตูบานเฟี้ยมกระจกใสซึ่งส่องทะลุให้เห็นถึงภายนอกอันเป็นห้องกว้างไร้ฝ้าเพดานหรือหน้าต่าง รอบด้วยผนังปูนขัดมันเปลือยให้เห็นถึงงานเดินท่อรวมทั้งงานเดินสายไฟแทนการใช้ข้าวของอื่นประดับตกแต่ง เครื่องเรือนชิ้นใหญ่ทำจากไม้ไม่ขัดสีจัดวางเท่าที่จำเป็นทำให้ดูโล่งโปร่งตา



...ที่นี่ที่ไหน...



คำถามนั้นเกิดขึ้นในใจอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงลับมีดที่ยังคงอยู่ เรียกให้เจ้าตัวตะแคงเหลือบตาต่ำมองไปยังปลายเตียงก็เห็นแผ่นหลังกว้างหนาและมัดกล้ามใต้เสื้อกล้ามสีดำของชายผู้ตัดผมรองทรงสั้นคนหนึ่งนั่งเอียงข้างรับแสงที่สาดลงมา 



แม้นจะเห็นหน้าเพียงเสี้ยวด้านข้างทว่าองค์ประกอบที่ธรรมชาติบรรจงจัดวางนั้นได้สัดส่วนแลคมเป็นสันราวกับประติมากรรมนักรบสำริดโบราณ มือทั้งสองถือมีดสั้นรับคมกันไปมาโดยตาทั้งคู่จับอยู่ที่แสงทองด้านนอกนั้น



ตากลมกลอกไปมาทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เท้าขยับหมายตะกายหนี แต่ความเย็นและหนักของบางสิ่งพันธนาการข้อเท้าไว้ให้เคลื่อนไปไม่พ้นเตียง 



เมื่อหวังจะใช้มือดันตัวขึ้นกลับไม่สามารถขยับได้ดังใจ ยิ่งก้มมองอาภรณ์ที่สวมติดกายก็มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น


โซ่ล่ามสะเทือนตามแรงลากและเสียงเสียดสีของโลหะเรียกให้คนตัวใหญ่หยุดลับมีดสั้นเหลียวมาอย่างช้าๆ 



การประสานสายตาเกิดขึ้นชั่วนาทีก่อนที่คนตัวใหญ่กว่ามากจะเป็นฝ่ายลุกเดินมายืนข้างเตียง แล้วคว้าศอกแขนข้างที่เจ้าของแขนไม่สามารถขยับตามใจขึ้นมาจับคลำไปตามแนวกระดูก กระทั่งเจอต้นตอของปัญหาจึงออกแรงดันกระดูกที่เคลื่อนจากข้อต่อกลับเข้าที่จนได้ยินเสียงลั่นของกระดูก



“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เหี้ยเอ๊ย” เด็กหนุ่มมร้องสบถเป็นภาษาจีนออกมาสุดเสียง น้ำตาอุ่นเล็ดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ก่อนจะตามมาด้วยคำผรุสวาทยาวเป็นพรวน “ไอ้ชั่ว มึงเป็นใคร จะฆ่ากันหรือไง จับกูมาทำไม คิดจะเรียกไถ่หรือไง คิดว่ากูเป็นลูกคุณหนูเหรอ แค่เงินจะซื้อข้าวแดกยังไม่มี จับกูมาเรียกค่าไถ่ชาตินี้ยังไงก็ไม่ได้เงินหรอก”



ทว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีสะเทือนต่อการด่าทอ แค่เดินไปหยิบเฝือกอ่อนสีดำมาใส่ให้พร้อมรัดด้วยสายคาดแน่นหนาพลางปรายตายังดวงหน้าเรียวเล็กที่ตรงแก้มมีรอยเขียว ค่อยเลื่อนสำรวจร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายอย่างเฉยชา แม้ในใจจะรำพึงกับตนเองถึงความเหมือนกันระหว่างภรรยาผู้ล่วงลับกับคนตรงหน้า



คนตัวใหญ่วางแขนผอมลงดังเก่าแล้วก้าวถอยหลังมากอดอกจ้องผู้อ่อนวัยกว่าที่กัดปากทำนิ่งเหมือนไม่เป็นอะไรทั้งที่แววตาฉายความโกรธแค้นระคนเจ็บและหวาดกลัวชัดเจน



...แค่หน้า นอกนั้นไม่เหมือนเลย...



“อะไรวะ หูหนวกหรือไง ก็บอกแล้วว่าจับมาแบบนี้มันเสียแรงเปล่า ยังไงก็ไม่มีวันได้เงิน เฮ้ย นี่ไม่เข้าใจที่พูดเหรอ หรือว่าแม่งไม่ใช่คนไต้หวันวะ งั้นก็...” เพราะความนิ่งของฝ่ายตรงข้ามทำให้อีกคนตีความว่าอาจเป็นโจรต่างชาติเลยไม่เข้าใจภาษาจีนกลาง เลยลองแปลเป็นภาษาไต้หวัน ภาษาอังกฤษ จนถึงภาษาเกาหลีที่เคยร่ำเรียนมาและได้เกรดเอทุกครั้งเข้าใส่แต่ทางนั้นก็ยังเฉยเหมือนไม่เข้าใจสักคำที่พูด



...หรือบางทีอาจจะไม่ได้จับมาเรียกค่าไถ่ แต่จับมาทรมานและฆ่าตามวิถีพวกฆาตกรโรคจิต...



“เฮ้ย ไอ้โรคจิต กูไปทำอะไรให้ถึงต้องฆ่ากันด้วย คนอย่างกูน่ะ พ่อแม่ก็ไม่มีแล้ว ฆ่าไปก็ไม่มีใครตามหาหรอก อยากจะสร้างชื่อจากการฆ่าต่อเนื่องกับกูน่ะ อย่างดีก็ได้แค่ฆ่าศพนิรนามเท่านั้นแหละ” ความกลัวทำให้ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูไม่หยุดหย่อนและยังถูกแปลเป็นภาษาอื่นต่อไปอีกเรื่อยๆ



สุดทนคนที่ปล่อยให้ถูกด่าอยู่เป็นนานเอื้อมมือบีบคางเรียวให้เงยขึ้นมาหา ตาคมจ้องเงาสะท้อนของตนในดวงตากลมสวยทั้งคู่พลางเอ่ยเตือนเน้นทีละคำเป็นภาษาจีนด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกจนคนได้ยินเม้มปากแน่นโดยอัตโนมัติ



“เงียบไม่เป็นแบบนี้ ลิ้นคุณคงได้แยกเป็นสองแฉก”



ควานลินกระพริบตาเหลือบมองดวงหน้าหล่อเหลาแต่ดุไร้แววอารมณ์เช่นเดียวกับนัยน์ตาคมกล้าที่ทอดมา...ความเรียบเฉยยากจะอ่านก่อให้เกิดสัญญาณเตือนภัยในใจให้เสียวสันหลังวาบจนไม่กล้ากระทั่งสะบัดหน้าให้พ้นมือที่บีบตรงข้าง ทั้งที่มันเป็นการจับโดยแทบจะไม่ออกแรงเสียด้วยซ้ำ



“ผมไม่ฆ่าคุณหรอก”



“ม...ไม่ได้จะฆ่าแล้ว...แล้วจับมาทำไม” 



“จำเป็น”



“จำเป็นอะไรของมึง ถึงจับมาล่ามกันแบบนี้” ความปากไวทำให้หลุดด่าออกไปอีกหน แต่ครั้งนี้คนตัวใหญ่กลับควักมีดสั้นในซองคาดตรงเข็มขัดออกมาถือในมือ



“ถ้าพูดหยาบใส่ผมอีกที ผมจะตัดลิ้นคุณ”



เพราะความเรียบของน้ำเสียงและแววตาเยือกเย็นนั้นทำให้ผู้เห็นรับรู้ว่าไม่น่าใช่คำขู่...ปากอิ่มจึงเม้มแน่นกระทั่งเห็นมีดพกถูกเก็บเข้าซองดังเก่าก็อ้อมแอ้มถามเสียงอ่อน



“อย่างน้อยก็บอกหน่อยไม่ได้ไง ว่าจับมาทำไม หรือว่า” ตากลมรีเบิกกว้างเงียบเสียงลงในทันทีที่คิดเรื่องร้ายออกและเริ่มถามออกไปใหม่เสียงสั่น “หรือนายเป็นพวกวิตถาร ชอบจับเด็กหนุ่มมาข่มขืน” 



เพียงประโยคนั้นหลุดจากปากคิ้วของคนตัวใหญ่ก็กระตุกขึ้น...ความรำคาญก่อตัวอยู่ใต้ความเรียบเฉยในระดับคร้านจะได้ยินเสียง ถึงขนาดตั้งใจจะเข้าไปหาอะไรในครัวที่พอกินได้มาอุดปากเพราะอาการพูดมากนั่นอาจจะหมายความว่าหิว 



หากก็ฉุกคิดได้ว่า คอนโดมิเนียมแห่งนี้ถึงจะเป็นทรัพย์สินในชื่อและสถานะปลอมของเขาเช่นเดียวกับแหล่งพำนักอื่นที่มีในอีกหลายประเทศเพื่อสะดวกในการกบดานปฏิบัติงานแต่ก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเลยไม่มีอาหารปกติติดไว้เหมือนบ้านคนอื่น



อย่างดีก็มีพวกซองอาหารชุดพร้อมทานรสชาติไม่เอาอ่าวที่พวกทหารภาคสนามกินกันเท่านั้น



...คิดผิดชัดๆ...



“อยู่เฉยๆ” เขาออกคำสั่ง คว้าเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอิฐที่พาดบนเก้าอี้มาสวมทับเสื้อกล้ามสีดำเตรียมออกไปข้างนอก พอเท้าจะย่างพ้นเขตห้องนอนออกไปกลับมีเสียงเด็กน่ารำคาญตะโกนไล่หลัง



“นี่ใจคอจะล่ามไว้อย่างนี้เลยเหรอ ล่ามไว้แล้วฉันเกิดอยากเข้าห้องน้ำจะทำไง จะให้ปล่อยบนเตียงเงี้ยเหรอ เสื้อผ้าก็ไม่มีให้ ห้องนี้ก็เย็นยังกะน้ำแข็งกะจะปล่อยให้หนาวตายไปเองเลยใช่มะ” 



เด็กหนุ่มยังคงบ่นพึมพำเป็นภาษาจีนดังเก่า ทั้งที่ปกตินิสัยไม่ใช่คนประเภทช่างเจรจากับใครแถมเพื่อนก็ไม่มีกับเขาแต่ความกลัวทำให้ปากไวพูดอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด สุดท้ายผู้มากวัยกว่าก็เหลียวหลังย่างสามขุมมายังโต๊ะข้างเตียงที่มีท่อนเหล็กฝังอยู่ซึ่งใช้เป็นหลักยึดโซ่ที่ล่ามกับข้อเท้าอีกคนอยู่



“จะเข้าห้องน้ำใช่ไหม” เจ้าของร่างใหญ่ทรุดลงกดรหัสบนแม่กุญแจที่มีระบบล็อกแน่นหนาคล้องอยู่กับโซ่ออก ก่อนจะวางเข่าลงบนเตียงพร้อมสอดแขนทั้งสองข้างอุ้มร่างผอมลอยหวือขึ้นมาอย่างง่ายดายเหมือนไม่ได้ใช้แรงแต่อย่างใด



การถูกอุ้มในท่ากึ่งนอนในอ้อมแขนสูงจากพื้นนั้นทำให้คนไม่เคย ยกแขนกอดคนแปลกหน้าที่กำลังเดินไปข้างหน้าไว้แน่นด้วยกลัวจะตก


ความอุ่นจากเรือนกายใหญ่ที่สัมผัสใกล้ชิดผ่อนถ่ายมายังกายผอมที่เย็นเฉียบเยี่ยงน้ำแข็งให้อ่อนคลาย พาจิตใจที่ว้าวุ่นฟุ้งซ่านจากความหวาดหวั่นอันเกิดจากชายผู้นี้คืนสู่ความสงบ



ประตูห้องน้ำเป็นส่วนเดียวที่ถูกกั้นเป็นห้องแทนการแบ่งส่วนใช้งานเหมือนห้องอื่นเปิดออก เด็กหนุ่มถูกวางลงบนพื้นกระเบื้องห้องน้ำใกล้กับชักโครก 



โซ่ที่ล่ามกับข้อเท้าผอมถูกมือใหญ่ดึงไปคล้องรอบฐานชักโครก จากนั้นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่จากบนชั้นวางก็ถูกโยนตามลงมาบนตักของคนบนพื้น



“อยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวมา” เป็นอีกครั้งที่คำสั่งเสียงแข็งดังขึ้น “อย่าหนีเพราะถ้าคุณคิดหนี ผมจะให้คุณหนีเล่นวันหนึ่ง จากนั้นผมจะหาตัวคุณให้เจอ ซึ่งเจอแน่ แล้วผมจะหักขาคุณให้หนีไปไหนไม่ได้สักสองสามเดือน”



ชายแปลกหน้าทิ้งท้ายหน้านิ่ง ผุดลุกขึ้นยืนเดินกลับไปยังประตูห้องน้ำและหยุดนิ่งอยู่ราวเกือบนาทีก็เอ่ยขึ้นมาอีกรอบ



“มีปัญญาทำโซ่ขาดได้ก็เดารหัสตรงประตูบ้านให้ดีล่ะ ถ้าคุณกดผิดกลไกระเบิดที่ผมฝังไว้มันจะทำงาน” สิ้นคำเจ้าของห้องก็ออกจากห้องน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา


ควานลินกวาดมองไปโดยรอบห้องน้ำอย่างระแวงระวังไล่มาถึงข้อเท้าที่มีโซ่ล่ามอยู่กับชักโครกและเนื้อตัวก็เห็นรอยช้ำเลือดช้ำหนองม่วงปนเขียวทั่วไม่เว้นกระทั่งแขนข้างที่ถูกสวมเฝือกอ่อน พลันความทรงจำของการถูกไล่ล่าเมื่อคืนวานก็ผ่านเข้ามาให้คำนึง


...มีคนจะฆ่าเขา ทำไมถึงอยากฆ่า...

...เด็กที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่างแบบเขานี้มีอะไรให้ฆ่าด้วย...


เขาถามตัวเองซ้ำอยู่อย่างนั้นแล้วกัดปากพยุงร่างที่ยังเจ็บอยู่ของตัวเองขึ้นจากพื้นเพื่อทำธุระส่วนตัว จากนั้นจึงเกาะผนังไปถึงอ่างล้างหน้าควักน้ำเย็นใส่หน้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติ ดวงตาจ้องเข้าไปในเงาสะท้อนของตนเองในกระจกที่มีรอยปูดช้ำตรงแก้มชัดเจน



...ผู้ชายคนนั้นช่วยเขาจริงดิ...



เด็กหนุ่มย่นหน้าผาก ยังคงไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่ตาเริ่มกวาดทั่วห้องน้ำอีกคราด้วยหวังว่าจะเจออะไรที่พอจะใช้สะเดาะกุญแจล่ามข้อเท้าได้ 



มือป่ายไปบนผนังเพื่อช่วยพยุงตัวเองให้เดินไปไกลเท่าที่ความยาวโซ่จะพาไปได้ หากในตอนนั้นเองที่มือเขาเผลอดันไปโดนกลไกลับบนผนังเข้า



เสียงเคลื่อนขยับของผนังนั้นทำให้คนเป็นเด็กตกใจถอยกรูด ก่อนจะเห็นว่าผนังปูนที่เหมือนไม่มีอะไรเลยค่อยๆเลื่อนลงจนเห็นตู้กระจกเรียงรายด้วยอาวุธปืนขนาดแตกต่างกันมากมายซึ่งเคยเห็นเพียงในภาพยนตร์เท่านั้นอยู่ต่อหน้า แข้งขาเลยอ่อนยวบทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกรอบ



...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ...
---------------------------------------------------------
เม็ดฝนตกปรอยลงมาอีกคราแม้ท้องฟ้าจะสว่างโร่อันเป็นเรื่องปกติในไต้หวัน ชายหนุ่มตัวใหญ่สวมแว่นตาดำหอบข้าวของเต็มมือข้างหนึ่งออกจากตลาดหลบเข้ามาในร้านกาแฟริมทางที่มีลูกค้าบางตา 



หลังได้อเมริกาโน่เย็นตามสั่งก็เลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์ไม้ยาวริมหน้าต่างใสและทอดมองออกไปยังรถราและผู้คนที่กางร่มสัญจรไปมาก่อนที่แรงสั่นสะเทือนจากในกระเป๋าจะดึงให้มือใหญ่ที่วางบนโต๊ะหยิบโทรศัพท์ระบบอนาล็อกที่แทบไม่มีใครใช้งานแล้วออกมาดูผู้ติดต่อที่ไม่ปรากฏชื่อหรือหมายเลขให้เห็น



หญิงสาวที่นั่งห่างออกไปสองเก้าอี้มองโทรศัพท์นั้นแล้วหันไปซุบซิบกับเพื่อนข้างๆ หากเจ้าของเครื่องกลับไม่สนใจต่อการนินทาว่าร้ายใด 



แม้เขาจะมีเงินมากพอซื้อโทรศัพท์มือถือสมัยใหม่หลายร้อยเครื่องแต่การใช้โทรศัพท์ระบบโบราณนี้ช่วยให้การเจาะข้อมูลและการตามรอยเขาเป็นไปได้ยาก


นอกเสียจากคนที่ตั้งใจจะติดต่อจริงหรือเป็นลูกค้าเก่าเจ้าประจำถึงจะติดต่อกลับมาได้ อีกทั้งเขายังมีอุปกรณ์ทันสมัยอื่นที่ติดตั้งระบบก่อกวนสัญญาณกรณีถูกแฮกเกอร์เจาะให้เข้าถึงระบบเน็ตเวิร์คทั้งหลายอยู่แล้ว 



แทนที่จะรับสายเขากลับกดตัดสายเรียกเข้านั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋าทำเป็นลืมว่าเคยมีมันอยู่แม้โทรศัพท์จะสั่นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน



...วิธีทำงานของเขาคือการรายงานผลเมื่อปฏิบัติการลุล่วงแล้วเท่านั้น

...ไม่ว่าจะลูกค้าประเภทไหนล้วนต้องชำระเงินค่าจ้างเต็มจำนวนล่วงหน้าเสมอ

...ถึงจะดูหยิ่งยโสแต่ในเมื่อขวนขวายติดต่อมาได้ก็ต้องยอมรับแนวทางของเขาด้วย...



หลังปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้ในกระเป๋าหลายสิบนาที สุดท้ายมันก็หยุดสั่นแต่มีเสียงการส่งข้อความเข้ามา เจ้าของเครื่องหยิบมันออกมาให้เห็นเพียงจอโทรศัพท์ซึ่งมีข้อความระบุว่า 



...หนึ่งอาทิตย์ ห้าทุ่มครึ่ง ท่าเรือเกาสง...



แจ้งเตือนกำหนดการส่งตัวนั้นพาให้เสียงถามไม่หยุดหย่อนของเด็กที่ถูกขังไว้ในบ้านลอยมา 



ดงโฮหลับตาลงยินเสียงฟ้าคำรามลั่นครู่หนึ่งจึงลืมตาถือแก้วกาแฟหอบหิ้วข้าวของที่วางกองบนพื้นไว้ในมือเดินฝ่าฝนไปตามทางชื้นแฉะ ขณะนั้นเองที่สัญชาตญาณเตือนให้ระวังถึงการเคลื่อนไหวของบางคนที่ติดตามมา



ตาคมเหลือบสูง ณ ผืนฟ้า ยังคงก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วเลี้ยวเข้าซอยที่ห่างจากแหล่งพำนักหลายกิโลเมตร 



ฝ่ายสะกดรอยห่างๆ เลี้ยวตามเข้าไปมองหลังใหญ่ที่หายไปอย่างไวในอีกทางแยกและเมื่อไปถึงจุดนั้นกลับไม่พบใครนอกจากทางตัน หากเมื่อหันหลังกลับมาอีกครั้งบางสิ่งกลับฟาดเข้าก้านคออย่างแรงจนร่วงลงไปกอง



ลำคอถูกมือใหญ่ขย้ำบีบผู้สะกดรอยทั้งตัวลอยจากพื้นกระแทกแรงเข้ากับแนวกำแพงซีเมนต์ของอพาร์ทเม้นต์หมายจะเอาถึงชีวิต ใบหน้าและนัยน์ตาราบเรียบทอดยังตาเหลือกลานกับความพยายามตะเกียกตะกายขออากาศหายใจก่อนกระซิบฝากคำข้างหู



“ฝากบอกนายคุณด้วย ถ้ายังอยากให้เด็กนั่นอยู่ดีถึงอาทิตย์หน้า หัดอยู่เฉยๆเสียบ้าง” เสียงเย็นแต่กัดลึกถึงความหวาดหวั่นในหัวใจว่า ปลดมือออกจากลำคอทำให้ผู้สะกดลอยร่วงไถลลงมากระแทกพื้น แล้วเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยอย่างชำนิชำนาญด้วยศึกษาเส้นทางจากแผนที่ดาวเทียมเป็นอย่างดีมาก่อนหน้า



ถุงข้าวของจำนวนมากถูกวางกองบนโต๊ะไม้ใหญ่ใกล้กับเคาน์เตอร์ครัวที่มีเพียงไมโครเวฟให้ใช้ ก่อนมือใหญ่จะคว้าเอาถุงหนึ่งติดมือเดินไปยังห้องน้ำ 


เพียงประตูเปิดออกเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่นห่มคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวก็สะดุ้งเงยมอง



พื้นที่ซ่อนปืนยังคงโชว์หราด้วยคนเผลอกดกลไกไม่รู้วิธีเก็บเข้าไปดังเก่า



ดงโฮกวาดตาอย่างเงียบงันเดินไปกดมือเข้ากับผนังเพื่อเก็บอาวุธกลับเข้าที่แล้วหันหลังพิงกับอ่างล้างหน้า สบตากร้าวแดงของคนผอมที่นั่งสั่นงั่นงกเพียงครู่ก็ส่ายหน้า ค่อยย่อตัวลงมาคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อมองสภาพอีกคนให้เต็มตาพลางยื่นมือใหญ่ออกไปหา



ควานลินหลับตาแน่นทันทีที่เห็นมือของอีกฝ่ายเอื้อมมา แม้จะพยายามไม่แสดงความรู้สึกแต่สำหรับเด็กอายุสิบเจ็ดที่ต้องประสบเหตุเฉียดตายและผู้ชายที่พรั่งพร้อมด้วยอาวุธเป็นเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะทำใจวางเฉยเช่นทุกเรื่องที่เคยทำ



ความเย็นคล้ายครีมแตะลงบนข้างแก้มบวมช้ำพร้อมกับสัมผัสของปลายนิ้วที่ไล้ลงมาเบาๆ กลายเป็นความตระหนก เผลอเปิดตามองจึงได้เห็นหน้าคมอยู่ใกล้เสียจนเห็นไรเขียวของตอหนวดที่โกนไม่เกลี้ยง 



ในไม่ช้านัยน์ตาของทั้งคู่เกิดสบกันเข้าและความรู้สึกแปลกประหลาดที่มีผลให้ในใจอุ่นเสียจนต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วตั้งคำถามถึงสิ่งที่บังเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลนั้น



“โอ๊ย” ผู้อ่อนเยาว์กว่าโวยเมื่อนิ้วใหญ่กดแรงลงบนแก้ม “นี่มือหรือตีนเนี่ย เบาๆหน่อยสิ”



ฝ่ายตรงข้ามไม่ตอบยังคงทายาแก้ฟกช้ำตามรอยทั่วตัวที่พ้นจากชายผ้าให้โดยไม่พูดอะไร พาให้อีกคนเงียบตามไปด้วย กระทั่งมือร้อนเริ่มลามสอดเข้ามาใต้เสื้อคลุมและสายรัดรอบเอวกำลังถูกดึงให้เปิดออกเสียงร้องเลยแผดขึ้นมาอีก


“เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ จะทำอะไร” คนผอมคว้าแขนที่มือตัวเองยังกำไม่รอบให้หยุด ช่วงเวลาแห่งการมองกันไปมาอย่างเงียบงันเริ่มต้นขึ้นอีกหน ก่อนที่หลอดยาจะถูกยัดใส่มือผอมเป็นเชิงให้ทาเอาเองพร้อมกับที่ผู้ใหญ่คนเดียวในห้องก็ถอยไปหยิบเสื้อผ้าออกจากในถุงโยนให้



“ใส่ซะ”



เด็กหนุ่มก้มมองเสื้อยืดแขนยาวสีเทาตัวโคร่งกับบ็อกเซอร์และกางเกงผ้าขายาวสีดำใหม่เอี่ยมบนตักพลางหยิบมันมาดูป้ายที่มีขนาดเดียวกับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมมาซึ่งไม่รู้ว่าอันตรธานหายไปไหน จากนั้นก็ชักหวั่นใจว่าการรู้ขนาดตัวเขา อาจเป็นผลมาจากการถูกลูบคลำทำมิดีมิร้ายมา ตาจึงเหลือบมองทางผู้ใหญ่ที่ยืนกอดอกอยู่อย่างหวาดระแวงมากกว่าเดิม



อีกฝ่ายรู้ดีถึงคำถามที่แฝงอยู่ในแววตาทั้งคู่แต่คร้านเกินกว่าจะสรรหาคำแก้ความเข้าใจผิดด้วยคิดว่าเสียเวลาเปล่าเลยตั้งใจจะปล่อยทิ้งให้ใส่เสื้อผ้าเอาเองตามมีตามกรรม



“ล่ามไว้แบบนี้จะใส่กางเกงได้ไง” คำร้องนั้นเรียกให้เท้าชะงักหยุดและต้องเดินกลับมาจับข้อเท้าของเด็กน่ารำคาญที่มีโซ่ล่ามอยู่


“ถ้าคุณไม่อยากโดนล่ามก็ทำตามที่ผมสั่ง”


เด็กหนุ่มจิกตาต่อเสียงเรียบนั้นด้วยอยากจะเถียงใจแทบขาด แต่จิตสำนึกแจ้งเตือนชัดเจนว่า หากขัดขืนคงได้โดนหักแขนหรือขาสักข้างเลยนิ่ง ปล่อยให้ข้อเท้าถูกปลดออกจากโซ่เงียบๆ



“ทายา ใส่เสื้อผ้าแล้วออกมา” คำสั่งตามมาอีกคำรบพร้อมกับการกระแทกประตูห้องน้ำปิดดังปัง



เจ้าของห้องกอดอกพ่นลมหายใจร้อนผ่านปาก เรียกได้ว่าเป็นการถอนใจครั้งแรกในรอบหลายปีที่หันเหเส้นทางเป็นนักฆ่าเลยก็ว่าได้



...อยู่กับคนเป็นน่ารำคาญกว่าอยู่กับคนตายหลายร้อยเท่า...



ระหว่างรอให้เด็กในห้องน้ำจัดการกับตัวเองนานถึงยี่สิบนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าประตูจะเปิดออกเสียที แม้จะมั่นใจในบ้านของตนเองดีว่าไร้ทางหนี หากความเป็นคนรอบคอบจึงเปิดประตูโดยที่กายยังอยู่ชิดผนังด้านนอกเผื่อว่า เด็กคนนั้นจะหยิบจับอะไรในห้องน้ำเป็นอาวุธทำร้ายแต่เมื่อประตูอ้ากว้างกลับไม่มีอะไรโผล่ออกมาและพอเดินไปดูก็เห็นร่างผอมสวมเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้น


“ลุก” เสียงนั้นดุขึ้น


“ลุกไม่ได้”


“ทำไม”


“ขา...ขามันไม่มี...ฮัดเช้ย” คนอ่อนกว่าตอบไม่ทันจบประโยคก็จามเสียงดังออกมาจนหัวโยกหัวคลอน


ดงโฮสูดลมหายใจอย่างอดกลั้นแล้วก้าวเข้าไปอุ้มร่างผอมที่แข้งขายาวจนดูเหมือนจะสูงกว่าตนเสียด้วยซ้ำลอยจากพื้นใช้เท้าดันประตูห้องน้ำที่กำลังจะปิดเข้ากรอบให้เปิดออกตรงดิ่งกลับไปยังห้องนอนเกือบจะโยนคนในอ้อมแขนลงกับเตียงแต่ก็เปลี่ยนเป็นวางลงเฉยๆ


...ที่สุดแห่งภาระ คุ้มกับเงินไหมวะ...


เพราะช่องที่เคยมีแสงตะวันลอดเข้ามาหายไปเพราะภายนอกเข้าสู่ราตรีกาลทำให้คนชินกับความมืดจำใจต้องเปิดไฟเพราะอีกคนยังไม่ได้กินข้าวกินยา


“นั่ง” พอสั่งเสร็จก็หายออกไปครู่หนึ่งและกลับมาพร้อมกับหิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ไว้มือส่วนอีกมือยื่นอาหารกล่องใหญ่มาให้ “กินซะและอย่าทำหก”


คนเด็กกว่าเหลือบตาใส่ผู้ใหญ่ชอบสั่งจึงออกแรงเปิดกล่องอาหารที่มีข้าวต้มปลานวลจันทร์ผสมหอยนางรมหอมกรุ่นอยู่ในช่องใหญ่ของกล่องอาหารและแพนเค้กต้นหอมแฮมกับไก่ทอดรวมทั้งซาลาเปาอบโอ่งตัดเป็นชิ้นพอดีคำจำนวนหนึ่งวางอยู่ในช่องข้างๆ ทำให้ตากลมรีนั้นเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น


...นานแล้วที่เขาไม่ได้กินอาหารบำรุงร่างกายในปริมาณที่อิ่มท้อง...

...ทุกวันเขาดำรงชีพด้วยบะหมี่ที่มีเนื้อสัตว์นิดหน่อยหรือไม่ก็ข้าวกับไข่ต้มใบชาหรือเครื่องในต้มราคาถูก...


มือเรียวหยิบช้อนในกล่องกวาดอาหารที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากอย่างหิวโหยจนเกลี้ยงโดยไม่กลัวว่าจะถูกวางยาจึงได้สติจ้องไปยังชายอีกคนที่นั่งไขว่ห้างกินข้าวเหนียวห่อไส้กรอกแบบไต้หวันตรงมุมห้อง...คำถามมากมายผุดพรายในหัว แม้จะกลัวแต่ปากก็ขยับเกริ่นถาม


“นาย...นายมีชื่อให้เรียกไหม” หลังถ้อยคำหลุดจากปาก ตากลมหรี่ลงอย่างระแวงว่าจะโดนอะไรกลับมา หากอีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนองยังคงกินของในมือไปเรื่อยๆ


“ถามจริงๆที่จับฉันมาเนี่ยมีจุดประสงค์อะไร...ไอ้ยาจกอย่างฉันน่ะมีอะไรให้ต้องจับมาเหรอ หรือว่าเพราะ...เพราะฉันเห็นที่นายยิงผู้ชายที่ทำร้ายฉันเมื่อวานก็เลยต้องจับมาเพราะกลัวฉันจะปากโป้งไปแจ้งตำรวจ ถ้าเป็นงั้นไม่ต้องกลัวหรอก ฉันกับตำรวจไม่ถูกกันอยู่แล้ว” เสียงแหบเงียบลงมองคนที่ยังเฉยความคิดร้ายๆก็ผุดเข้าหัวมาเต็มไปหมด “หรือว่ามันจะเกี่ยวกับเลือดของฉัน ไอ้หมอเกาหลีเถื่อนคนนั้นมันขายฉันให้นายผ่าเอาอวัยวะไปขายในตลาดมืด ไม่ก็จะเอาฉันไปผลิตเลือดขายใช่มั้ย แต่เท่าที่ฉันเรียนมาพวกเลือดมันจะสร้างใหม่ได้ใช้เวลาเป็นเดือนนะ ใจคอจะรีดเลือดฉันตายเลยว่างั้น ไม่ๆๆๆ ถ้าจะเอาถึงขนาดนั้น ถ้าอยากได้เงินล่ะก็ เอางี้มะ ฉันจะไปถอนเงินที่สะสมไว้มาให้ ขอแค่นายปล่อยฉันไปก็พอ”


คนตัวใหญ่ยินคำถามที่พรั่งพรูไม่หยุดหย่อนเหมือนยุงบินว่อนรอบหูพร้อมกลืนชิ้นไส้กรอกที่เคี้ยวละเอียดลงคอจึงลุกจากเก้าอี้หายไปข้างนอกอยู่หลายนาทีก็ถือถุงพลาสติกสีขาวเดินกลับเข้ามายืนข้างเตียงพร้อมยื่นซองยาแก้อักเสบกับน้ำขวดหนึ่งจากในถุงให้พลางพยักหน้าเป็นเชิงให้กินเข้าไป


เด็กหนุ่มรับแผงยาแก้อักเสบมาพลิกอ่านสรรพคุณจึงแกะยาสองเม็ดใส่เข้าปากตามด้วยน้ำและเตรียมจะตั้งคำถามอีกก็ถูกบางสิ่งที่เย็นและหวานแทรกเข้ามาในปากอย่างรวดเร็วจนแทบสำลัก พอตั้งหลักจับสิ่งที่คาในปากดึงออกมาดูก็เห็นไอกครีมวาฟเฟิลสอดไส้วานิลลาคาราเมลอยู่ในมือ


“กินซะจะได้เงียบๆ” เขาบอกเสียงเรียบทั้งที่ข้างในเหนื่อยระอา แขนทั้งสองยกกอดอกพิงหลังกว้างกับกำแพงจ้องดูเด็กที่มองไอศกรีมที่เขาซื้อติดมือเผื่อจะอุดปากเด็กช่างถามและเหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะเด็กตรงหน้าเล่นกินเอากินเอาอย่างเอร็ดอร่อย


...กินเสร็จคงพอดียาออกฤทธิ์...


“ไอติมนี่อร่อยดีอ่ะ” เมื่อไอศกรีมคำสุดท้ายผ่านลงคอก็มีคำถามใหม่ตามมาอีก “นี่ นายหมี มีไอติมแบบนี้อีกเปล่า”


คำเรียกว่า นายหมี ทำให้ฝ่ายถูกเรียกหรี่ตาจนเล็กหยีอย่างไม่ชอบใจอยู่ในทีแต่ไม่ยอมปริปาก กระทั่งคนบนเตียงหาวหวอดแต่ยังเรียกร้องหาไอติมจากนายหมีไม่หยุดเสียทีก็ชักรำคาญเลยทรุดลงนั่งบนเตียงดึงซองไอศกรีมสีเหลืองออกจากมือลงถังขยะใต้โต๊ะข้างเตียงจากนั้นจึงอ้อมแขนเท้ามือคร่อมอยู่เหนือคนเป็นเด็กที่กระถดถอยจนร่างผอมนอนราบไปทั้งตัว


“ผมแก่จนจะเป็นพ่อคุณได้อยู่แล้ว” เสียงกร้าวแข็งเอ่ยเน้นทีละคำอย่างเนิบช้าให้ความรู้สึกราวกับกำลังถูกขู่ฆ่า


“ไม่...ไม่อยาก...ให้เรียกนาย...หมี...ก็...ก็บอก...ชื่อมา...สิ” คนเป็นเด็กกลัวจนพูดไม่ปะติดปะต่อกัน


“คุณไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว” 


“พรุ่ง...พรุ่งนี้...ยัง...ยังเจอ...หรือเปล่า” ทั้งที่ปากคอสั่นก็ยังไม่ยอมหยุดถาม ท้ายที่สุดคนเป็นผู้ใหญ่ก็ถอนใจออกมาต่อหน้า มือใหญ่วางลงบนหน้าผากลามมาปิดถึงดวงตา


“เงียบแล้วนอน เพราะถ้าไม่นอนผมจะกระแทกหัวคุณกับผนังจนสลบแล้วจะล่ามโซ่อีกรอบ” 


ถ้อยคำสั่งเสียงเรียบไร้แววล้อเล่นดุจเดิมทำให้คนเป็นเด็กนอนหลับตารู้สึกได้ถึงสปริงของเตียงที่คืนตัวอันเป็นผลจากการถอยพ้นไปของร่างใหญ่ก่อนที่ผ้าห่มหนาอีกสองผืนจะถูกคลุมลงมาทั้งตัวจนถึงคอ


ดงโฮผละจากเตียงปิดสวิตซ์ไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดจึงก้าวกลับไปนั่งเอนหลังพิงคอบนพนักเก้าอี้ที่อยู่ตรงมุมห้อง อาการอ่อนล้าจากการวุ่นวายดูแลเด็กถาโถมเข้ามานั้นหนักหนาขนาดที่สู้กับบอดี้การ์ดของเป้าหมายในการฆ่าเป็นฝูงยังไม่เหนื่อยเท่านี้


...น่ารำคาญจริงๆ...


“อย่าฝันร้ายล่ะ” ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบาด้วยเกรงจะได้ยินเสียงละเมอหลอนระหว่างพักสายตา 


ควานลินลืมตาในความมืดยินประโยคแทนการกล่าวราตรีสวัสดิ์  มือเรียวยกขึ้นสัมผัสบนหน้าผากที่คล้ายไอร้อนจากปลายมือของคนตัวใหญ่เมื่อครู่ยังคงอยู่ น่าแปลกที่เมื่อคืนวานและตลอดวันนี้ผู้ชายแปลกหน้าท่าทางเหมือนฆาตกรคนนี้ทำให้เขากลัวแทบบ้าหากความรู้สึกอุ่นอย่างประหลาดกลับก่อตัวขึ้นในใจและก่อนที่ฤทธิ์ยาแก้อักเสบและยาแก้หวัดจะพรากสติให้เลือนหาย ริมฝีปากอิ่มกลับเอ่ยตอบอย่างเลื่อนลอย


“อย่าฝันร้ายล่ะ นายหมี”


 -------------------แวะคุยกันก่อน------------------
ตอนสองมาแล้ว 5555555555 ดูนายหมีสิโห้ดโหด ควานลินก็โวยวายกลัวตาย
ดูเหมือนพวกมาโซมาเจอกันเลยอ่ะ 555555 อ้อ ประกาศผลแล้ว
น้องกับพิจ๋าไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เราจะเขียนฟิคต่อจนจบ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 
ยังไงอ่านแล้วรบกวนเม้นหรือติดแท็ก #ficlovetoxical ในทวิตเตอร์ด้วยน้า


 


You Might Also Like

3 Comments

  1. แง ขนาดพี่จ๋ารุนแรงยังรู้สึกอบอุ่นเลยอ่ะ น้องหน้าตาเหมือนภรรยาที่เสียไปด้วย เดี๋ยวมีหวั่นไหวชัวร์ นี่แบบลั่นเลยเรียกนายหมี 5555 สรุปกลัวพี่หรือไม่กลัวกันแน่เนี่ย สู้ๆ น๊าไรท์ เราชอบฟิคที่ไรท์แต่งมากๆ ขนาดคู่ที่ไม่จิ้นเรายังอินกับฟิคไรท์เลย สู้ๆ นะคะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20/8/60 20:40

    งื้ออออ จะมาต่อไหมคะ เรารออ่านอยู่น้าาาา

    ตอบลบ
  3. Bommii21l1/10/60 18:58

    ใจสั่นรุนแรง ทำไมพี่จ๋าเถื่อนแต่อบอุ่นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดแต่แสดงออกด้วยการกระทำง่ายๆไม่ซับซ้อน
    -ตั้งแต่อาบน้ำให้น้องแล้วจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องเปิดน้ำอุ่นให้น้องก็ได้อ่ะ แต่แบบเอ่อความใส่ใจเล็กๆ แม้ตอนอาบน้ำกับสระผมให้นี่จะแบบ 5555 นักฆ่าอ่ะเนอะจะให้นุ่มนวลมากก็ไม่ได้ เรื่องอาหารงี้อย่างที่บอกไม่จำเป็นต้องดูแลดีก็ได้ แบบกินตามมีตามเกิด แต่นี่คือหาอาหารให้น้องจัดเต็มแถมมีไอติมด้วยอีกต่างหาก..
    - อย่าฝันร้ายหล่ะ TT เหมือนว่าพูดไปทีแต่ความหมายมันก็คือ ฝันดีนะ

    ตอบลบ