LOVE TOXICAL : HOLIN CHAPTER 1

10:49




18.30, 8 สิงหาคม
เกาะปันกัวตารา - ฟิลิปปินส์


ตึก...ตึก...ตึก


เสียงปลายนิ้วเรียวใหญ่กระทบบนของแข็งเป็นจังหวะเดียวกับเสียงการเคลื่อนขยับของเข็มนาฬิกาพกเรือนทองนั้นสะท้อนก้องทั่วห้องนอนกว้างึ่งตกแต่งด้วยศิลปะแบบบาโรครับกับเครื่องเรือนสีทองตัดกับสีมะเขือม่วงอันรุ่มรวยและหรูหราสมฐานะพ่อค้ายาแห่งอุษาคเนย์


เก้าอี้ไม้สักทองประดับหินอ่อนใกล้เฉลียงนั้นมีชายผู้หนึ่งนั่งเคาะนิ้วบนเท้าแขน ส่วนมืออีกข้างหมุนสายโซ่คล้องคอของนาฬิกาพกไปมา ขณะที่แผ่นหลังกว้างแน่นหนาด้วยมัดกล้ามที่ซ่อนใต้เสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดเก่ายังคงเอนพิงพนัก

ใบหน้าของชายผู้นั้นคมสัน รกครึ้มด้วยหนวดเคราแทบพรางองค์ประกอบอันบ่งบอกเชื้อสายเอเชียตะวันออกเสียสิ้น


นัยน์ตาคมกริบเย็นเยียบไร้แววอารมณ์จดนิ่งยังบานประตูสีขาวกระทั่งมันเปิดออกพร้อมกับการมาถึงของชายวัยกลางคนผิวคล้ำเข้มสวมเพียงผ้าคลุมอาบน้ำ 


พลันดวงตาของคนทั้งคู่สบประสานกันก่อนที่ผู้มากวัยกว่าจะเป็นฝ่ายตวาดถามเสียงลั่น


“มึงเป็นใคร มาอยู่ในห้องกูได้ยังไง”


หากฝ่ายตรงข้ามไม่ตอบสนองต่อคำถามเพียงขยับหลังจากพนักพิงกลับมาเหยียดตรง แล้วรวบสายคล้องที่หมุนควงและนาฬิกาพกกลับสู่มือ พลางกวาดมองบรรดาลูกสมุนอาวุธครบมือผู้ประจำการในคฤหาสน์ที่ยังไม่ทราบชะตาของผู้คุ้มกันภายนอกที่นอนเกลื่อนด้วยถูกสุ่มโจมตีจากผู้บุกรุกที่บุกเดียวลงมืออย่างเงียบเชียบเสียตั้งแต่ตะวันยังไม่ยอแสง


ปลายกระบอกปืนสีดำมะเมื่อมทั้งหมดเล็งตรงยังเป้าหมายบนเก้าอี้ที่นั่งนิ่ง ตาปรายยังพ่อค้ายาผู้หลบฉากหนีออกไปจากห้องราวเสี้ยวนาทีก็ตวัดกลับมายังผู้ประสงค์ร้ายทั้งมวลอย่างเย็นชาพร้อมพลางกระดิกนิ้วชี้ส่งสัญญาณท้าทาย ทำให้เหล่าสมุนกระชับปืนมั่นเตรียมเหนี่ยวไกสาดกระสุนอย่างเต็มกำลัง 


ทว่าแรงกระแทกจากระเบิดที่กินบริเวณห่างจากปลายเท้าผู้ติดตั้งเพียงไม่ถึงสิบเซนติเมตรนั้นกลับเกิดขึ้นก่อนพร้อมกับฝูงชนที่ร่วงหล่นสู่พื้นด้านล่าง


ผู้บุกรุกผุดลุกขึ้นยืนปัดไม้ปัดมือท่ามกลางเศษซากและฝุ่นควันฟุ้งตลบ เดินไปชะโงกมองผู้คนที่นอนจมกองเลือดเปื้อนฝุ่นผงจากสิ่งก่อสร้างที่พังทลาย ค่อยๆดึงเศษแก้วจากระเบิดประดิษฐ์มือที่กระเด็นเจาะข้างแก้มออกอย่างไร้ความเจ็บปวด


จากนั้นจึงกระโดดตามลงไปเหยียบลงบนกองร่างไร้วิญญาณพลางใช้เท้าเขี่ยหาบางสิ่งในกองซากนั้นอยู่ไม่กี่นาทีจึงก้มหยิบปืนที่ยังอยู่ในสภาพใช้การได้ขึ้นมา


พ่อค้ายาอันดับต้นๆแห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จ้องมองผู้บุกรุกนิรนามตัวแข็งทื่ออยู่ตรงชานพักบันได 



โชคยังดีที่มีชายฉกรรจ์อีกกลุ่มเดินลาดตระเวนยังแนวชายหาดส่วนตัวส่วนหลังคฤหาสน์โผล่เข้ามายืดชีวิต 


หากนาทีที่อาวุธปืนทั้งมวลพร้อมต่อการยิง อีกฝ่ายกลับหยิบเอาระเบิดมือบนเข็มขัดคาดเอวปลดสลักขว้างใส่อย่างไม่ปราณีปราศรัยถึงสองลูก


เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอีกคราทว่าครั้งนี้ปะปนมากับเสียงกระสุนระคนกับเสียงระเบิดจากด้านนอกที่อนุมานได้ว่าน่าจะเป็นคลังอาวุธผนวกห้องทดลองยาเสพติดขนานใหม่ซึ่งซ่อนอยู่ในสวนป่าห่างจากคฤหาสน์ออกไปไม่ไกลนัก ทว่าพ่อค้ายาหาได้คำนึงด้วยยืนตะลึงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า


...กว่าจะรู้ถึงภยันตรายแก่ชีวิตที่กรายเข้ามาก็เมื่อปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงขมับ...



เปรี้ยง!!!



เสียงแผดสนั่นดังขึ้นก่อนการพุ่งของลูกกระสุนจากปลายกระบอกปืนจะเจาะกะโหลกโดยไม่รอการอุทธรณ์ จากเหยื่อ ยังผลให้เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นกระเด็นเปื้อนหน้า แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งราวกับการหมายชีวิตใครถึงแก่ความตายกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน


อาวุธสังหารถูกวางไว้ในมือของพ่อค้ายาผู้สิ้นชีพเหลือเพียงชื่อ ก่อนที่ผู้บุกรุกจะย่ำเท้าออกนอกคฤหาสน์จนถึงระยะที่สมควรจึงปลดเข็มขัดคาดเอวพร้อมสลักระเบิดอีกลูกขว้างไปตกยังหน้าประตูทางเข้าปล่อยให้อาวุธหนักจัดการทลายคฤหาสน์หลังงามให้กลายเป็นซากปรักหักพัง



เสียงไซเรนรถตำรวจแว่วมาแต่ไกล หากมือสังหารไม่รู้สึกลนลานเพียงเดินต่อไปยังพื้นที่ด้านหลังอาณาจักรพ่อค้ายายังหาดส่วนตัว...เท้าเหยียบย่ำบนพื้นทรายเรื่อยไปจนร่างใหญ่ถูกผืนน้ำสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากลืนหาย


และในเช้าวันต่อมาพาดหัวข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในฟิลิปปินส์ กระทั่งกรอบข่าวในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศล้วนมีเรื่องราวการถูกถล่มสังหารพ่อค้ายาเสพติดอันดับต้นๆในเอเชียคาเกาะโดยกองกำลังไม่ทราบฝ่าย

----------------------------------------------------

10 สิงหา, 14.50 
เถาหยวน ไต้หวัน


พายุฝนโหมกระหนำผสานเสียงคำรามของฟ้าปะปนมากับประกายแสงสว่างวาบส่งผลให้ทั้งไต้หวันห้อมล้อมด้วยบรรยากาศทะมึนมืด ภายในอาคารเก่าซอมซ่ออันเป็นที่พักอาศัยของเหล่าแรงงานข้ามชาติจึงสั่นคลอนแทบทุกครั้งที่ฟ้าลั่นครืน



น้ำเย็นจากฝ้าเพดานที่รั่วซึมเป็นคราบหยดลงบนแก้มขาวของคนที่นอนตะแคงขดตัวโผล่เพียงครึ่งหน้าออกมาจากผ้าห่มบนฟูกเก่าในห้องแคบซอมซ่อ ส่งผลให้เจ้าของร่างผอมแห้งรู้สึกตัวขยับเหยียดกายที่เมื่อยร้าวจากการแบกหามปูนและเหล็กหนักในไซด์ก่อสร้างตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่ของทุกวันไปมา



เปลือกตาประดับแพขนตาหนาบนดวงหน้าเรียวเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตากลมสวยสีปานน้ำผึ้ง ริมฝีปากรูปกระจับรับกับจมูกโด่งเป็นสันเม้มแน่นพยายามข่มอาการปวดทั่วร่างกายที่ยังไม่คุ้มชินกับงานกรรมกรแม้จะอยู่ในสถานะนี้มาระยะหนึ่งแล้วก็ตามลุกขึ้นดันฟูกพิงผนังและลากถังน้ำจากมุมห้องมารองน้ำฝน



ไล ควานลินมองห่าฝนนอกหน้าต่างพลางฟังเสียงหยดน้ำจากฝ้ากระทบลงในถังพลาสติกอย่างเฉยชา แม้ก่อนหน้านี้คุณภาพชีวิตของเขาใช่ว่าจะดีเหมือนลูกหลานบ้านอื่น แต่การเสียมารดาไปกะทันหันจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อปีก่อนทำให้สภาพการดำรงชีพของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดตกต่ำถึงขั้นต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน อีกทั้งยังจำเป็นต้องขายร้านอาหารของมารดาเก็บเป็นทุนรอนระหว่างรอเบี้ยประกันที่จะได้รับเมื่อตนเองอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์



กระนั้นเขากลับไม่อนาทรต่อโชคชะตาของตนนัก แม้นในยามเรียนเขาจะมีผลการเรียนดีที่สุดในระดับชั้นเดียวกันแต่การเข้าสังคมของเขานั้นย่ำแย่ การเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนหลอกลวงและพบเจอผู้อิทธิพลคอยเอารัดเอาเปรียบทำให้เขาชิงชังผู้อื่นและโลกโสมมใบนี้ถึงขั้วหัวใจ  



บ่อยครั้งที่เขาทะเลาะวิวาทก็เพียงเพราะได้ยินคำปรามาสถึงมารดา



ถึงเขาจะไม่เชื่อในพระเจ้าหรือโลกหลังความตาย หากเขายังมีชีวิตอยู่ต่อเพียงเพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับมารดาก่อนสิ้นใจในโรงพยาบาล และเหนือไปกว่านั้นเขาต้องการอยู่เพื่อเห็นน้ำหน้าผู้ชายที่ให้สัญญากับมารดาเขาว่าจะกลับมาหาแต่ก็ทอดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี



...ความแค้นลึกในใจนั้นกลายเป็นความทะเยอทะยานให้อดทนดิ้นรนด้วยวิถีของตัวเองจนกว่าชีวิตจะยิ่งใหญ่พอจะเหยียบผู้ชายคนนั้นจมดิน...



เด็กหนุ่มเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากตู้ไม้เก่าถลอกติดผนัง และเพื่อประหยัดเวลาเขาฉวยทุกอย่างที่ต้องใช้ทั้งเสื้อกันฝน รองเท้า กระเป๋าสตางค์และกุญแจห้องติดมาด้วย จากนั้นจึงเดินออกไปอาบน้ำยังห้องน้ำรวมที่ทรุดโทรมตามสภาพการใช้งาน


หลังชำระล้างร่างกายเรียบร้อยก็สวมเสื้อยืดลายทางกับกางเกงยีนส์ขายาวขาดๆทับด้วยเสื้อคลุมยีนส์สีเดียวกันแล้วเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง สวนทางกับกลุ่มแรงงานชาวไทยที่หอบหิ้วกับข้าวมากินร่วมกันไปจนถึงชั้นล่างสุด ก็มาหยุดอยู่หน้าห้องผู้ดูแลอาคารที่ดัดแปลงห้องด้วยการทุบผนังด้านหนึ่งแล้วก่อปูนเพียงครึ่งส่วนอีกครึ่งติดเหล็กดัดให้มีช่องเว้นว่างไว้เพียงยื่นธนบัตรและเอกสารต่างๆได้เท่านั้น


“ป้า...เมื่อวานมีคนแปลกหน้ามาด้อมๆมองๆแถวนี้” เสียงแหบกำลังแตกหนุ่มบอกอย่างเย็นชาขณะหยิบเสื้อกันฝนตัวยาวในมือมาสวมพร้อมกับหญิงวัยกลางคนหน้าตาไม่เป็นมิตรที่ลุกจากเก้าอี้เดินมาใกล้หลังบานเหล็กดัด



“เห็นตอนไหน”



“เย็นๆก่อนออกไปทำงาน ดูเหมือนพวกหมาต๋า ระวังไว้ด้วยล่ะกัน”



“เออ” ผู้มากวัยตอบห้วนๆ อย่างไม่มีมนุษยสัมพันธ์เช่นทุกคราที่ได้รับการแจ้งข่าว ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้หวังจะได้รับคำขอบคุณตอบแทนแค่ไม่มากวนทวงค่าเช่าก่อนเวลาเหมือนคนงานเถื่อนที่พักอาศัยที่นี่ก็เพียงพอ ถึงอย่างนั้นถุงใส่ซาลาเปาที่ยังอุ่นอยู่สองลูกก็ถูกยื่นมา



“มันเหลือ แกเอาไปกินสิ”



“อืม” เขาตอบกลับ คว้าถุงซาลาเปาอันเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ทั้งสองมีให้มากกว่าจะเป็นน้ำใจมากัดกินอย่างหิวโหยด้วยเป็นอาหารมื้อแรกของวันที่ตกถึงท้อง



ตากลมไร้แววอารมณ์จ้องนาฬิกาบนผนังในห้องเจ้าของอาคารที่เข็มสั้นชี้ไปใกล้เลขสี่รอมร่อจึงยัดชิ้นซาลาเปาที่เหลือเข้าปากจนหมด แล้วดึงหมวกขอเสื้อกันฝนคลุมหัวกึ่งวิ่งกึ่งเดินฝ่าฝนเม็ดใหญ่ เดินเลาะอาคารไปเรื่อยๆจนถึงป้ายรถโดยสารประจำที่มีคนเบียดเสียดหลบฝนจึงหยุดรอ



กระทั่งรถโดยสารที่รออยู่มาถึงจึงเข้าแถวตามไปยืนโหนราวเช่นผู้โดยสารอื่นและต่อรถโดยสารที่ขับอย่างระมัดระวังเพราะความลื่นของท้องถนนไปเรื่อยๆจากเมืองจงลี่ข้ามไปยังเมืองท่าอย่างดาหยวนในเวลาหลายชั่วโมง



ควานลินลงจากรถเหยียบบนพื้นตรงป้ายรถโดยสารประจำทาง พลางเขม่นมองไปในความขมุกขมัวของสภาพดินฟ้าอากาศ อาศัยกันสาดของร้านค้าและบ้านเรือนลัดเลาะหลบฝนที่กระหนำไม่ยั้งไปยังร้านขายอาหารทะเลที่มีสัตว์น้ำแหวกว่ายในตู้รอลูกค้าให้เลือกกินเช่นเดียวกับร้านอื่นที่อยู่ขนาบข้าง



เมื่อผลักประตูเข้าไปในร้านก็พบกับชายวัยกลางคนยืนอยู่และเมื่อเขายกแขนกำหมัดพร้อมเอ่ยคำว่า ทับทิม จึงได้สิทธิ์เดินผ่านประตูไปยังหลังร้านที่มีบันไดหมุนทอดขึ้นไปสู่ชั้นสามซึ่งถูกดัดแปลงคล้ายสถานพยาบาลขนาดเล็กแสนสะอาดสะอ้าน อบอวลด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อต่างจากด้านนอกลิบลับ



นิ้วเรียวกดรหัสตรงเครื่องข้างประตูที่ได้รับมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ตัดสินใจนำเลือดของตัวเองมาขายโดยการแนะนำของคนงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อาศัยร่วมตึกเดียวกัน ซึ่งต่างดิ้นรนหาเงินส่งกลับบ้านนอกจากการค้าแรงทุกวิถีทางแม้จะรู้ว่าทำผิด



โดยตอนแรกของการขายนั้นออกจะขลุกขลุกเพราะคลินิกที่มีผู้มีอิทธิพลระดับสูงในไต้หวันคุ้มอยู่แห่งนี้ต้องการเฉพาะเลือดหายาก ยังดีที่การมีเลือด O Negative ทำให้เขาผ่านการคัดเลือก ซึ่งนอกจากเลือดเขายังขายเกล็ดเลือดและสเต็มเซลล์ให้กับลูกค้าเงินหนาที่เขาไม่รู้จัก



หญิงวัยกลางคนตรงเคาน์เตอร์ปรายตามองผู้มาใหม่ก็สั่งให้ถอดเสื้อกันฝนใส่ในและยื่นผ้าขนหนูให้เช็ดหน้าตาผมเผ้า รอสักพักจึงกวักเรียกมาวัดความดันพร้อมเจาะเลือดปลายนิ้วหยดลงในเครื่องตรวจสภาวะเลือดลอยและเครื่องวัดน้ำตาลในเลือดแล้วผายมือไปยังห้องที่มีประตูบานเลื่อนทึบปิดอยู่



“สาย” เสียงเข้มจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อยืดสีดำทับเสื้อคลุมหนังกับกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้มนั่งเอนหลังบนเก้าอี้นั้นดังขึ้น “หน้าซีด ความดันต่ำ น้ำตาลแย่ยิ่งกว่าความดันอีก รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงว่าก่อนจะมานี่ห้ามอดข้าวอดนอน”



“หมอจะสนทำไม หมอไม่ได้มีจรรยาบรรณขนาดนั้นสักหน่อย” อีกฝ่ายว่ามองหน้านายแพทย์ที่ท่าทางไม่เหมือนแพทย์เลยสักนิดตรงหน้าอย่างเฉยชา



“ไม่สนหรอก แต่เลือดลอยน่ะมันขายไม่ได้ ฉันไม่อยากเสียเวลากับเลือดไร้คุณภาพเหมือนชีวิตของนายหรอกนะ” คำเชือดเฉือนเย็นชาปานกันตอบกลับ



“แหมะ สันดานหมอเถื่อนเกาหลีเขาเป็นกันยังงี้เอง” เขาว่าพลางหัวเราะหยันจึงต่อ “แล้วมันลอยหรือไงล่ะ”



“ไม่”



“งั้นก็หยุดพล่ามสักที”



เจ้าของร่างผอมสูงบอก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือที่จอแตกซึ่งใช้การได้แค่โทรเข้าออกรับข้อความออกจากกระเป๋ามาดูข้อความแจ้งเงินโอนเข้าบัญชีเรียบร้อย จึงก้าวไปยังเตียงสีขาวสะอาดพลางวางแขนข้างขวาบนเบาะรองทอดสายตาไปยังเพดานสีขาว แล้วหลับตาปล่อยให้ร่างกายผ่านกระบวนการส่งผ่านเกล็ดเลือดออกไปก่อน จึงตามด้วยกระบวนการเก็บเลือดบรรจุถุง ปิดท้ายด้วยการเจาะไขกระดูก


แม้ว่าการนำสารออกจากร่างกายในปริมาณขนาดนี้อาจมีอันตรายถึงชีวิต แต่เขาเลือกจะทำด้วยเงินจากสิ่งเหล่านี้มีมูลค่ามากว่าสามเท่าของเงินเดือนทั้งปีที่ได้ในไซด์ก่อสร้าง ความที่ต้องการเก็บเงินไว้รวมกับเงินที่จะได้เมื่ออายุยี่สิบเพื่อใช้เป็นทุนรอนในการย้ายถิ่นฐานไปอเมริกาและเรียนหนังสือ การเสี่ยงจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย


...ถ้าเขาพอจะแสแสร้งได้บ้างก็คงจะทำงานบริการที่เงินดีลง แต่เขาเกลียดผู้คนเกินกว่าจะปั้นหน้ายิ้ม เรื่องเป็นเด็กเดินยาหรือขโมยของต้องคลุกคลีกับพวกที่รีดไถมารดาก็รังเกียจเกินกว่าจะทำ จึงมีแค่ทางเลือกนี้เท่านั้น...



ระหว่างที่นอนพักหลังเจาะไขกระดูกบนเตียงรับรู้ถึงการฉีดยากระตุ้นเลือดจากแพทย์ที่มือหนักจนต้องกัดฟันแน่นด้วยหัวสมองอันว่างเปล่าก่อนความอ่อนล้าจะทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมา



...ความจริงเขาไม่ควรหลับเพราะไอ้หมอเวรนี่อาจจะพาเข้าขึ้นเขียงเฉือนไตเขาออกไปขาย แต่ความเหนื่อยก็พรากพาสติให้หลุดลอยจนลืมสิ้นถึงสิ่งที่ควรระวัง...



“ไปได้แล้ว” เสียงเรียกจากหญิงตรงเคาน์เตอร์คนเดิมปลุกให้เขารู้สึกตัวตื่น 


เมื่อปีนลงจากเตียงมองไปยังเก้าอี้หลังโต๊ะในห้องกลับไร้เงานายแพทย์คนนั้นเช่นเดิม เลยเดินโซเซหยิบเสื้อกันฝนในถังมาถือไว้และกลับออกไปยืนอยู่หน้าร้าน



ความมืดของราตรีกาลยามสองทุ่มโรยตัวลงมาผสมกับความหม่นมัวของสายฝนที่ยังตกลงมาไม่มีทีท่าจะหยุด ทำให้เด็กหนุ่มต้องสะบัดเสื้อกันฝนที่เริ่มหมาดมาสวมเหมือนเก่า 


มือเรียวยกป้องและคอยเช็ดฝนที่กระเซ็นเข้าตา ขณะเดินลุยน้ำข้ามถนนขึ้นมาบนทางเท้าตามแสงไฟรอบข้างเพื่อไปให้ถึงป้ายรถโดยสารที่อยู่ห่างออกไป



เขามีเวลาสองชั่วโมงในการกลับไปทำงานต่อในจงลี่ แต่การเสียเลือดและไขกระดูกมากเกินควรทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะทำงานแบกหาม



...จริงๆไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะฝนตกหนักขนาดนี้ ไซด์ต้องหยุดการก่อสร้างอยู่แล้ว...



เด็กหนุ่มคาดคะเนจากประสบการณ์...ไต้หวันเป็นประเทศที่ฝนตกทุกฤดูกาลจนน่ารำคาญ หากการเป็นแรงงานถูกกฎหมายแถมยังมีสัญชาติไต้หวันอยู่แล้วทำให้เขาได้ค่าแรงครึ่งหนึ่งเวลาหยุด



รองเท้าที่ชุ่มด้วยน้ำเหยียบไปตามทาง ความรู้สึกหิวโหยล่วงเข้ามาทำให้เขาหยุดแวะร้านบะหมี่ราคาย่อมเยาที่หาเจอจากการมาขายเลือดครั้งก่อน



พออิ่มท้องก็ได้ฤกษ์ออกจากร้านเดินฝ่าฝนที่เริ่มซามุ่งหน้าไปยังป้ายรถโดยสารที่อยู่ห่างไปเป็นกิโลอีกครา ทว่าครั้งนี้มีบางอย่างที่แตกต่างจากวันอื่น


ความรู้สึกเหมือนถูกสะกดรอยตามอยู่คู่กับเขามาตั้งแต่เริ่มเรียนมัธยมต้น ส่วนใหญ่คนไม่รู้จักกันมักจะคิดว่า หน้าตาผิวพรรณอย่างเขาเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่เหมาะแก่การจี้ ปล้น รีดไถ และโดยมากเขามักจะอาศัยการวิ่งเร็วพาตัวเองหนีไปหรือถ้าทางนั้นไม่มีอาวุธหนักอย่างปืนก็จะซัดให้รู้กันไปข้าง



...เงินแดกเขายังไม่ค่อยมี ยังคิดจะรีดไถอะไรอีก...



ควานลินแสร้งทำเป็นบิดตัวไปมาเพื่อจะหันไปสำรวจด้านหลังของตนเองได้อย่างไม่ผิดสังเกตก็เห็นใครคนหนึ่งสวมชุดกันฝนสีดำทั้งตัว หมวกคลุมนั้นปิดลงมาครึ่งหน้ายืนอยู่ใต้แสงสลัวของเสาไฟ ทันทีที่เขาเริ่มเดินหรือเลี้ยวไปทางไหนฝ่ายนั้นจะตามมาด้วยเช่นกัน



...ควรจะวิ่งดีไหม...



เขาถามตัวเองพลางกลอกตามองไปโดยรอบเพื่อหาสักที่ที่มีแสงสว่างและผู้คนพลุ่กพล่าน ทว่าสายฝนนั้นทำให้ผู้คนกางร่มเดินสัญจรไปมาเพราะไม่อยากออกจากบ้านเกินความจำเป็น  



เดชะบุญที่เขาพาตัวเองมาถึงป้ายรถโดยสารที่มีคนยืนอยู่จำนวนหนึ่งสำเร็จและครั้งนี้เมื่อหันไปมองอย่างตั้งใจกลับไม่พบใครแล้ว



เมื่อรถสายที่รอมาถึงเขาก้าวขึ้นไปตามปกติจนมาถึงป้ายที่ต้องต่อรถอีกสายเพื่อกลับไปยังที่ซุกหัวนอน 



ณ บริเวณนั้นไม่มีผู้โดยสารอื่นรออยู่ทำให้บรรยากาศเงียบเหงา และในนาทีที่เขามองไปโดยรอบสายตาก็ปะทะเข้ากับคนที่มีท่าทางเหมือนคนที่ตามเขาในดาหยวนยืนอยู่ตรงทางม้าลายเตรียมจะข้ามฝั่งมาหา



เด็กหนุ่มพยายามมองหาสถานีตำรวจหรือร้านอาหารที่พอจะเข้าไปหลบได้ หากทันทีที่เห็นฝ่ายนั้นกำลังวิ่งข้ามมา สมองก็หยุดคิดถึงเหตุผลมีเพียงเท้าที่ออกวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง ทว่าการไม่รู้จักถนนหนทางของเมืองนี้ด้วยเป็นเพียงทางผ่านสำหรับต่อรถทำให้เขาไม่รู้ทิศทางในการหลบหนี



บุคคลนิรนามผู้นั้นยังคงวิ่งกวดตามมาอย่างไม่รู้เหนื่อยจนคนที่เสียเลือดไปเยอะเริ่มจะวิ่งไม่ไหวจึงหาทางมุดช่องประตูที่ปิดทางเข้าไซด์ก่อสร้างไว้ จนเข้ามาได้ก็คลายใจยืนหอบอากาศเข้าปอดราวกับคนใกล้จะตาย กว่าจะรู้สึกถึงอันตรายได้ก็ตอนที่หมัดลุ่นชกเข้าเต็มแก้ม



ร่างผอมถลาตามแรงหมัดล้มไปบนดินชุ่มที่กลายสภาพเป็นโคลนลื่น พยายามจิกเท้าไม่ให้ล้มลงไปบนพื้น



ไม่มีเวลาให้รู้สึกเจ็บหรือตั้งคำถามเพราะฝ่ายนั้นตรงดิ่งเข้ามาสวนหมัดซ้ายขวาเข้าใส่อย่างไม่ปราณีราวกับนักมวยอาชีพ



สายฝนหนักซาลงจนแทบไม่เป็นอุปสรรคในการมองหาช่องสวนกลับ ทว่าเขาไม่สามารถสู้แรงของฝ่ายตรงข้ามที่ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญในการต่อสู้ มีเพียงการยกแขนกันเพื่อตั้งรับแต่แรงกระแทกที่กระหนำลงมานั้นเหมือนจะบดกระดูกเขาให้แตก 



สุดแรงทนเขากระทืบเท้าสะเปะสะปะลงไปบนพื้นกระทั่งถูกเข้ากับเท้าเป้าหมายก็หมุนตัววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตออกไปอีกรอบ



หากยิ่งหนีเขาก็เหมือนหนูติดจั่นวนอยู่ในไซด์ก่อสร้างที่กำลังปรับพื้นที่จึงไม่มีอาคารให้ขึ้นหลบ พอตัดสินใจจะวิ่งมุดออกไปทางเดิมหลังกลับถูกเท้าถีบเข้าใส่เต็มแรงยังผลให้ร่างผอมร่วงลงไปนอนกองบนดินโคลน



เขาหอบหายใจรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวแต่ยังไม่ยอมแพ้ พยายามใช้เท้าดันตัวเองเขยิบถอยตามจังหวะการก้าวเข้ามาข้างหน้าของผู้ประสงค์ร้าย กระทั่งหลังกระแทกโดนเครื่องผสมปูนที่อยู่ติดแนวรั้วกั้นไซด์ก่อสร้างจึงรู้ว่าสุดทางหนี



“อยากได้เงินเหรอ” เขาตะโกนถามใส่คนในชุดกันฝนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่แทนที่จะได้คำตอบกลับกลายเป็นท้องถูกเท้ากระทืบเหยียบลงมาทำให้เขาจุกจนลุกไม่ขึ้น ก่อนที่ปลายกระบอกปืนสีดำสวยนั้นจะจ่อมาตรงหน้า



ฝ่ายเพรี่ยงพร้ำจ้องปากกระบอกปืนที่อยู่ห่างจากหน้าตนเองไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร เมื่อได้ยินเสียงปลดเซฟตี้จึงเคลื่อนตามองไปยังท้องฟ้าสีแดงผสมม่วงช้ำเลือดช้ำหนอง 



แม้นเขาจะไม่นับถือศาสนาใดหรือไม่เชื่อในพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย ทว่าในนาทีนั้นเสียงจากจิตสำนึกส่วนลึกกลับทวงถามหาเหตุผลจากพระเจ้า



...เอาจริงดิ...
...จะให้ตายทั้งอย่างนี้จริงดิ...



ชั่วนาทีที่สิ้นหวังตาคมปิดลงรอรับการประหารอย่างไร้เหตุผลโดยดุษฎี  กระนั้นในวินาทีที่เสียงฟ้าพิโรธร้องคำรามกลบเสียงปืนให้อ่อนเบาแต่แทนที่เขาจะรู้สึกเจ็บจากกระสุนกลับมีของเหลวกลิ่นคาวคล้ายเลือดกระเซ็นเต็มหน้า พร้อมกับการความรู้สึกถึงร่างที่ล้มลงมาบนตัวเขาแต่ก็เพียงไม่ถึงนาที ความหนักของร่างที่ทับลงมาก็ถูกบางสิ่งเตะพ้นออกไป



“ไล ควานลิน” เสียงทุ้มเข้มเย็นเยือกขานเรียกชื่อทำให้เขาเปิดตามอง ก่อนจะเห็นร่างใหญ่หนาราวกับหมีที่ถูกเงามืดครอบจนไม่เห็นรายละเอียดของใบหน้า คงมีเพียงรอยสักเสือคำรามบนท่อนแขนล่างเท่านั้นที่แสงไฟสาดลงมาให้เห็น



ไม่ทันที่จะได้ตั้งคำถามผ้ามีกลิ่นฉุนแปลกกลับตะปบลงมาบนจมูกที่พอสูดเข้าไปเต็มปอดอย่างไม่ตั้งใจทำให้รู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะ จนเปลือกตารู้สึกหนักอึ้งจวนเจียนจะคล้อยปิดลง



ควานลินพยายามดิ้นรนไปให้พ้นจากผ้าอาบยาสลบด้วยการจิกมือตะกายขึ้นจากพื้น ตาคมเหลือบยังคนตรงหน้าเพียงชั่วนาทีทุกภาพในสายตาก็พร่างพร่าก่อนที่ฤทธิ์ยาจะพรากพาสติให้เลือนหายพร้อมกับโลกทั้งใบที่หมุนคว้างแล้วกลับสู่ความอนธการไปในพลัน



ชายผู้นั้นก้าวถอยไปจัดการเก็บปืนด้ามสวยกับศพที่เขาเพิ่งระเบิดสมองกระจุยเมื่อครู่ด้วยการลากโยนลงในหลุมลึกที่มีเสาเข็มตอกอยู่ จึงกลับมาให้ความสนใจกับร่างเป้าหมายที่นอนสลบนิ่งบนพื้น จากนั้นจึงอุ้มร่างที่เหมือนไม่มีน้ำหนักนั้นขึ้นพาดบ่าเดินไปยังทางออกของรั้วกั้นอีกด้านที่ถูกแรงกระชากจนโซ่คล้องขาดท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหนำลงมาอีกคำรบ



-----------แวะคุยกันก่อน-------------
เปิดเรื่องมาก็ระเบิดตูมตาม น่าจะเป็นฟิคโฮลินที่แหวกสุดและไม่มีใครเขียนอย่างเราอีกแล้ว 55555 
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ตั้งใจจะให้มีห้าหกตอนพอ และอาจเขียนตอนตลาดวายด้วย 
ขอบคุณคนที่บอกจะอ่านกับเรา อ่านแล้วเป็นยังไงแจ้งด้วยเด้อจะคอมเม้นหรือแท็ก #ficlovetoxical ก็ได้

You Might Also Like

3 Comments

  1. รีบมาต่อนะคะ รออ่านอยู่ เนื้อเรื่องเข้มข้นมากกก ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เลย สนุกดีค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20/8/60 20:33

    รออ่านนะคะ ไม่เห็นอัพนานเลย

    ตอบลบ
  3. ดีมากๆเลยอ่ะ ไม่รู้จะพูดไงแต่มันดีมาก ฮือ ตะร้งไห้

    ตอบลบ