BITTER SWEET - CHAPTER FOURTEEN
19:58
หลังจากถ่ายทำเพลงที่ใช้แสดงจริงเสร็จเสียงปรบมือและเสียงร้องจากแฟนคลับที่เข้ามาดูการแสดงสดในรายการเพลงดังไล่หลังกลุ่มไอดอลหน้าใหม่ที่ทยอยเดินลงจากเวที
เด็กหนุ่มลูกครึ่งรับผ้าขนหนูจากทีมงานมาซับเหงื่อที่ไหลย้อยตามลำคอแล้วมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่บนผนังระหว่างทางเดินกลับไปห้องพัก
...เมื่อสายเขาส่งดีเอ็มถามพี่ฮยอนชอลไปว่าเริ่มถ่ายการแข่งขันรอบต่อไปเมื่อไหร่
พอได้คำตอบว่า น่าจะถ่ายเสร็จเย็นๆ ตอนนี้ก็หกโมงครึ่งแล้วยังไม่เห็นมีวี่แววอะไรเลย...
ตากล้องและทีมงานโผล่เข้ามาในห้องแต่งตัวระหว่างที่สมาชิกเซเว่นทีนกำลังเก็บของเตรียมตัวไปขึ้นรถเพื่อทำงานต่อ
เด็กหนุ่มโค้งให้เหมือนทุกครั้งก่อนจะถูกจู่โจมด้วยการสัมภาษณ์
“มีตารางงานต้องไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ”
“วันนี้มีแฟนไซน์ต่อครับ”
“ทราบใช่ไหมครับว่าวันนี้แอนดัพแข่ง”
“ครับ”
“แข่งเสร็จแล้วนะครับ...รู้ผลคนผ่านเข้ารอบแล้ว
คิดว่าแอนดัพจะผ่านเข้ารอบไหมครับ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“งั้นจะให้ดู
VTR ที่ถ่ายแอนดัพมาวันนี้นะครับ”
PD ยื่นไอแพดที่มีคลิปคู่ประเด็นของเขามาให้...เด็กหนุ่มมองภาพของชายหนุ่มที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าจากที่รายการจัดให้กลับมาสวมกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมลายพรางทหารสีกากี
ผมเผ้าที่ถูกหมวกครอบไว้ตลอดจนยุ่งเหยิงเมื่อถอดถูกมือใหญ่สางไปมา
“ผลการแข่งขันเป็นยังไงบ้างครับ”
บยอลเหลือบมองกล้องด้วยสีหน้าเครียดขรึมแล้วหันกลับไปเก็บของใส่กระเป๋าสะพายหลังของตัวเองเงียบๆอยู่ในห้องแต่งตัวคนเดียวทำให้คนมองผ่านจอเผลอกัดปาก...มีความกังวลเล็กๆอยู่ในใจ
“ไม่ค่อยดีเหรอครับ...แล้วนี่จะไปไหนต่อไหมครับ
จะไปแถวกังนัมหรือเปล่า” คำถามยังมาเป็นระลอกแต่อีกคนยังคงปิดปากนิ่ง
“นิวแชมป์เขา...”
“อย่าพูดชื่อแม่ง”
พอเปิดประเด็นด้วยการกล่าวพาดพิงถึงอีกคน
ปากที่ปิดก็สวนเป็นคำออกมาทันที
“แต่เขาบอกว่า...”
“พวกมึงนี้หูหนวกเหรอ...กูบอกแล้วไงว่าอย่าพูดชื่อแม่ง” คราวนี้มือใหญ่ปัดกล้องให้ถอยออกไปพร้อมกับคลิปที่จบลง
ฮันโซลขมวดคิ้วให้กับอาการของอีกฝ่ายในจอไอแพดแต่เมื่อทีมงานขอไอแพดคืนก็แกล้งยิ้มกว้างเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“ตกรอบเหรอครับ”
“ทางเราบอกผลการแข่งขันให้ไม่ได้ครับ...แต่ถ้าแอนดัพตกรอบจริงจะรู้สึกยังไงครับ”
“555
ต้องรู้สึกอะไรด้วยเหรอครับ...อา ใจร้ายไปเหรอ
งั้นก็เสียใจด้วยนะครับ แบบนี้ดีไหมครับ”
เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใสขณะมองไปยังกล้องที่ถ่ายทำตัวเองก่อนจะเดินตามหลังสมาชิกในวงออกไป
บยอลนั่งขัดสมาธิมองคลิปถ่ายทอดสดผ่านจอไอแพดของทีมงานฝั่งตัวเองพลางเลียริมฝีปากท่ามกลางวงล้อมของสมาชิกทีมพัลจีที่สมาชิกจากทีม
AOMG และฮยอนแทที่ผ่านเข้ารอบมาชะโงกดูด้วย
“เล่นละครตีหน้าโกรธเก่งเชียวนะมึง”
ซึงแทคหรือลิลบอยเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรกพลางหัวเราะกวนประสาท
“โครตเหี้ยอะ หลอกคนสวย”
จีกูอินโพล่งออกมา
“ไปหลอกเขาแบบนี้...ถ้าเขาโกรธจะทำยังไงวะ”
จาแมซออกความเห็น
“น้องมันจะโกรธเหรอ
ท่าทางเวอร์นอนแม่งไม่แยแสไอ้บยอลเลยวะ...ไอ้มิมึงแน่ใจปะว่าเรื่องที่เมื่อคืนที่มึงเล่าให้กูฟังไม่ใช่ฝันหรือเมาแล้วตื่นมาเล่าอ่ะ
ดูน้องมันดิพูดปลอบเหมือนโดนบังคับเลย 555 ตลกฉิบหาย”
“หรือเขารู้ว่ามึงหลอกวะ”
มินโฮย่นหน้าผากใช้มือลูบคางพลางหันไปมองเพื่อนที่นั่งดูดนมช็อกโกแลตสลับกับยัดคิบับเข้าปากด้วยมือข้างเดียว
“มันฉลาดจะตาย...อาจจะรู้ก็ได้
ไปๆพวกมึงแยกย้าย เดี๋ยวกูต้องเก๊กหน้าโหดออกไปถ่ายรายการผีนี้ต่ออีก”
“เออ
เมื่อกี้แม่งอย่างตลกอ่ะ
ตอนที่มึงทำหน้าโหดไปดึงไอแพดจากทีมงานแล้ววิ่งเข้ามาห้องแต่งตัวขังตากล้องกับทีมงานไว้ข้างนอก
เห็นมินซิกมันคาทกมาบอกว่า PD กับตากล้องอึ้งไปเลยคงนึกว่ามึงเดือดมาก”
จีกูอินบอกแล้วหัวเราะ
“ดี...แม่งจะได้ใบ้คาทกมันให้สักทีจะได้จบๆ” คนตอบพูดทั้งที่ยังเคี้ยวของกินเต็มปาก
วางไอแพดลงกับพื้นแล้วหยิบมือถือมาไถต่อก่อนที่จะได้ยินเสียงทีมงานเคาะประตูพร้อมตะโกนบอกว่าอย่าทำลายทรัพย์สินรายการ
“เอาไงดี
ให้กูเปิดประตูเลยไหม” ฮยอนแทหันมาถาม
“เออ เปิดๆ ช่วยทำหน้าสลดกันด้วยนะ
อย่าหลุดหัวเราะล่ะ ซึงแทคฮยองอย่ายิ้มดิว้อย”
ว่าพลางชี้นิ้วไปยังคนที่หัวเราะตัวสั่นขณะยังจดจ่ออยู่กับการไถหน้าจอมือถือ
“ก็กูขำให้ทำยังไงวะ”
ซึงแทคเงยหน้ามาตอบ
“กลั้นไม่ไหวก็ไปนอนมุมห้องเลยไป”
“จะให้กูนอนหรือให้กูไถไอจีมึงช่วยหาไอดีคาทกเวอร์นอนกันแน่...นี่คอมเม้นกูไล่หมดแล้วนะ
เริ่มในดีเอ็มไปหน่อย ถ้ามึงจะให้กูนอนก็ไปนอนก็ได้”
“เฮ่ยยยยย...ใจเย็นดิพี่ ช่วยหาก่อน ผมหาคนเดียวไม่เจอหรอกวันนี้”
“เอาจริงๆนะ
ถึงจะได้คำใบ้ว่าไอดีขึ้นต้นด้วย TWIX ไรนี้แต่ทำไมมึงไม่ถามไอดีไอจีเวอร์นอนจากฮยอนชอลให้รู้เรื่องรู้ราววะ...ขอมาจะได้หาเจอง่าย”
“ส่งแจวอนมันไปขอคนที่มีแล้ว
นี่ลองเมล์ไปคุยกับคุณลิซซี่ดูแต่ยังไม่เห็นเมล์มั่ง
เมื่อกี้ผมเห็นเพลงของมันที่ค่ายปล่อยออกมาหลังตกรอบมีชื่อพี่จุนคยองด้วยก็เลยดีเอ็มไปถามในไอจีมาแต่ไม่มีใครยอมตอบเลย”
“โอโห
ไอ้ห่าบยอลมึงถามทั้งบนดินใต้ดินเลยเหรอ กูจะบ้า” จาแมซร้องแล้วเกาหัวเหมือนไม่รู้จะสรรหาคำมาด่ายังไง
“ทำไมไม่ไปถามกับทางแบรนด์นิววะ
เขาสนิทกับค่ายไอ้เวอร์นอนออก
วันนั้นงานพี่คีบอมเห็นเชิญกันไปทั้งทีมฮิปฮอปของน้องมันเลยนะ
หรือไม่ก็ถามพี่ฮันเฮดูยังเผื่อจะมี” ฮยอนแทออกความเห็น
“ปล่อยพี่ฮันเฮเขาไปเหอะ...วันนี้ก็เห็นสภาพจิตใจพี่เขาอย่างแย่
ปล่อยให้คนอื่นมันดูแลไปก่อน”
มินโฮบอกด้วยสีหน้าเป็นห่วงเมื่อคิดถึงพี่อีกคนที่ผ่านเข้ารอบมาได้ทั้งที่ทำผิดพลาด
“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้บยอล
เหมือน...เหมือนกูจะเจอแล้ววะ” คนตัวเล็กจ้อยสุดในกลุ่มร้องพร้อมชูโทรศัพท์เหนือหัว
“จริงดิ เฮ้ย หลบ
หลบ...ไหน พี่ ไหน”
บยอลหันควับใช้มือปัดป่ายทุกคนที่ขวางทางแทบกระโจนเข้าไปหาคนเป็นพี่
รีบชะโงกหน้าดูกล่องข้อความในอินสตราแกรม
สิ่งแรกที่ปรากฏเป็นภาพวาดสีน้ำมันของพระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าอันมืดมิดเหนือพื้นน้ำทะเลและเกลียวคลื่นที่สาดกระทบหินริมฝั่ง
มีข้อความภาษาอังกฤษส่งมาด้วย
Twixvhansol
I hope you will be ok.
Don’t worry my bro, Goodnight.
PS. If you want to talk to me
My kakaotalk id : Choihansolv
“โห
น้องเขาให้ไอดีมึงมาสองเดือนกว่าแล้วนะ
ตั้งแต่ตอนแข่งรอบสองหรือสามแล้วมั่ง...มึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาถึงไม่ยอมอ่าน
ทำชาวบ้านเดือดร้อนเกือบทั้งวงการเพราะความกากของมึงคนเดียวเลย” คนเป็นพี่ด่าใช้มือตบหัวน้องสมกับความกากไปทีหนึ่ง
“โดนเขาปั่นหัวก็สมควรล่ะ...เล่นลืมเขาเป็นเดือนๆ
ทีคิดได้จะมาคลั่ง กูตบซ้ำซะดีไหม” จีกูอินเงื้อมืออยากจะช่วยสมทบตบ
“ผมก็ไม่รู้ปะว่ามันส่งมา...ผมไม่ได้ว่างอ่านของทุกคนนะ”
“แต่อ่านทุกไอดีที่เป็นผู้หญิงเซ็กซี่เลยนะมึง
ไอ้...ถ้าไม่กลัวความกากมึงติดมือกูตบอีกรอบแล้วเนี่ย”
สิ้นคำด่าของซึงแทคทุกคนก็หลุดหัวเราะพลางส่ายหน้าในความกาก...คนถูกประณามไม่ตอบแค่คว้ามือถือมาแล้วแคปหน้าจอเอาไว้เก็บไปแอดทีหลังเพราะยังมีเรื่องต้องสะสางกับรายการพิเศษอยู่
“เฮ้ย
ไอ้ห่าทีมงานก็เคาะประตูจัง กูเปิดประตูเลยแล้วกันนะ”ฮยอนแทตะโกนถามมาจากหน้าประตู
“ทุกคนทำหน้าเครียดช่วยกันหน่อยดิ”
ชายหนุ่มตบมือสั่งการลุกจากพื้นถือไอแพดในมือตีหน้าที่ยิ้มอยู่เป็นเรียบเฉยแล้วส่งสัญญาณให้ฮยอนแทเปิดประตู
ตากล้องกับทีมงานกรูเข้ามาในห้องมองคนที่ยืนนิ่งยื่นไอแพดส่งคืนด้วยอาการเครียดจัดจน PD ที่ยิ้มรออยู่หลุดถามออกมา
“รู้จัก direct
Message ในอินสตราแกรมไหมครับ”
“เออ รู้ แล้วยังไง”
“เคยเช็กข้อความในนั้นบ้างไหมครับ
คิดว่าน่าจะลองไปเช็กดูนะครับ”
“ทำไมต้องเช็ก
มีห่าอะไรในนั้น”
“เวอร์นอนให้ไอดีคาทกไว้ในนั้นครับ”
“ห๊ะ...ให้ไว้เมื่อไหร่”
คนถามแกล้งทำหน้าตาตื่น
“สักพักแล้วครับ...ทีนี้จะเช็ก
DM ในอินสตราแกรมเลยไหมครับ”
“ยังอ่ะ”
“ทำไมล่ะครับ
ไม่อยากได้คาทกของเวอร์นอนแล้วเหรอ”
“ไว้ขับรถไปหามันที่หอแล้วค่อยเช็กหน้าหอมันแล้วกัน”
คนมีประเด็นทำสีหน้าเรียบตึงเหมือนยังโกรธอยู่
“ไอ้มันที่ว่านี่หมายถึงใครครับ”
“ไอ้เด็กบ้า ชเว ฮันโซล
เวอรนอน”
“จะนั่งเช็กดีเอ็มหน้าหอเหรอครับ
แต่วันนี้เซเว่นทีนมีงานแฟนไซน์คงกลับดึกนะครับ”
“นี่พวกมึงเห็นกูเป็นเด็กสามขวบหรือไง
กลับดึกแค่ไหนกูก็รอได้ปะ เสือก”
“พูดคำหยาบอีกแล้วนะครับ”
“ทำไมจะพูดหยาบไม่ได้
พวกมึงทำกับกูขนาดนี้ สนุกมากไม่ใช่เหรอ
เห็นกูอารมณ์ไม่ดีเรียกเรตติ้งเยอะนิ...กูบอกเลยนะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่กูจะถ่ายรายการผีของพวกมึง
ถึงจะหาคาทกแม่งไม่เจออีกกูก็จะไม่ยุ่งกับพวกมึงแน่นอน แล้วเดี๋ยวดู
ดูความแค้นกูบ้าง กูจะแจกฟัก ด่าเหี้ย ให้ฝ่ายเซ็นเซอร์มึงนิ้วล็อกเลยคอยดู” คำสบถปนด่ายาวเป็นชุดเหมือนปืนกลมาพร้อมการยกนิ้วกลางกระแทกหน้า
“ใจเย็นๆก่อนครับ...อย่าเพิ่งโมโห”
“ไม่ให้โมโหไหวเหรอ กูไม่ด่าพ่อพวกมึงก็บุญแล้วไหม”
“แหม...ก็เข้าใจว่าโกรธ
แต่ฟังกันก่อนสิครับ”
“มีอะไรพูดมา
ถ้าพูดไม่เข้าหูได้รู้เรื่องกันอ่ะ”
“ทางเราจะบอกว่า
ไปรอที่งานแฟนไซน์ได้นะครับ พอดีวันนี้ทีมงานตามไปถ่ายที่งานแฟนไซน์ด้วย”
“แล้วทำไมไม่รีบบอกวะ
อมพะนำทำเหี้ยอะไร”
“555
ก็ไม่ได้ถามนี่ครับ”
“แล้วยังไงจะให้กูไปที่ไหน
อะไรยังไง เอารายละเอียดมาดิ”
ชายหนุ่มกระดิกนิ้วเร่งให้ทีมงานส่งเอกสารสถานที่จัดงานแฟนไซน์พร้อมบัตรทีมงานที่สามารถเข้าออกห้องแฟนไซน์ให้
“แล้วนี่จะมีกล้องตามไปถ่ายกูในรถไหม
บอกก่อนเลยนะถ้าตามถ่ายแล้วกูเผลอเอามือฟาดนี้ อย่าด่ากูนะ
มันเป็นฟีลลิ่งความโกรธของกูเอง”
“อา...สำหรับทางนี้จะไม่ตามไปถ่ายต่อครับแต่จะยกหน้าที่ให้ตากล้องกับทีมงานทางนั้น”
“เออ
ก็ดีแบบนี้จะเลิกกองเลยไหม”
“555
เลิกกองได้ครับ แต่ก่อนเลิกขอถ่ายรูปรวมกันกับทีมงานหน่อยได้ไหมครับ
อย่างน้อยก็ถือซะว่าเป็นค่าที่ทีมงานโดนคุณด่า”
“จะถ่ายก็ไวๆเลย
รูปเดียวจบนะถ้ามีการถ่ายซ่อมกูด่าจริงๆ”
เสียงแข็งสั่งการกับตาสีชาที่ดุดันทำให้ทีมงานลนวิ่งเข้ามาถ่ายรูปให้จบเรื่องจบราว
บยอลโค้งและพูดลาแบบสุภาพด้วยท่าทางแข็งๆกับทีมงานหลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำแต่ไม่ลืมหันไปส่งสายตาใส่
PD อ้วนที่เดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้ายเหมือนคาดโทษแล้วหันมามองพวกพ้องที่นั่งล้อมวงกันอยู่กลางห้องแต่งตัวซึ่งกดหน้ากลั้นหัวเราะกันจนไหล่สั่น
“โอ๊ย...เล่นเนียนเหี้ย
เอาออสการ์ไปไหมมึง” ฮยอนแทหลุดหัวเราะลั่นออกมา
“อยากหัวเราะให้ท้องแตกก็เอาเลยไอ้หอก
กูไปก่อนแล้ว ขอบคุณทุกคนมากนะ ไว้วันหลังจะตอบแทนซื้อวอดก้ามาให้แดก”
คนตาดุบอกคว้าข้าวของได้ก็วิ่งพรวดออกจากห้องไปโดยไม่ฟังคำร่ำลาขอให้โชคดีตรงไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่แล้วขับออกไปทันที
--------------------------------------------------------------------
งานแฟนไซน์ของสมาชิกเซเว่นทีนและแฟนคลับที่อุดหนุนซีดีในวันนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
สมาชิกทุกคนเริ่มเก็บข้าวของที่ได้รับจากแฟนคลับใส่ถุงผ้าใบใหญ่ที่ทีมงานของค่ายเตรียมไว้ให้
ขณะที่ตากล้องและPDจากรายการพิเศษยังเก็บภาพบรรยากาศหลังจบงานแฟนไซน์อยู่
ฮันโซลเหลือบมองนาฬิกาตรงผนังในห้องจัดงาน...ในใจยังรู้สึกเป็นห่วงใครอีกคนแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะติดงานอยู่พอมีเวลาว่างกลับมาเป็นของตัวเองก็เลยหยิบไอแพดออกจากกระเป๋าสะพายหลังออกมาแล้วก้าวเท้าตามหลังสมาชิกคนอื่นแต่ผู้จัดการกลับเดินเข้ามาขวางก่อน
“วันนี้เรารออยู่ที่นี่นะไม่ต้องกลับพร้อมสมาชิกคนอื่น”
“จะให้ผมรออยู่ที่นี่ไม่ต้องกลับพร้อมคนอื่นเหรอครับ
ทำไมเหรอครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ทีมงานรายการพิเศษเขาแจ้งมาว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะถ่ายเทปพิเศษแล้วและมีคนจะมาหาเราก็เลยให้รอก่อน
หลังจากนั้นทีมงานจะเป็นคนไปส่งเอง...เพราะงั้นพี่จะพาสมาชิกคนอื่นกลับนะ
เราดูแลตัวเองได้ใช่ไหม ถ้ามีอะไรคาทกหาพี่นะ”
“อา...
ว่าแต่ใครจะมาหาผมเหรอครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน
ต้องถาม PD เขาดู...ยังไงพี่ไปก่อนนะ อย่าลืมที่บอกนะเรา”
ผู้จัดการบอกขณะที่สมาชิกคนอื่นหันมามองยังคนที่ต้องอยู่คนเดียวด้วยความเป็นห่วงแต่พอได้ฟังคำอธิบายก็เข้าใจพากันทยอยออกจากห้องไปเหลือแค่ตากล้องกับPDจากรายการพิเศษ
“ใครจะมาหาผมเหรอครับ”
เด็กหนุ่มถามพลางเปิดหน้าจอไอแพดของตัวเองก็เห็นสัญลักษณ์แจ้งเตือนว่ามีความเคลื่อนไหวในอินสตราแกรมจึงเปิดเข้าไปดูก็เห็นข้อความตอบกลับจากคนที่เขาเคยส่งข้อความไปหากว่าสองเดือน
ภาพของแม่น้ำฮันยามค่ำคืนถูกส่งมาพร้อมข้อความ
...พี่ไม่ได้ตกหลุมพรางของรายการแล้วนะ
วันนี้เอาคืนมันได้ด้วยแหละ
แล้วพี่จะไปหา
รอพี่นะเด็กน้อย...
“ไปทำอะไรใครไว้ล่ะครับ” PD ตัวผอมที่ยืนอยู่ข้างๆตากล้องซึ่งบันทึกภาพเขาอยู่บอกทำให้คนที่จดจ่อกับข้อความในจอเงยหน้าขึ้นมาหา
“ไม่ได้ทำนี่ครับ”
“แต่มีคนเขาแค้นนะครับ...เขาจะมาเอาคืน”
“555
จริงเหรอครับ”
“รู้หรือยังว่าใคร”
“พี่บยอล เอ๊ย พี่แอนดัพเหรอครับ”
เด็กหนุ่มถามก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามานั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ห่างจากขอบเวทีที่เขานั่งห้อยขารออยู่
“เอ้า มาจริงๆด้วยอ่ะ 5555”
เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“หัวเราะอะไร ตลกมากไหม”
“ก็ไม่ได้ตลกอะไรนี่ครับ”
“แล้วที่ขำเมื่อกี้
ขำหาอะไร”
“ทำไมต้องหาเรื่องล่ะครับ
แค่ยิ้มเองนะ”
“นี่เป็นเพื่อนเล่นเหรอ”
“555”
“เด็กเปรต”
“อุตส่าห์ถ่อมาถึงนี้เพื่อมาด่าผมเหรอครับ”
“เออ” เขาหลุดปากออกไปแกล้งทำเหมือนไม่สนิทกันมากนักเพราะไม่อยากให้รายการร่วมวงสาระแนกับชีวิตและความรู้สึกของเขาที่มีต่อเด็กตรงหน้ามากไปกว่านี้
“ด่าได้แต่อย่าด่าแรงนะครับ”
“ทำไม”
“ผมจะด่ากลับ 55555555”คนอ่อนกว่าตอบ ดวงตาสีน้ำตาลสวยทั้งคู่ยามสะท้อนแสงไฟบนเพดานเปล่งประกายสวยจนคนมองอยากลุกจากเก้าอี้เดินไปกอดให้รู้แล้วรู้รอดแต่ต้องทำนิ่ง
“ไอ้เด็กนี่นิ”
“นอกจากมาด่าแล้วจะเอาไอดีคาทกด้วยไหมครับ”
“ไม่เอา”
“ทำไมล่ะครับ
ไม่อยากคุยกับผมแล้วเหรอ”
“Choihansolv...ชื่อไอดีคาทกนายใช่ไหม” พอถามออกไปเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีก
“ขำอะไรหนักหนาวะ นี่นั่งย้อนหาตั้งนานนะไอ้เด็กเปรต
ว่างจากซ้อมจากแข่งก็มานั่งหา ลำบากตายห่าเลยรู้บ้างไหม” ถึงจะด่าแต่ริมฝีปากกลับเหยียดกว้าง
“ผมไม่ได้อยากหัวเราะนะ
แต่พี่ยิ้มให้ผมก่อนทำไมล่ะครับ”
“ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”
“ยิ้มครับ”
“ไม่ได้ยิ้มว้อย”
“ถ้าไม่ยอมรับว่ายิ้มผมไม่ตอบคาทกฮยองจริงๆนะ”
“โวะ ยิ้มก็ได้แม่ง
แล้วนี่จบงานแฟนไซน์แล้วจะกลับยังจะได้ไปส่ง”
“ไม่รบกวนดีกว่า
ผมกลับแท็กซี่เองก็ได้ครับ”
“อย่ากวนตีนสิวะ...บอก
PD ไปแล้วว่าจะรับผิดชอบไปส่งนายเอง”
“5555
ด่าอีกแล้ว”
“ก็เป็นเด็กดีหน่อยสิจะได้ไม่ด่า”
“เป็นเด็กดีกับพี่ไปเพื่ออะไรล่ะครับ”
“เพื่อฉันไง”
“ถ้าพูดกับผมดีๆ
ผมก็เป็นเด็กดีได้นะ”
“ก็อย่ากวนตีนด้วยการไปถ่ายรูปกับคนอื่นสิวะ”
“ผมก็ถ่ายกับตั้งหลายคน”
“ก็ไม่เห็นถ่ายกับฉันบ้างเลยนี่หว่า”
“ก็พี่ไม่เคยขอให้ถ่ายด้วยนี่ครับ...จะมาโกรธผมได้ยังไงล่ะ
พี่นี่พิลึกจัง”
“เป็นคนแบบนี้แหละจะให้ทำยังไงวะ”
“ทำตัวไม่น่ารักเลยสักนิด”
“เป็นเด็กดีของพี่สิ
แล้วจะทำตัวน่ารักให้ดู”
“555 พี่นี่ชอบผมมากเลยเนาะ”
“เออ...” บทสนทนาห้วนๆโต้ตอบกันไปมาถูกตากล้องของรายการพิเศษบันทึกเอาไว้ทั้งหมด
มีการเรียกแยกไปสัมภาษณ์อีกเล็กน้อยก็ตบท้ายด้วยการจับมือและถ่ายรูปคู่ ในที่สุด PD
รายการก็ประกาศจบการถ่ายทำเทปของรายการพิเศษเฉพาะเวอร์นอนแอนดัพไว้เพียงเท่านั้น
ฮันโซลไล่ขอบคุณและโค้งให้ทีมงานทุกคนอย่างนอบน้อมพร้อมเอ่ยปากขอตัวกลับไปพักผ่อนจากนั้นจึงเปิดประตูออกจากห้องไปหาคนที่กอดอกตีหน้าเครียดพิงกำแพงอยู่ตรงประตูทางออก
พอเห็นคนที่รอออกมาจึงเริ่มเดินไปที่รถด้วยกัน
เด็กหนุ่มสูดกลิ่นน้ำหอมเพียวไร้บุหรี่เจือปนหลังจากเข้ามาภายในรถด้วยความประหลาดใจแต่ไม่ได้ถาม
ตอนที่มือเอื้อมไปจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแต่เจ้าของรถกลับชะโงกมาหาแล้วคาดเข็มขัดให้
เสียงเพลงอาร์แอนด์บีที่ถูกกดให้เปิดคลอระหว่างสตาร์ทรถทำให้รู้สึกถึงความอุ่นอย่างประหลาดทั้งที่บรรยากาศภายนอกอึมครึมเหมือนฝนใกล้จะตก
“เราจะไปไหนกันครับ”
“แม่น้ำฮันไง”
“555
อยากไปมากเลยเนาะ”
“ไม่ชอบเหรอ
หรืออยากไปที่อื่น”
“ไม่ครับ...ให้คนผ่านเข้ารอบตัดสินใจว่าจะไปไหนแหละดีแล้ว”
“รู้ได้ยังไงว่าพี่ผ่านเข้ารอบ”
“ก็พี่สัญญากับผมไว้...ผมเชื่อว่ายังไงพี่ก็ต้องผ่าน” คนอ่อนกว่าว่าพลางปรับเบาะเอนลงแล้วพิงศีรษะนอนมองคนที่ขับรถอยู่ “แต่เรื่องเลี้ยงเนื้อย่างเอาไว้คราวหน้านะ ผมไม่มีเงินแล้วอ่ะ”
“ถ้าอยากกิน...พี่เลี้ยงเองก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ
บอกว่าจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยง อีกอย่างวันนี้พี่ก็เสียเงินเพื่อผมไปตั้งหมื่นวอนแล้วด้วย” สิ้นคำคนเป็นพี่แทบจะตบพวงมาลัย ความร้อนแล่นขึ้นมาทั้งหน้า
“น้องเราเล่าให้ฟังเหรอ”
“555 ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะครับ”
“ดูงี่เง่าไหมล่ะ...ยอมซื้อขนมห่อเดียวตั้งหมื่นวอน
น้องเราแม่งหน้าเลือดโครตๆอ่ะ”
พูดแล้วก็หยิบขนมเวเฟอร์ช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งบนคอนโซลรถส่งให้
“555
ก็ยอมจ่ายเนาะ...แต่มันก็อร่อยมากเลยนะ ผมชอบกิน กินจน TWIX มันกลายเป็นชื่อเล่นของผมแล้วอ่ะ ตอนที่ยังเป็นเด็กฝึก
เวลาพ่อกับแม่เขาไปอเมริกาก็ซื้อมาให้ทุกทีเลย”
“ถ้าชอบก็เอาไปกินสิ”
“โห ตั้งหมื่นวอนเลยนะ พี่เก็บไว้กินเองเถอะ”
“ไม่เป็นไร...ถ้าเราชอบพี่ยกให้”
“ใจดีจัง
งั้นแบ่งกันคนละครึ่งนะ”
คนอ่อนกว่าชมแล้วฉีกซองแกะเวเฟอร์ช็อกโกแลตออกมากัดไปครึ่งหนึ่งก็ป้อนให้อีกคนที่พอหางตาเหลือบเห็นก็งับขนมเคี้ยวเข้าปาก
“อร่อยไหมครับ”
“ก็อร่อยดีนะ”
“วันหลังถ้าว่างและมีเงินจะซื้อไปให้กินนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก...มาให้เห็นหน้าก็พอ”
ชายหนุ่มละสายตาจากท้องถนนกลับมามองคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“อย่าเอาแต่มองผมสิ
มองทางด้วย เดี๋ยวรถก็ชนพอดี”
“รู้แล้วจ้า” พอถูกเตือนก็กลับไปสนใจกับถนนตรงหน้า
“พี่...ขอผมหลับได้ไหมครับ
ช่วงนี้นอนตีสองตื่นตีห้าทุกวันชักจะไม่ไหวแล้ว”
“งานเยอะดิ
งั้นก็นอนไปเหอะ เดี๋ยวถึงแม่น้ำฮันแล้วพี่ปลุก”
“ถ้าผมหลับจะไม่เหงานะ”
“ไม่หรอก...มีเราอยู่ข้างๆ
ต่อให้ไม่ได้คุยกันก็ไม่เหงา”
“งั้นก็หรี่แอร์ลงให้ด้วยนะครับ...หนาวเกินไปผมนอนไม่หลับ”
“หนาวเหรอ” คนทำหน้าที่ขับรถถามพลางกดปุ่มลดความแรงของเครื่องปรับอากาศ
ค่อยๆชะลอความเร็วแล้วจอดข้างทางก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกที่สวมคลุมร่างคนที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ
“ห่มไว้จะได้ไม่หนาว”
เด็กหนุ่มเหลือบตาไปหาเจ้าของเสื้อคลุมที่เริ่มกลับไปทำหน้าที่ขับรถอีกหน...ความอุ่นนุ่มของเนื้อผ้าเจือกลิ่นน้ำหอมจากเรือนกายคนเป็นเจ้าของไม่มีกลิ่นบุหรี่ติดมาด้วยแม้แต่น้อยทำให้ริมฝีปากอิ่มแย้มบาง
“พี่เลิกสูบบุหรี่แล้วเหรอครับ”
“เปล่า”
“แต่วันนี้ผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่ในรถหรือจากฮยองเลย”
“เราไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ไม่ใช่เหรอ
วันนี้พี่ก็เลยไม่สูบ...ทำไมอ่ะไม่ดีเหรอ”
“ดีสิครับ
ถึงผมจะชอบกลิ่นบุหรี่ผสมน้ำหอมของพี่มากก็เถอะ แต่แบบนี้ดีกว่าเยอะเลย...หอม” บอกพลางดึงเสื้อคลุมมาปิดจมูกเหลือเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสวย “นอนแล้วนะครับ ถึงแล้วปลุกด้วยนะ อ้อ ลืมบอกตีสองผมต้องถึงหอนะ
พรุ่งนี้มีงานเช้า”
“อืม” ตอบรับในลำคออย่างเสียงไม่ได้...ใจจริงอยากอยู่กันถึงเช้าเลยแต่ข้อจำกัดระหว่างกันทำให้ต้องทำใจ
ความเงียบงันจากการร้างบทสนทนามีเพียงเสียงเพลงอ่อนหวานกล่อมดำเนินไป
บยอลยังคงขับรถไปด้วยใบหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มจนถึงที่หมายก็จอดรถแต่ยังไม่ดับเครื่อง
มือกดปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วเอนหัวพิงเบาะมองคนที่หลับสนิทเพราะความเหนื่อย
เรือนผมยักศกสีน้ำตาลที่เคลียล้อมกรอบดวงหน้าขาว
เปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างเผยให้เห็นแพขนตายาวหนา
ร่างผอมซุกอยู่ใต้เสื้อคลุมนั้นชวนให้รู้สึกเหมือนแมวตัวน้อยกำลังหลับ
“เมี้ยวน้อย” เขาร้องออกมาขณะขยับปลายนิ้วปัดปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าของอีกคนให้พ้นทางพร้อมกับความรู้สึกอุ่นกรุ่นในใจ
...ยอมรับว่าชีวิตที่ผ่านมาสำมะเลเทเมาไม่ใช่เล่นหรอก
เคยคบเคยนอนกับคนอื่นมาก็เยอะ แต่ไอ้ความรู้สึกอยากถนอมอะไรไว้สักอย่างกับความอุ่นซ่านที่ซึมซามในหัวใจทีละน้อยเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่เขาได้พบเด็กคนนี้...
ความรู้สึกพิเศษนั้นเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาชะโงกเข้าไปมองเด็กน้อยของเขาใกล้ๆและประทับริมฝีปากบนหน้าผากนวลที่มีกลิ่นหอมของสบู่นั้นเบาๆก่อนจะถอยกรูดตัวแทบแนบกับประตูรถฝั่งตัวเองเมื่อเจ้าตัวคนที่หลับขยับพลางส่งเสียงครางอื้อในลำคอ
“ถึงแล้วเหรอครับ”
คำถามพร้อมอาการขยี้ตาแบบงัวเงียดังขึ้นทำให้คนที่ขโมยจูบหน้าผากไปเมื่อครู่กลืนน้ำลายลงคอ
“เป็นอะไรไปครับ”
“เปล่า”
“จริงเหรอ” คนถามเลิกคิ้วคล้ายไม่เชื่อ
“อืม...ไม่มีอะไรหรอก
เราไปเดินเล่นกันดีกว่า”
ทั้งสองคนเปิดประตูลงจากรถโดยคนอ่อนกว่าไม่ลืมหยิบร่มพับในกระเป๋าสะพายยัดใส่กระเป๋าเสื้อคลุมที่เขาถือวิสาสะยึดมาใส่แล้วก้าวเท้าเดินเคียงกันเข้าไปในสวนสาธารณะที่มีคนค่อนข้างบางตาเพราะบรรยากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนจนมาถึงริมแม่น้ำฮัน...พื้นน้ำไหลเอื่อยไปอย่างไม่เร่งร้อนสะท้อนกับแสงไฟหลากที่อยู่โดยรอบ
ชายหนุ่มเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกคนที่ยึดเสื้อคลุมของเขาไปใส่และเอาแต่มองไปทางนั้นทางนี้ที
“ไม่เคยมาเหรอ”
“อา...เคยครับแต่ไม่ค่อยได้มาตอนกลางคืน”
“ปกติพอทำงานกับซ้อมเสร็จแล้ว
เราทำอะไรบ้างเหรอ”
“นอนครับ 555 อย่าเพิ่งด่านะ ก็ผมนอนจริงๆ นอกจากนอนก็ไปโรงเรียน
ถ้าว่างจากทำงานกับเรียนก็ฟังเพลง เขียนเพลงบ้าง เล่นเกม เล่นไอจี
คุยกับคนที่บ้านกับคนอื่นนิดหน่อย แล้วก็ทำความสะอาดในหอตามเวรอะครับ แล้วฮยองล่ะนอกจากเช็กเรตติ้งตัวเองที่ฮงแด
กินเหล้า ออกไปแรปในคอนแล้วทำอะไรอีก”
“โห
ดูพูดเข้าเอาซะพี่เลวเลย”
“555
ก็ในไอจีมันฟ้องแบบนั้นนี่”
“พี่ก็ทำงานนะ ดูแลแม่
แล้วก็เลี้ยงแมวกับหมาด้วย...ออกไปเรียนอยู่บ้างแต่คิดว่าจะดรอปไว้สักพักล่ะ”
“ทำไมถึงจะดรอปละครับ...เรียนเยาวชนศึกษาไม่สนุกเหรอ”
“ไม่เลย”
“แล้วเรียนทำไมอะครับ”
“ก็ตอนนั้นมันมีเวลาให้ตัดสินใจแป้บเดียว
ก็เลยเลือกไป...จริงพี่อยากเรียนพวกทำภาพยนตร์ ทำเพลงมากกว่า”
“ก็เรียนจบจากโรงเรียนศิลปะมานี่แถมตัวเองก็เป็นศิลปิน
ให้ไปเรียนเยาวชนศึกษาก็คงไม่ใช่ทาง แต่ถ้าไม่ได้ยุ่งมากนักก็ไปเรียนให้จบดีกว่านะ”
“เดี๋ยวนะ
นี่รู้ได้ไงว่าพี่เรียนอะไร จบมัธยมมาจากไหนอ่ะ”
“รู้สิ...ผมก็เคยบอกแล้วไงว่าผมรู้จักพี่มากกว่าที่ฮยองคิด”
“แต่พี่ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเราเลย
ถึงจะหาบทสัมภาษณ์มาอ่านหรือนั่งดูคลิปของเราก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นแค่เสี้ยวเดียวที่นายอยากให้คนอื่นรู้จัก”
“แค่นั้นก็พอแล้วครับ”
“แต่พี่อยากรู้มากกว่านั้น...อยากรู้จักทั้งหมดที่เราเป็น”
“5555
ถ้ารู้จะเกลียดผมเอานะ”
“ไม่เกลียดหรอก
พี่ชอบนายมากกว่าที่นายคิดนะ”
“เลียนแบบกันนี่” คนอ่อนกว่าแซวขยับเท้าก้าวยาวๆมาหยุดไปยืนดักข้างหน้าแล้วยื่นมือนุ่มที่โผล่พ้นจากชายเสื้อคลุมใหญ่มาหา
“จับมือกันไหมครับ”
ไม่จำเป็นต้องให้คำตอบมือใหญ่หยาบก็คว้ามือนุ่มนั้นมาจับแต่สัมผัสเย็นเฉียบของมือคู่นั้นทำให้ใช้สองมือกอบกุมและถูไปมาก่อนจะยกขึ้นมาเป่าลมร้อนผ่านริมฝีปากเพื่อให้อีกฝ่ายอุ่นขึ้น
หากความหอมของปลายมือนั้นทำให้เขาเผลอจูบเบาที่ปลายนิ้วแล้วแนบมันไว้กับข้างแก้มด้วยความรักใคร่
ดวงตาสีชาดุดันเหมือนเหยี่ยวแต่ฉายแววอ่อนโยนทอดลึกไปในดวงตาคู่สวยที่เปล่งประกายสกาวราวกับมีเวทมนตร์ให้ใหลหลง
ริมฝีปากอิ่มแต้มสีแดงตามธรรมชาติแย้มน้อยๆนั้นคล้ายมีแรงฉุดดึงให้โน้มหน้าเข้าไปใกล้
แต่ทุกอย่างต้องหยุดลงเมื่ออยู่ๆฝนก็เทลงมาพอดี
“อา...ตกจนได้
ดีนะที่เอาร่มมาด้วย” เด็กหนุ่มบอกแล้วกางร่มที่ตัวเองติดมากันเม็ดฝนที่สาดกระหนำ
“เฮ้อ...”
“ถอนหายใจซะดังเลย...ผิดหวังเหรอครับที่ฝนตก”
“มันก็นะ...ฝนตกแบบนี้คงเดินเล่นไม่ได้แล้วล่ะ...ไปหาอะไรกินกันดีกว่า
แถวนี้มีร้านเนื้ออร่อยๆ จะพาไปกินนะ”
คนโตกว่าบอกปัดปล่อยมือนุ่มไปอย่างเสียไม่ได้แล้วเป็นฝ่ายถือร่มให้แทน
“ไม่กินเนื้อได้ไหมครับ...เก็บไว้ให้ผมเลี้ยงคราวหน้า”
“แล้วจะกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ที่อุ่นๆ”
“เหล้า”
“555...นิสัยไม่ดีเลยอ่ะจะให้ผมกินเหล้าเหรอ
เดี๋ยวผมจะแจ้งตำรวจว่าพี่ให้เยาวชนกินเหล้า”
“พี่พูดเล่น...เราอยากกินอะไร
บอกพี่สิ”
“อยากกินซุนแดแหละ
แต่พี่กินมันได้แล้วอ่ะ ขอคิดก่อนนะ
ผมต้องหาอย่างอื่นที่พี่กินไม่ได้แล้วผมกินได้ก่อน”
“กวนตีนวะ”
“555
สนุกจัง”
“สนุกอะไรเล่า...จะกินอะไรบอกดีๆสิ”
“ผมอยากกินข้าวกับซุปกิมจิเนื้อร้อนๆ
แหละ ถ้าจะให้ดีเลี้ยงผมด้วยนะ”
“555
สุดท้ายก็ต้องเลี้ยง”
“ก็คราวหน้าไง...คราวหน้าที่เจอกันผมจะเลี้ยงนะ
นี่ ทำไมฮยองถึงยืนห่างนักล่ะ ดูสิแขนข้างนั้นเปียกไปหมดแล้ว ขยับมานี้เร็ว”
อีกฝ่ายบอกแล้วสอดแขนเข้าไปในแขนของอีกคนดึงให้ขยับเข้ามาประชิดกันทำให้หัวใจคนเป็นพี่เต้นโครมคราม
...หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะมึง อายุก็ยี่สิบกว่าแล้วจะมาใจเต้นห่าอะไรเหมือนเด็กสิบห้าวะ...
“ใจเต้นแรงจัง...หิวข้าวเหรอครับ”
“เออ...มั่ง” เขาตอบแล้วชี้นิ้วไปที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง “ร้านนั้นมีข้าวนะไปกินเหอะ”
ทั้งคู่เดินไปที่หน้าร้านอาหารสองชั้นที่มีคนแน่นขนัดจนพนักงานต้องเชิญขึ้นมาชั้นบน
โชคดีที่แม้บันไดของร้านจะอยู่ข้างนอกแต่ก็มีหลังคาคลุม
บยอลส่งคนอ่อนกว่าเดินนำไปในห้องกระจกด้านบนที่มีโต๊ะด้านในสุดเหลืออยู่
การสั่งอาหารและการก้มหน้าก้มตากินอย่างรวดเร็วเหมือนคนหิวจัดทำให้เจ้ามือมื้อนี้หลุดหัวเราะออกมา
“กินเหมือนคนอดอยากเลย
เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”
“ผมหิวอ่ะ...ทั้งเต้นทั้งแรปทั้งวันพอได้พักมันเหนื่อยเลยกินข้าวไม่ลง
ถ้าไม่นับขนมครึ่งชิ้นนั้นผมก็ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย”
“งั้นก็กินเข้าไปเยอะๆ” คนเป็นพี่คีบหมูย่างในจานใส่ชามอีกคนแล้วนั่งมองมากกว่าจะกิน ตาเหลือบมองนาฬิกาของร้านที่บอกให้รู้ว่าอีกชั่วโมงครึ่งการได้พบกันต้องจบลง
“นี่พี่ถามอะไรหน่อยสิ เราอ่ะคุยกับฮยองชอลฮยองเขาบ่อยเหรอ
ไปรู้จักกันได้ยังไง สนิทกันมากเลยเหรอ เออ
นอกจากอินสตราแกรมแล้วเขามีคาทกนายด้วยหรือเปล่า”
คำถามยาวเป็นขบวนดังขึ้นทำให้คนที่ก้มหน้าก้มตากินต้องเงยหน้ามาหา
“ก็ช่วงเป็นเด็กฝึกเคยเจอกัน
ฮยองเขามาสอนแรปบ้างก็เลยคุยกัน...แต่ฮยองเขาไม่มีคาทกผมหรอก
เขาก็เคยขออยู่นะแต่ผมไม่ได้ให้ คิดว่าให้ไอดีอินสตราแกรมไปก็คุยได้เหมือนกัน”
“เลิกคุยกับพี่เขาได้ปะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็แค่ไม่ชอบ”
“ทีพี่คุยกับคนตั้งเยอะตั้งแยะผมไม่เห็นว่าอะไรเลย”
“มันไม่เหมือนกันปะ”
“ไม่เหมือนยังไง”
“คนเราอ่ะมันมีสัญชาตญาณรับรู้นะว่า
มีใครชอบของของเราอยู่”
“ห๊ะ” ฝ่ายตรงข้ามย่นหน้าผากแล้วหัวเราะออกมา “อะไร
ใคร...ใครเป็นของพี่กัน”
“เราไง”
“ขี้ตู่อีกแล้วอ่ะ...ผมไม่ได้เป็นของพี่สักหน่อย”
“ไม่รู้ว้อย...ทำให้ชอบแล้วต้องรับผิดชอบกันด้วยสิ”
“พี่มาชอบผมเองนะทำไมผมต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วยล่ะ...ตลกเกินไปแล้ว”
“ใจร้ายอ่ะ”
“อืม...ใจร้าย
ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนนะ ผมบอกแล้ว”
“ทำไม่ได้นี่หว่าจะให้ทำยังไง”
“555
เป็นคนตลกอีกแล้วอ่ะ” คนเป็นน้องหัวเราะร่วนแกล้งทำไม่สนใจสีหน้าสลดของคนตรงหน้าแล้วกินข้าวต่อกระทั่งฝนหยุดตกก็กินกันหมดพอดี
คนโตกว่ามองนาฬิกาที่เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วลงบันไดนำมาก่อนจนเดินมาถึงพื้นข้างล่างก็หันกลับไปหาอีกคนวิ่งลงบันไดมาโดยเอาแต่มองทางเลยขยับเท้าเข้าไปหาพอร่างบางมาถึงตัวก็คว้ามากอดเอาไว้แน่น
“พี่ ทำอะไรครับ”
ฮันโซลร้องขณะโดนอุ้มลอยจากพื้น...สัมผัสถึงความผอมแต่แข็งแรงของอีกคนได้
“ตัวหนักจัง”
“หนักแล้วอุ้มทำไมเล่า...ปล่อยผมลงเถอะ”
“จะปล่อยก็ต่อเมื่อเราบอกพี่ว่าจะไม่คุยกับฮยอนชอลฮยองอีก”
“พี่มีอะไรกับพี่ฮยอนชอลเขานักเนี่ย...ตั้งแต่ตอนแข่งแล้วนะเวลาผมอยู่กับพี่เขาชอบตีหน้ายักษ์เรื่อยเลย
มีปัญหาก็ไปเคลียร์กับเขาสิมาทำแบบนี้กับผมจะไปได้อะไร”
“ก็ตัวปัญหาอยู่นี่ก็ต้องเคลียร์กับคนนี้”
“พี่พูดอะไรผมไม่เข้าใจ”
“พี่รู้ว่าเราเข้าใจ...”
“ไม่อายคนอื่นเขาเหรอ...มองกันทั้งร้านแล้ว”
“ช่างแม่ง”
“แต่ผมเป็นไอดอลนะ
แล้วพี่ก็มีชื่อเสียงขึ้นแล้ว...พี่จะไม่แคร์สายตาคนอื่นก็ได้แต่ผมแคร์”
คราวนี้เสียงอ่อนนุ่มกลับกร้าวดุ ดวงตากลมสวยทั้งคู่เรียบเย็นเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ราบไร้รอยแย้ม
คนแก่กว่ากระพริบตาพลางกลืนน้ำลายสัมผัสได้ถึงความโกรธจำเป็นต้องปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ
“ผมจะกลับแล้ว” เอ่ยจบก็หันหลังเดินดุ่มออกไปจากร้าน
อีกฝ่ายรู้ตัวว่าทำพลาดวิ่งตามไปจับแขนแต่ถูกสะบัดออก เลยได้แต่เดินตามหลังคนที่เอาแต่มุ่งหน้ากลับไปยังรถที่จอดอยู่
“ไม่ต้องไปส่งผมแล้วนะ
ผมจะกลับเอง”
“พี่ขอโทษ”
“ไม่ต้องครับ”
“อย่าทำแบบนี้สิ”
“ถ้าจะทำอะไรไม่คิดก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษครับ”
“เฮ้ย
อย่าพูดอย่างนั้นดิ...พี่ขอโทษ”
“ผมคงจะใจดีกับพี่มากไป
พี่เลยคิดว่าจะทำอะไรกับผมก็ได้ใช่ไหมล่ะ...เปิดประตูรถผมจะเอาของ”
ฮันโซลบอกคว้าที่จับประตูพยายามจะเปิดแต่บยอลดึงแขนให้หันกลับมาหาแล้วใช้มืออีกข้างดันบานกระจกรถไว้พร้อมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้
“เด็กน้อย...ฟังพี่ก่อน”
ครั้งนี้ดวงตาสีชามีแววจริงจัง “ฟังพี่พูดให้จบแล้วจะโกรธพี่ต่อก็ได้”
เด็กหนุ่มจ้องตาของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ใกล้กันมากระดับได้กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ใหญ่ผสมกับกลิ่นหอมหวานของแชมพูและสบู่
“ถึงเราจะบอกว่าเราไม่ใช่คนของพี่
แต่พี่เป็นคนของเรานะ...พี่ไม่มีสิทธิ์หวงเราสักนิดเลยเหรอ
ไม่มีสิทธิ์กลัวว่าจะมีใครเอาคนที่พี่รักไปเหรอ
พี่ก็ไม่ชอบหรอกที่ตัวเองเป็นแบบนี้
ปกติคบกับใครก็ไม่ขนาดนี้แต่กับเราพี่จริงจังนะ
ถึงจะยังไม่ได้คบแต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เรามองแต่พี่คนเดียว”
“แต่ข้อจำกัดของผมคือ
ผมเป็นไอดอล...ทุกวันผมต้องเจอคนอีกเยอะเหมือนที่พี่เองก็ต้องเจอคนอีกมาก ถ้าพี่ไม่เชื่อใจผมเหมือนที่ผมเชื่อใจพี่เราจะไปต่อได้ยังไง”
“ไปต่อ” คนถามเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าพี่ต้องการผมจริง
สิ่งแรกพี่ต้องจำคือผมเป็นไอดอล ผมเพิ่งเดบิวต์ มีหลายคนที่คาดหวังในตัวผม
จะให้ผมทำตามใจตัวเองหรือตามใจพี่ทั้งหมดไม่ได้ เราเจอกันบ่อยๆไม่ได้
ถ่ายรูปคู่เยอะๆคุยโต้ตอบในSNS เยอะๆเหมือนคนอื่นก็ไม่ได้...ตัวผมเองก็ยังต้องเจอกับคนที่พี่อาจไม่ชอบแต่ผมทำอะไรไม่ได้
เพราะนี่คือสิ่งที่ผมเลือก และถ้าพี่ต้องการผม
เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่พี่ต้องยอมรับเหมือนที่ผมยอมรับสิ่งที่พี่เป็น”
“อา...พี่ขอโทษ
ขอโทษที่ทำแบบนั้น ขอโทษที่เอาแต่ใจ...”
“ผมเคยบอกแล้วไง
ถ้าทนไม่ได้อย่าทน”
“พี่ไม่ได้ทน...พี่ไม่ใช่คนอดทนเก่งขนาดนั้น
ถ้าพี่ทนพี่ไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้วแต่ที่พี่ยังอยู่ตรงนี้ เพราะเรา เราคนเดียว”
ปลายนิ้วอุ่นแข็งตรงหลังมือไล้ข้างแก้มนุ่มเบาๆ
“ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ...ดีจังเลย”
อีกคนว่าแล้วยิ้มอีกครั้ง
“โวะ...กวนตีนอีกล่ะ
พี่ก็บอกตั้งหลายรอบแล้วว่าชอบ” ถึงปากจะด่าแต่ก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน
“555”
“กลับกันไหม...เดี๋ยวไปถึงหอเราไม่ทันตีสองนะ”
“อืม”
บยอลกดปลดล็อกแล้วเปิดประตูให้คนเด็กกว่าเข้าไปนั่งแล้วอ้อมกลับมาขึ้นรถที่ฝั่งคนขับ
เหลือบมองนาฬิกาในรถเหลืออีกครึ่งชั่วโมงเลยต้องตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถแต่ยังหันมามองคนที่เอนนอนในท่าเดิมอยู่เป็นพักๆจนมาถึงหน้าหอได้อย่างสวัสดิภาพโดยเหลือเวลาอีกสิบนาที
“จอดตรงนี้แหละครับ
ไม่ต้องไปจอดใต้หอหรอก”
“ต้องไปแล้วสิ”
“อืม” ฮันโซลตอบรับในลำคอขณะหยิบกระเป๋ามาสะพายหลัง “ขอบคุณมากครับ
ฝันดีนะครับ”
“อยู่ด้วยกันอีกสักห้านาทีได้ไหม”
มืออุ่นใหญ่เอื้อมมาคว้ามือเย็นของอีกคนไว้
“ไม่ได้ครับ”
“สามนาที”
“555
จะห้า จะสามหรือสองนาทีก็ไม่ได้ครับ”
“ก็ได้...ฝันดีนะเด็กน้อย
ฝันถึงพี่ด้วยนะ”
“555
จะพยายามฝันให้ล่ะกันนะครับ ไปแล้วนะ”
ร่างบางเปิดประตูลงรถแล้วเดินอ้อมไปยังหน้าประตูล้วงคีย์การ์ดในกระเป๋ามาจะแตะเซ็นเซอร์แต่ก็เปลี่ยนใจเดินกลับมาหารถซึ่งจอดรถอยู่แล้วเคาะกระจกเบาๆ
“มีอะไรเหรอ” เจ้าของรถลดกระจกลงมาถาม
“ผมลืมคืนเสื้อให้อ่ะครับ”
“ไม่เป็นไร...ไว้ค่อยคืนตอนเราเจอกันคราวหน้า”
“คราวหน้ามันอาจจะนานก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก...พี่รอได้”
“จะรอได้นานแค่ไหนกันนะ”
“เท่าที่เราอยากให้พี่รอ”
การสบสายตาระหว่างกันเกิดขึ้นในทันทีที่จบประโยคนั้น
แววจริงจังจากดวงตาดุดันของคนในรถที่ทอดมาหาทำให้ดวงตาอ่อนเดียงสายิ่งเปล่งประกาย
ชั่วนาทีที่ทั้งคู่มองกันอยู่มือนุ่มเย็นทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาสัมผัสกับข้างแก้มสากไว้แล้วโน้มเข้าไปใกล้ใช้ริมฝีปากสัมผัสกับริมฝีปากของอีกคนเบาๆ
“นี่...เอาคืนที่พี่แอบจูบหน้าผากผมตอนหลับ...” เด็กหนุ่มเหยียดยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวย
มือนุ่มที่เคยจับแก้มอุ่นเปลี่ยนมาโบกไปมาพร้อมกับเท้าที่เดินถอยหลังก่อนจะหมุนตัวหยิบคียการ์ดมาแตะกับเครื่องแล้วเดินหายเข้าไปข้างใน
บยอลกระพริบตาปริบมองร่างผอมบางจนลับสายตาไปไกลก็ยังไม่หยุด
ร่างกายแทบทุกส่วนชาเหมือนคนเป็นอัมพาตที่ขยับตัวไม่ได้ หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะวายเสียให้ได้ขณะที่มือไม้ทั้งสองข้างสั่นเทาราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อครู่และโดยไม่รู้ตัวมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นมาตบแก้มตัวเองแรงๆ
“เจ็บวะ” คำนั้นหลุดจากปากเจ้าตัวที่ยังมึนๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นเอนหัวพิงเบาะอยู่นานนับสิบนาที
เสียงแจ้งเตือนข้อความจากคาทกในมือถือดังขึ้นเรียกให้คนที่สติยังไม่เข้ารูปเข้ารอยล้วงมันออกมาจากกระเป๋าเกงเกงยีนส์
แสงสว่างวาบจากหน้าจอสะท้อนเข้าที่หน้า
ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วกดเข้าไปในหน้าต่างแจ้งเตือนที่มีชื่อไอดีเป็นคนที่เขาใช้เวลาเพียรพยายามในการหามานาน
สิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นภาพเซลฟี่ของเด็กหนุ่มลูกครึ่งช้อนตามองกล้องแล้วดึงเสื้อคลุมของเขามากัด
พร้อมข้อความที่ทำให้คนหน้าดุกดกระจกแล้วร้องออกมาลั่นรถ
มือทั้งสองยกมาประสานกันตรงปากและจมูกด้วยความสุขที่ยากจะบรรยายให้ใครฟังได้ว่ามันสุขเหลือประมาณขนาดไหน
รู้แค่ว่าคืนนี้เขาจะต้องหลับฝันดีชนิดที่ไม่เคยมีในรอบยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
ข้อความสั้นที่มาพร้อมกับรูปหัวใจดวงน้อยสองดวงนั้นอ่านได้ว่า
...ผมเป็นของพี่นะ
ของพี่แค่คนเดียว...
0 Comments