BITTER SWEET - CHAPTER THIRTEEN
19:41
เข็มสั้นของนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องโถงของหอเคลื่อนมาหยุดที่เลขเจ็ดพอดิบพอดี
บรรดาสมาชิกของเซเว่นทีนพร้อมใจกันออกมานั่งล้อมวงกินอาหารเช้าบนพื้นเตรียมตัวไปออกไปทำงานตามตารางที่ถูกกำหนดไว้
ฮันโซลคีบหมูผัดจากในจานเข้าปากพลางมองออกไปยังความมืดครึ้มคล้ายฝนจะตกอยู่นอกหน้าต่าง
คิ้วสีน้ำตาลย่นเข้าหากันเล็กน้อยกับสีสันมืดหม่นภายนอก
วันนี้เป็นวันแข่งขันรอบที่ห้าของรายการแต่ดูบรรยากาศรอบนอกทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงฮยองคนเมื่อคืนที่กอดและบอกเขาว่าจะผ่านเข้ารอบให้ได้
...เหมือนเป็นลางไม่ดีเลย...
...จะเป็นอะไรไหมนะ...
“ถ้ายังใจลอยอยู่แบบนี้
วันนี้จะกินข้าวเสร็จไหมล่ะเนี่ย”
เสียงจากผู้ชายที่นั่งขัดสมาธิกินข้าวอยู่ข้างๆถาม
เด็กหนุ่มหันกลับมามองใบหน้าของคู่สนทนาสบตากลมเรียวบนใบหน้ามนที่มีสันกรามชัดเจนล้อมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลสลวย
“วันนี้ฮยองคนนั้นจะแข่งรอบต่อไปแล้วนิ เป็นห่วงเขาก็คาทกไปให้กำลังใจเขาสิ”
“ไม่ได้หรอกครับพี่จุน”
“ทำไมล่ะ
อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้แอดคาทกกันอีก
แต่เมื่อวานพี่เห็นพี่คนนั้นกอดนายหน้าหอไม่ใช่เพราะแอดคาทกไปแล้วเหรอ” จุนถามอย่างสงสัยพร้อมกับริมฝีปากที่เหยียดยิ้มทีละน้อยคล้ายจะแหย่
“ผมยังไม่ได้แอดสักหน่อย”
“ก็น่าจะแอดไปสักทีนะจะได้ไม่ต้องให้รายการพิเศษมาตามถ่ายอีก”
เสียงจากลีดเดอร์กลุ่มร้องอย่างอูจีพูดแทรก
“555
รำคาญเหรอครับ”
“ไม่ได้รำคาญหรอก
แค่เวลาเห็นหน้าพีดีรายการพิเศษทีไรรู้สึกหมั้นไส้ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก”
“เสี้ยมเกินเลยไม่ชอบหรือเปล่า” คราวนี้โจชัวพูดขึ้นมาบ้าง “แต่ทางเราไปถ่ายก็เพราะอยากให้คนรู้จักวงเรามากขึ้นนี้
ถ้ารายการพิเศษนี้ไม่น่าสนใจ เรตติ้งไม่มี PD เขาก็โดนด่าแล้วฝรั่งน้อยของเราก็จะเหนื่อยเปล่า”
“แล้วต้องถ่ายอีกกี่เทปล่ะ”
ซึงชอลในฐานะพี่ใหญ่ที่นั่งเงียบมานานถามบ้าง
“เทปนี้น่าจะเทปสุดท้ายแล้วครับ”
“เทปสุดท้าย...แน่ใจเหรอ
หรือว่าจบถ่ายทำเทปนี้แล้วนายจะแอดคาทกฮยองเขา”
เด็กหนุ่มร่างผอมเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ว่าพลางชี้ตะเกียบในมือมาหา
“ผมไม่แอดไปหรอก...พี่เขาบอกว่าจะหาให้เจอ”
“แล้วถ้าพี่เขาหาไม่เจอ
มันจะเป็นเทปสุดท้ายได้ยังไงล่ะ”
“ใบ้ไปขนาดนั้นแล้วอ่ะหมิงฮ่าว...ถ้ายังหาไม่เจอฉันจะเรียกพี่คนนั้นว่าพี่ง่าวแทน”
มินกยูว่า
“ก็ดูบื้อออกจะตาย...ถ้าใบ้แล้วยังหาไม่เจอก็ไม่น่าแปลกอะไรนะ”
“มาพนันกันไหม...ถ้าพี่เขาหาคาทกฝรั่งน้อยของเราเจอ
นายต้องเป็นคนทำความสะอาดและทำอาหารแทนเวรของฉัน”
“ไม่เอาหรอก...ก็บอกกันเองว่าใบ้ไปเยอะแล้ว
เปอร์เซ็นต์จะหาเจอมันมีมากกว่า ขืนพนันด้วยก็เสียเปรียบ” หมิงฮ่าวตอบกลับ
เด็กหนุ่มเฝ้ามองบรรดาสมาชิกถกเถียงกันเรื่องของฮยองหน้าดุพลางตักข้าวเข้าปากด้วยรอยยิ้มกระทั่งผู้จัดการเข้ามาแจ้งว่าอีกยี่สิบนาทีต้องเตรียมตัวขึ้นรถ
ทั้งหมดที่กินข้าวอิ่มแล้วเลยลุกมาเก็บกวาดทำความสะอาดและแยกย้ายกันไปหยิบข้าวของที่จะเอาติดตัวไปด้วย
ฮันโซลแกะลูกอมมะนาวใส่ปากขณะเดินลงบันไดตามหลังสมาชิกในวงคนอื่นไปยืนอยู่หน้าหอ
เสียงฟ้าเริ่มคำรามครืนลั่นทำให้รู้สึกไม่สบายใจกลัวจะเป็นลางไม่ดีของอีกคน
สุดท้ายก็หยิบไอแพดออกมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครบางคนอยู่พักใหญ่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถที่แล่นมาจอดใกล้ๆไป
-----------------------------------------------------------------
การถ่ายทำทีเซอร์สำหรับใช้ในการโปรโมทการแข่งขันรอบต่อไปของรายการเป็นไปอย่างคึกคัก
แม้จะแบ่งการถ่ายทำออกเป็นรอบตามลำดับโดยเริ่มจากทีม AOMG ก่อนแต่ผู้เข้าแข่งขันบางคนที่รอถ่ายและถ่ายเสร็จแล้วก็อยู่เล่นในละแวกนั้นและด้วยความที่วันนี้รายการหลักต้องถ่ายทำการแข่งขันทำให้ทีมงานจากรายการพิเศษจะเริ่มถ่ายทำอีกครั้งเมื่อจบการแข่งขันในวันนี้แล้ว
บยอลหันไปมองแจวอนที่เดินออกจากฉากตามหลังโปรดิวเซอร์ของทีมมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคล้ายยังกังวลกับเรื่องการซ้อมครั้งล่าสุดที่ถูกตำหนิมาเลยยื่นแขนออกไปโอบไหล่เพื่อปลอบใจ...ปัญหาของแจวอนที่พัลโลอัลโต้ฮยองกับซิโค่ฮยองคอมเพลนมีแค่ความไม่มั่นใจ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆแจวอนถึงกดดันตัวเองมากนัก
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นเป็นคนไม่กลัวใครและมั่นหน้าอยู่ตลอดเวลา...
“มึงอย่าเครียดดิ...เมื่อเช้าตอนซ้อมฮยองเขาไม่ได้ว่าอะไรมึงเลยนะ
มึงจะกดดันตัวเองทำไมเนี่ย”
“ก็ไม่อยากเครียดหรอกครับ
แต่ก็นะ 555...” อีกคนหลุดหัวเราะแห้งๆออกมา
“มึงมั่นใจในตัวเองหน่อยสิวะ...มั่นใจเหมือนรอบก่อนๆที่ผ่านมา
มั่นหน้าเหมือนเวลาที่คนชมว่าหล่อแล้วมึงก็ยืดอกยอมรับแถมบอกตัวเองว่าหล่อจริงๆแบบที่เคยทำสิวะ”
“ผมก็อยากทำแบบนั้น
แต่ผมไม่ได้มีกำลังใจดีแบบพี่นี่”
“กำลังใจดีเหี้ยอะไร”
“ก็ที่แจกยิ้มไปทั่วตั้งแต่เช้ายันบ่าย
มีผิวปากแถมฮัมเพลงอีกแบบนั้นไม่ใช่เพราะเมื่อวานได้กำลังใจดีเหรอครับ”
แจวอนว่าแล้วมองหน้าคนอายุมากกว่าที่อารมณ์ดีอมยิ้มตลอดเวลาตั้งแต่เช้าซึ่งผิดวิสัยจากที่เคยเป็นมาหลายอาทิตย์
พอเปิดประเด็นปุบจาแมซที่เดินตามหลังมาก็ยกแขนทั้งสองข้างพาดไปบนไหล่ของน้องชายทั้งสองร่วมเข้าวงสนทนาในทันที
“น้องเวอร์นอนน่ารักฉิบหายวายป่วง...ถ้ากูได้ยังงั้นกูก็หน้าบานเหมือนกันอ่ะ
ว่าแต่น้องเขาตัวหอมมากไหมวะ มือคงนุ่มน่าดูเลยสิ
จับมือซะเหมือนกลัวเขาหายเลยนะเอ็ง”
บยอลหันไปมองหน้าและสายตากรุ้มกริ่มของคนเป็นพี่ก็ปิดปากเงียบทันที
มินโฮที่ได้ยินเข้าพอดีเลยปราดเข้ามาคล้องแขนแนบแน่น
“พี่ให้ไปหมดทั้งใจแล้วยังไม่พออีกเหรอ
นี่พี่ขอไปส่งนะ กลับคนเดียวมืดๆมันอันตราย พี่เป็นห่วง...”
คนเป็นเพื่อนจีบปากจีบคอเลียนแบบคำพูดและท่าทางเมื่อวานของเพื่อนรักเล่นเอาคนที่ได้ยาใจชั้นดีหูแดงเถือก
ปากเม้มแน่นเพื่อกลั้นรอยยิ้มเขินแล้วไล่เตะเพื่อนไปเจอเข้ากับลิลบอยกับจีกูอินที่ยืนอยู่เลยถูกแซวต่อ
“ว๋ายยยยย...ไอ้น้ำเน่านี่หว่า
เมื่อวานเป็นยังไง
ฝากหัวใจทั้งดวงให้น้องเวอร์นอนไปเมื่อคืน...อาการหมาบ้าที่เป็นมาร่วมเดือนหายเป็นปลิดทิ้งเลยน้า”
“น้องเขายังเด็กนะมึง...อย่าไปทำอะไรเขานะว้อย
ติดคุกไม่รู้ตัวพวกกูไม่ช่วยนะ”
“โอ๊ย
นี่ไปรู้กันมาจากไหนเนี่ย” บยอลโอดพอเห็นนิ้วที่ชี้ตรงมายังเพื่อนรักก็หันไปด่า
“ไอ้เหี้ยหมู มึงเอากูไปขายขนาดนี้เลยเหรอ”
“ขายอะไร
กูแค่เล่าให้ฮยอนแทมันฟังคนเดียวนะ ไม่คิดว่ามันจะเอาไปกระจายเร็วขนาดนี้
ทำใจนะมึง วันนี้เจอใครพูดเรื่องน้องเวอร์นอนของมึงก็ทนๆหน่อยนะ
โดยเฉพาะฮันเฮฮยองกับแบล็กนัทฮยองตอนรู้เรื่องนี้ยิ้มตาเป็นประกาย กูว่ามึงโดนแซวฉิบหายล่ะงานนี้”
“ไอ้ส้นตีน...พวกมึงนี่แม่งจริงๆเลยว้อย”
คนตาดุโวยวายลั่นยังไล่เตะคนตัวใหญ่กว่าที่หัวเราะร่วนหลบเท้าของอีกคนก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดเมื่อทีมงานเดินเข้ามาเรียกชื่อแอนดัพพร้อมแจ้งว่ามีคนมาขอพบ
“มาหาผมเหรอ”
“ค่ะ...เขารออยู่ข้างนอกสตูดิโอแล้ว”
“เฮ้ย...น้องเวอร์นอนมาหามึงปะวะ
ว้าย ร้ายนะหล่อน ให้น้องมาหาถึงกอง” มินโฮร้องพร้อมจิ้มนิ้วไปที่แก้มของเพื่อนรักเลยถูกผลักแรงๆจนเซไปหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากสตูดิโอที่ถ่ายทำไปด้านนอกเพื่อพบเด็กผู้ชายร่างผอมบางสวมเสื้อตัวโคร่งสีดำคลุมหัวไว้ด้วยฮู้ดกับกางเกงยีนส์สีเดียวกันในมือถือถุงกระดาษลายดอกไม้สวยที่แหงนหน้ามองฟ้าอยู่ข้างๆชายหนุ่มตัวใหญ่หน้าตาใจดีที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน
เมื่อขยับเท้าเข้าไปใกล้มากพอเด็กคนนั้นก็ละสายตาจากท้องฟ้าครึ้มกลับมามอง
นัยน์ตากลมโตวาวระยับไร้เดียงสาจ้องมายังดวงตาของอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเมื่อรวมกับริมฝีปากทรงกระจับสีแดงที่แย้มน้อยๆราวกับเครื่องสำอางจากธรรมชาติที่ส่งให้ดวงหน้าเรียวสีน้ำผึ้งเนียนละมุนนั้นน่ารักเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง
...ดูโอ้ของแจวอนมาทำอะไรแถวนี้วะ...
“สวัสดีครับ พี่บยอลใช่ไหมครับ” เด็กคนนั้นถามหลังจากโค้งให้เขาอย่างนอบน้อม
คนโตกว่าขมวดคิ้วมองคนเป็นผู้ใหญ่ก่อนจากนั้นจึงกลับมามองเด็กที่สูงเกือบถึงคอตัวเองที่ใช้นิ้วปัดผมหน้าที่ปรกตาให้พ้นทางพยายามนึกชื่อแต่ก็นึกไม่ออก
“อา...นาย
ดูโอ้ของแจวอนนี่ ขอโทษนะชื่ออะไรแล้วอ่ะ พี่จำไม่ได้”
“พั้นซ์ครับ
แต่ฮยองจะเรียกแซมหรือซามูเอลตามชื่อจริงผมก็ได้”
“แล้วอีกคนหนึ่ง...”
“ผมฟีลด็อก บิ๊กสตาร์ครับ
แต่เรียกผมว่ากวักซอกดีกว่า”
อีกคนแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มกว้างอวดฟันขาวแล้วหันไปบอกน้อง “แซม
เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำแป้บนะ รออยู่นี้ล่ะ เดี๋ยวพี่กลับมา..”
“ครับ” คนอ่อนกว่ารับคำพร้อมกับคนเป็นพี่ที่วิ่งตื้อจากหน้าประตูสตูดิโอไป
“นี่แน่ใจใช่ไหมว่ามาหาพี่ไม่ได้มาหาแจวอนมันนะ”
“ครับ มาหาพี่นี่แหละ”
“มีธุระอะไรกับพี่เหรอ”
“อ้อ...พอดีเมื่อเช้ามีคนเขาให้ผมซื้อของมาฝากฮยองนะครับ”
นิ้วเรียวเล็กที่โผล่จากชายแขนเสื้อตัวโคร่งหยิบถุงพลาสติกสีดำที่อยู่ในถุงกระดาษมาให้
คนหน้าดุรับถุงนั้นมาเปิดดูแบบงงๆแต่พอเห็นถุงที่บรรจุลูกอมมะนาวที่เขาคุ้นเคย
นมรสช็อกโกแลตสองขวดกับคิบับที่แม้จะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อแต่ก็มากพอจะทำให้คนได้รับข่มยิ้มบนหน้าแทบไม่ไหว
...เห็นลูกอมก็รู้แล้วว่าของใคร
“ของเวอร์นอนเหรอ”
“เปล่าครับ”
“อ้าว” หน้าที่ยิ้มระรื่นหุบทันทีที่ได้ยินคำปฏิเสธ
“555
ล้อเล่นแค่นี้ต้องทำหน้าดุเลยเหรอครับ”
“สรุปของใครอ่ะ”
“555
ก็ของพี่ฮันโซลแหละครับ”
“อา ขอบใจมากนะ”
พอได้รับของก็ถึงกับเอามากอดไว้ในแขน
“แล้วก็พี่เขามีข้อความฝากมาบอกด้วยอยากฟังไหมครับ”
“ว่ามาเลยไอ้น้อง”
“พี่ฮันโซลบอกว่า
อย่าว่าแต่ไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮัน
ถ้าวันนี้ผ่านเข้ารอบได้จะให้เลี้ยงเนื้อย่างเป็นรางวัลยังได้เลย”
ถ้อยคำที่คนไกลฝากมาให้ทำให้ภายอกของคนตั้งใจฟังนั้นเต็มตื้นคล้ายตัวเองกำลังจะลอยได้
ความรู้สึกลิงโลดนั้นทำให้รู้สึกอยากจะหัวเราะ
อยากจะกระโดดโลดเต้นระบายความดีใจให้รู้แล้วรู้รอดแต่ตาดันเหลือบไปเห็นเหมือนมีคนเปิดประตูออกมาพอดีก็กลัวจะโดนหาว่าบ้าเลยได้แต่ยิ้มปนหัวเราะออกมาพลางยื่นมือลูบฮู้ดของเด็กตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ดีใจไหมครับ”
“ดีใจดิ...ถ้ามีคนให้ของนาย
นายไม่ดีใจเหรอ”
“ก็ดีใจแต่คงไม่หน้าบานเป็นจานดาวเทียมโคจรรอบโลกขนาดนี้หรอกครับ...แล้วนี่ฮยองหาไอจีคาทกของฮันโซลฮยองเจอหรือยังครับ”
“ก็ยังหรอก
แต่เมื่อคืนพี่ไล่ดูในไอจีไปครึ่งทางแล้วล่ะ
คิดว่าวันนี้ยังไงพอแข่งเสร็จต้องหาเจอแน่”
“แต่ไอจีฮยองมีคนติดตามกับคอมเม้นเยอะเลยนะครับ
ฮยองมั่นใจเหรอครับว่าจะหาเจอในวันเดียว”
“เดี๋ยวรายการพิเศษมันคงมาใบ้พี่เพิ่มหลังแข่งจบอ่ะ...พอใบ้ก็น่าจะหาเจอพอดี”
“เห็นพี่ฮันโซลบอกว่า
เขาไม่ได้ให้ชื่อไอดีไอจีมาตรงๆ
สมมุติพี่ได้คำใบ้มาเพิ่มแต่ไม่รู้ไอดีไอจีของฮันโซลฮยองเขา หาไปหามาจนตาลายแล้วดูพลาดไปกลายเป็นหาไม่เจออีกคงจะแย่เนาะ”
“อ้าว...ทำไมดับหวังกันแบบนี้ล่ะ”
หน้ายิ้มแทบฉีกถึงหูชะงักกับคำพูดนั้น
“ก็ไม่ได้อยากจะดับหวังหรอกครับ
แต่ผมเข้าไปดูไอจีพี่มา ดูเหมือนถ้าไม่ได้ตัวช่วยน่าจะหาเจอยากนะ
แต่ผมมีทางช่วยแหละ”
“ช่วย...ช่วยยังไง
จะบอกไอดีคาทกฮยองของนายให้พี่เหรอ โอ๊ย คนดีจังเลย”
“เปล่า
ผมไม่ได้จะบอกไอดีคาทกของพี่ฮันโซลหรอก แต่ผมจะใบ้ไอดีไอจีของพี่ฮันโซลให้”
“เอ้า
ไหนตอนแรกนายบอกว่าไม่มีไอจีของเขาไง”
“ก็ตอนแรกผมคิดว่าไม่มี
แต่ลองไปค้นในไอจีอีกอันดูถึงรู้ว่าเคยใช้ไอดีนั้นคุยกันอยู่ครับ”
“นี่มีอีกไอจีด้วยเหรอ”
“ปกติไอดอลเขาก็มีแอคลับกันทั้งนั้นแหละหรือว่าพี่ไม่มี
อ้อ ลืมไปว่าพี่ไม่ใช่ไอดอลเลยเล่นอันเดียวสิ จะว่าไปพี่ก็เหมือนพี่แจวอนเลยนะ
มีไอจีแค่อันเดียวเวลาไปไหนทำอะไรชาวบ้านรู้หมด ถึงปิดแท็กรูปในไอจีไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก
ค้นแท็กเดี๋ยวก็เจอว่าไปไหนอยู่ดี”
“อา...”
“แต่ของพี่ไม่ได้ปิดแท็กรูปใช่ไหมครับ
มิน่า พี่ฮันโซลถึงบอกผมว่า เห็นพี่ไปเช็กเรตติ้งตัวเองที่ฮงแดบ่อยๆ
ที่แท้ก็เจอจากรูปที่แฟนคลับแท็กมาให้ในไอจี เยอะเลยนะครับ
แฟนคลับสาวๆของพี่เนี่ย มีองมีโอบแนบแน่นเชียว”
“เฮ้ยๆๆ...เขาเห็นด้วยเหรอ”
“จะเหลือเหรอครับ...เมื่อเช้าผมไปส่องไอจีของพี่ดูแล้วเห็นพี่ฮันโซลเขาไลค์รูปคู่ฮยองเยอะมากเลยนะ”
“ฉิบหาย” ชายหนุ่มหลุดสบถออกมา
“555...เนี่ยแล้วพี่จะไปโกรธพี่ฮันโซลได้ยังไงในเมื่อตัวเองก็ถ่ายรูปคู่เยอะเหมือนกัน”
“โอ๊ย”
“เพราะงั้นคงจะดีกว่าถ้าพี่รู้ไอดีไอจีของฮันโซลฮยองเขา
ไม่ใช่แค่ย่นระยะเวลาในการหาชื่อคาทกนะแต่จะได้รู้ตัวด้วยว่าเขาจับตาดูอยู่”
“เออ
ตะกี้นายบอกจะใบ้ชื่อไอดีไอจีของเขาให้พี่นิ ไหนขอคำใบ้หน่อยสิ”
“คำใบ้ของผมอยู่ในนี้ครับ”
นิ้วเรียวชี้ไปที่ในถุงกระดาษ
“อา...ขอบใจนะ” อีกคนยื่นมือไปจะรับของแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเก็บมันไปข้างหลังพร้อมเอ่ยคำที่ทำให้คนฟังชะงักรอยยิ้มอีกรอบ
“หมื่นวอนครับ”
“ห๊ะ”
“หมื่นวอนสำหรับค่าคำใบ้”
“มะมะหมื่นวอน...โอโห
นี่ตั้งใจมาช่วยหรือมาปล้นวะ มีเก็บเงินด้วย” คนโตกว่าเริ่มโวยวาย
“ก็คำใบ้ผม...มันเป็นของที่ผมซื้อมาใบ้นี้
ถ้าให้ฟรีๆผมก็ขาดทุนสิ”
“ซื้อห่าอะไรมาใบ้ถึงแพงขนาดนี้”
ความปากไวทำให้หลุดปากปนด่าคนเด็กกว่าได้ยินเข้าเลยย่นหน้าผาก
“พี่...เมื่อกี้พี่พูดคำหยาบกับผมเหรอครับ
ผมจะฟ้องพี่ฮันโซล”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ
พี่ไม่ได้พูดหยาบ แค่อุทานเพราะตกใจว่าซื้ออะไรมาถึงได้แพงขนาดนั้น”
“ก็ขนมนำเข้าอ่ะครับมันเลยแพง...แต่ถ้าพี่คิดว่ายังไงก็หาเจอแน่จะไม่เอาก็ได้นะเพราะยังไงผมก็เก็บไว้กินเองได้”
“หื้อ หมื่นวอนเลยเหรอ
เพิ่มอีกไม่กี่พันซื้อซีดีของพี่ได้เลยนะนั้น
แล้วพี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าจ่ายตังค์ไปแล้วจะไม่ได้ไอดีไอจีปลอมมา”
“ในประวัติการขายของของผม
ผมไม่เคยขายของปลอมอ่ะ...พี่จะไม่เชื่อก็ได้นะแต่ผมน่ะรู้เรื่องของพี่ฮันโซลเขาเยอะเลย
ตอนที่ผมยังเทรนอยู่ที่นู้นผมนอนเตียงเดียวกับฮยองเขา ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันทุกวัน
ผมนะรู้เรื่องพี่ฮันโซลเยอะมากเลยนะ คำใบ้ราคาหมื่นวอนสำหรับคนที่พี่ชอบมันไม่แพงหรอกครับหรือว่าพี่ฮันโซลเขาไม่สำคัญมากพอ”
คนโตกว่าสำลักอากาศให้กับประโยคสุดท้าย...ไอ้ห่าหว่านล้อมขนาดนี้นี่วิญญาณพ่อค้าสิงเหรอวะ
“นี่เป็นไอดอลหรือพ่อค้ากันแน่วะ”
“เป็นไอดอลแล้วขายของไม่ได้เหรอครับ...ที่จริงผมน่ะรับพรีสินค้าจากอเมริกาและญี่ปุ่นนะ
ลูกค้าผมมีทั้งพวกแรปเปอร์กับไอดอลไปจนถึงคนธรรมดาเลย
ถ้าฮยองอยากได้อะไรสั่งจากผมได้นะรับรองว่าของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เออ
ผมมีพันธมิตรทางการค้าด้วยนะ ถ้าอยากได้รูปหรือข้อมูลใคร
อย่างข้อมูลของฮันโซลฮยองนี้ถ้าเป็นข้อมูลที่ไม่ทำให้ฮยองเขาเดือดร้อน ผมก็ขายนะ”
บยอลขมวดคิ้วหนาของตัวเองขณะมองคนตรงหน้าที่เอียงคอมองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มน่ารัก...ทุกประโยคทางการค้าแบบขายของหนักมากเมื่อครู่ทำให้เขาขนลุกซู่
...เด็กสมัยนี้น่ากลัวเหี้ยๆ...
“งั้นขายไอดีคาทกของเวอร์นอนให้พี่สิ”
“อันนั้นไม่ขายครับ
เพราะตกลงไว้แล้วว่าจะไม่บอก” คำตอบเล่นเอาอีกคนสบถในใจ
...ไอ้หอก หัวหมออีก...
“นี่ ถามจริงๆนะ
ไอ้แจวอนมันรู้หรือเปล่าว่านายเป็นแบบนี้”
“ไอ้เป็นแบบนี้ที่ฮยองว่ามันยังไงครับ”
“ก็ที่ขายของเนี่ยมันรู้ด้วยหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยถามพี่เขาอ่ะ
แต่จะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนะ”
“เออเว้ย
เป็นดูโอ้กันไม่ได้คุยกันเหรอ”
“ก็คุยแหละ
แต่พักนี้ผมรำคาญเลยไม่คุยด้วยล่ะ”
“มีการรำคาญเลยไม่คุยด้วย...เออ
แปลกดี พี่นึกว่าเป็นดูโอ้กันจะสนิทกันมากซะอีก”
“ก็สนิทแหละ
หรือไม่สนิทกันแน่นะ...555” เด็กน้อยว่าพลางหัวเราะเสียงใสยิ่งทำให้อีกคนงงเข้าไปใหญ่
“ออกอัลบั้มมาด้วยกัน
ไม่สนิทกันก็แปลกไปนะ”
“ถามว่าสนิทกันไหมก็สนิทแหละมั่ง
คือการสนิทของเรามันออกจะประหลาดสักหน่อย พูดยังไงดีหว่า มันเข้าใจยากอ่ะ
ว่าแต่ทำไมเราต้องมาคุยเรื่องของผมกับพี่แจวอนด้วยล่ะ ไม่เอาไม่คุยดีกว่า
เอาเรื่องของพี่เถอะ สรุปพี่อยากได้คำใบ้หรือเปล่า”
“เฮ้ย
ใจเย็นดิ...มันตั้งหมื่นวอนก็ต้องคิดเยอะหน่อย”
“แต่ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ”
“จะรีบไปไหนเล่า...พี่กวักซอกของนายยังไม่กลับมาเลยนะ”
“ผมมีธุระกับพี่คนเดียวที่ไหนล่ะ
เอานะ ผมนับหนึ่งถึงสิบ จะเอาไม่เอาก็บอกแล้วกัน 1..2..3..4..5” โดยไม่มีการเตือนการนับเลขก็เริ่มขึ้นในทันที
ช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจถูกบีบด้วยเวลาสุดท้ายเขาก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมาส่งเงินไปให้จนได้
“ยอมจ่ายแล้วอย่าหลอกพี่นะว้อย”
“ไม่หลอกครับ...บอกแล้วไงว่าไม่เคยขายของปลอม”
คนเด็กกว่าเก็บเงินใส่กระเป๋าแล้วยื่นเวเฟอร์ช็อกโกแลตยี่ห้อ TWIX
ชิ้นหนึ่งมาให้ “คำนำหน้าชื่อไอดีของฮันโซลฮยองขึ้นต้นด้วยคำนี้”
“เฮ้ย
ขนมชิ้นเดียวเอาหมื่นวอนเลยเหรอ หน้าเลือดไปปะวะ”
“นิดหน่อยเองครับ ถือว่าทำเพื่อพี่ฮันโซลเขาแล้วกัน
ไม่ก็ลองคิดถึงตอนไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮันแล้วพี่ส่งหัวใจไปในคาทกพี่เขาสิ
โรแมนติกออกนะ” คนเป็นเด็กยกข้ออ้างด้วยการให้คิดภาพตาม
ฝ่ายคนอายุมากกว่าลองจินตนาการพร้อมกับภาพรอยยิ้มสวยๆที่ลอยเข้ามาในหัว
“มันก็...”
“ผมอ่ะนำเสนอแต่สิ่งดีๆแก่ลูกค้าของผมเสมอแหละ
พี่ต้องคิดถึงรอยยิ้มกับตาสวยๆของฮันโซลฮยองไว้ครับ
คิดไว้เยอะๆแล้วหมื่นวอนที่เสียไปจะกลายเป็นความคุ้มค่า”
ถึงจะรู้สึกโง่ๆงงๆ
เหมือนตัวเองตกอยู่ในภวังค์ของพนักงานขายตรงที่ล่อหลอกให้ซื้อของแต่ความปริ่มใจก็ทำให้ลืมเงินที่เสียไปจนได้
“เฮ่ยยยย
ไอ้ตัวเล็กมาแล้วเหรอ”
เสียงร้องอย่างดีใจเกินเหตุที่ดังขึ้นมาทำให้บยอลสะดุ้งโหย่งก่อนจะเห็นซิโค่พรวดเข้ามาอุ้มร่างผอมที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอุ้มแล้วเหวี่ยงไปมาเบาๆ
“พี่ปล่อยผมลงก่อน”
“โอ๊ย คิดถึงจังเลย...เป็นยังไงบ้างไม่ได้เห็นนานเลย
ตัวสูงขึ้นปะเนี่ย...นี่ เราส่งพี่มาแข่งไม่ใช่เหรอ
ทำไมไม่เห็นแวะมาเที่ยวเล่นที่นี่บ้างเลย”
จีโฮพูดเสียงเล็กเสียงน้อยอุ้มแล้วเหวี่ยงร่างบางในอ้อมแขนไปมาเบาๆคล้ายจะเล่นพร้อมทำหน้าแบ๊วเหมือนแมวใส่
“วันนี้ก็มาแล้วไงครับ...ผมเอาของที่พี่สั่งพรีมาให้แล้วนะ
รอบนี้ผมแถมมาร์กหน้ามาให้ด้วยนะ หอมมากเลย ฮยองต้องลองใช้นะ”
“อ๊ายยยยยยยยยย
ได้มาแล้วเหรอ...ทำไมเก่งอย่างนี้ อยากได้อะไรไม่เคยสั่งแล้วหาให้ไม่ได้เลย
พั้นซ์คนเก่งของฮยอง เก่งมากเลย”
ปากไม่ชมเปล่าแต่จมูกก็ยื่นไปหอม อีกคนหัวเราะคิกคักพยายามเบี่ยงหลบจนฮู้ดที่คลุมหัวอยู่เลื่อนมากองอยู่ตรงคอ...เรือนผมยาวประบ่าที่ถูกมัดไว้ลวกๆพ้นออกมา
เมื่อรวมกับใบหน้าน่ารักนั้นทำให้ดูผ่านๆคล้ายเด็กผู้หญิง
“ค่าส่วนต่างอีกสองหมื่นวอนที่ฮยองให้ไว้
ผมไม่คืนนะ...ของมันหายากอ่ะ”
“อืมไม่เป็นไร เท่าไรเท่ากัน”
“555
พี่น่ารักอ่ะเข้าใจง่ายดี สมเป็นลูกค้าวีไอพีของผมเลย”
“นี่ยังไม่ตัดผมอีกเหรอ
ผมยาวมากแล้วนะเรา...ผมยาวแล้วเหมือนเด็กผู้หญิงเกินอ่ะ”
“555
ก็จะตัดอยู่ครับแต่แม่บอกให้รอไปตัดที่แอลเอทีเดียว...ผมจะไปแอลเออาทิตย์หน้าแหละ
ฮยองจะเอาอะไรไหม”
“ไม่รู้แฮะ...มีอะไรน่าพรีมั่งอ่ะ”
“อืม...เดี๋ยวคืนนี้ส่งแคตตาล็อกไปให้ฮยองแล้วกันนะ”
บยอลกระพริบตาให้กับบทสนทนาและการเล่นกันระหว่างซิโค่ฮยองกับเด็กน้อยดูโอ้ของแจวอนเป็นภาพที่น่ารักระดับที่เขาไม่คิดว่าพี่คนบ้าที่ตัวเองรู้จักมานานจะเล่นกับเด็กได้น่าเกลียดน่าชังขนาดนี้
“นี่...พี่เป็นลูกค้าน้องเขาด้วยเหรอ
ซื้ออะไรกับน้องเขาอ่ะ” คนหน้าดุถามหลังมองดูการเล่นกันได้สักพัก
“กูจะซื้ออะไรก็เรื่องของกูน่า”
“บอกหน่อยไม่ได้เหรอ...เผื่อจะซื้อบ้าง”
“มึงเอาเวลาไปซ้อมให้แข่งแล้วผ่านเข้ารอบกับหาคาทกเวอร์นอนให้ได้ก่อน
แล้วค่อยมายุ่งเรื่องกูนะ”
“พี่ก็ให้ผมผ่านเข้ารอบง่ายๆดิ
จะได้มีเวลาไปหาคาทก”
“ให้ง่ายๆได้ไง
กูเป็นโปรดิวเซอร์ทีมนะ...ถ้ามึงทำไม่ดีแล้วกูให้มึงผ่านง่ายๆ
คนเขามิคิดว่ากูลำเอียงเห็นใจน้องในกลุ่มแล้วมาดักตีหัวกูแตกกูจะทำยังไง
ไม่ได้มีพยาบาลน่ารักมือนุ่มตัวหอมคอยให้จับคอยกอดแบบมึงนะ”
“โอ๊ย
ไอ้เหี้ยฮยอนแทหรือไอ้หมูมันเล่าให้ฮยองฟังวะ” คนถามกุมขมับหน้าแดงสุกเหมือนมะเขือเทศ
“ทำไมต้องอายละครับ...ผมว่าสิ่งที่พี่ทำมันน่ารักออก”
“จริงเหรอ”
“อืม...เมื่อคืนพี่ฮันโซลเล่าให้ฟังว่าพี่บอกจะผ่านเข้ารอบให้
ถ้ามีใครสักคนบอกเราว่าจะชนะเพื่อตัวเขาเองและเพื่อเราด้วยมันน่าดีใจออก พี่ฮันโซลเขาชอบความรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกที่ตัวเองเป็นคนพิเศษน่ะ”
“ถ้าคิดอย่างนั้นก็ฝากบอกพี่ของนายหน่อยสิ
ชมพี่ให้เยอะๆเลยนะ”
“จะให้ผมชมก็ได้...แต่ผมคิดตังค์นะ”
“โอ๊ย
เป็นเด็กเป็นเล็กเขี้ยวฉิบ”
“โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกครับ” ซามูเอลเอียงคอมองตอบมาด้วยรอยยิ้มอวดฟันเขี้ยวน่ารักคล้ายไม่จริงจังกับคำที่พูดออกมาแต่คนหน้าดุรับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้หมายความตามนั้นทุกประการ
...เด็กเดี๋ยวนี้น่ากลัว
กูเรียนเยาวชนศึกษายังไม่เข้าใจพวกแม่งเลย...
“มาที่นี่แล้วทั้งทีจะไม่ไปเจอแจวอนมันหน่อยเหรอ
เอ้า ตายยากเว้ยเฮ้ย พูดถึงก็ออกมาพอดี”
ซิโค่ถามพอเหลือบเห็นว่าใครที่เปิดประตูออกจากสตูดิโอมาสูดอากาศหลังจากถ่ายทีเซอร์ก็หนีไปซ้อมคนเดียวอย่างเอาเป็นเอาตายให้ห้องแต่งตัวเลยกวักมือเรียก
แจวอนสอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋า
ใต้เงาหมวกดำที่สวมอยู่มีรอยยิ้มกว้างมอบให้ทุกคนเหมือนเคย
ทว่าพอสายตาเหลือบเห็นคนที่ไม่ได้อยู่ในการแข่งขันยืนอยู่ริมฝีปากก็หดลงกลายเป็นเม้มแน่นผิดกับอีกคนที่ยิ่งยิ้มหวานเมื่อเห็นอาการเช่นนั้น
“แซม...นายมา มาได้ไง
ทำไมไม่บอกพี่ว่าจะมา คนอื่นก็ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่านายมา แล้วนี่มายังไง มากับใคร
ใครมาส่ง อย่าบอกนะว่ามาคนเดียว บ้าน่ามาคนเดียวไม่ได้หรอก
หรือพี่ผู้จัดการเขาไปรับนายมาที่นี่ แต่ไม่เห็นฮยองเขาบอกเลยว่าไปรับนายเลยนะ”
การพูดใส่แบบรัวเร็วชนิดแทบไม่หายใจด้วยสีหน้าขึ้งตึงทั้งที่ปกตินอกจากเวลาแรปแล้วจะยิ้มเก่ง
พูดไม่มากและนอบน้อมทำให้ทั้งโปรดิวเซอร์กับพี่ร่วมทีมถึงกับอ้าปากเหวอ
“555
โห รัวเป็นชุดเลย ทำเหมือนผมจะมาป่วนอย่างนั้นแหละ
ไม่ต้องกลัวนะผมไม่ได้มาหาพี่หรอก
พอดีต้องเอาของมาให้พี่จีโฮฮแล้วพี่ฮันโซลมีเรื่องให้ช่วยก็เลยชวนพี่กวักซอกมาด้วย
เนี่ย เดี๋ยวพี่กวักซอกมารับผมก็กลับแล้ว”
“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย”
เสียงแข็งในตอนแรกกลับอ่อนลงทีละน้อยพร้อมกับการเลียปากสลับเม้มเป็นพักๆเป็นสิ่งที่บยอลได้เห็นตอนที่แจวอนแสดงออกว่าเครียดหลังถูกตำหนิเรื่องความมั่นใจความเป็นพี่ทำให้มือยื่นออกไปจะตบไหล่ปลอบแต่ต้องแปลกใจเมื่อมือเล็กจากเด็กตรงหน้ายื่นออกมาแตะบนบ่าก่อนหน้า
“พี่แต่งตัวแปลกจัง
ดูไม่ใช่สไตล์พี่เลยอ่ะ...เสื้อคลุมเหมือนจะไซส์ใหญ่ไป
รองเท้าก็ใหญ่กว่าเท้าตั้งสองไซส์ได้ล่ะมั่ง ทีมงานคงจัดให้ใส่ใช่ไหมครับ
ดูเหมือนจะใส่ไม่สบายเลย ลำบากแย่เลยเนาะ”
“อืม”
“ทนไหวไหม...ไม่ไหวก็ต้องทนนะ
ในสงครามของการแข่งขันไม่มีใครช่วยพี่ได้หรอก โดนเหยียบจมดินก็ต้องลุกขึ้นมาเองนะ”
ตอนแรกก็เหมือนจะดีแต่พอเจอคำพูดแบบตรงไปตรงมาแทนการให้กำลังแม้จะมีรอยยิ้มเล่นเอาคนอายุมากกว่าอีกสองคนที่ฟังอยู่กลอกตาบนไปมา
“พี่รู้อยู่หรอก”
“รู้แล้วก็เลิกคิดเยอะคิดแยะล้านแปดประการสักทีสิครับ
นี่อุตส่าห์ไม่คุยไม่มาให้เห็นหน้าแล้วยังจะคิดเยอะกว่าตอนอยู่ด้วยกันอีกเหรอ”
“ก็เพราะนายไม่อยู่ไง...เฮ้อ”
คำตอบอ่อนเบาปนมากับเสียงถอนหายใจ
กวักซอกโผล่เข้ามาตรงลานจอดรถที่ทั้งสี่คนยืนอยู่พร้อมหิ้วถังโฟมใส่น้ำแข็งใบใหญ่แล้วโค้งให้กับคนอื่นยกเว้นน้องตัวเองอีกรอบ
“พี่หายไปซื้อน้ำที่ไหนมาถึงนานขนาดนี้อ่ะ”
“ก็ตั้งใจจะซื้อน้ำองุ่นแจกทีมงานเขาด้วย
แต่ยี่ห้อที่ไอ้ขี้เก๊กมันชอบไม่มีแถวนี้ นี่วิ่งหาจนหอบเป็นหมาแล้วเนี่ยกว่าจะเจอ” กวักซุกตอบพลางหอบหายใจก่อนจะเปิดฝาหยิบน้ำองุ่นยื่นให้ทั้งโปรดิวเซอร์และผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคน
จากนั้นก็วิ่งไปหาทีมงานเอาน้ำองุ่นทั้งลังไปฝาก
“เอ้า ดื่มครับดื่ม
น้ำองุ่นร้อยเปอร์เซ็นต์ยี่ห้อนี่อร่อย ดีต่อสุขภาพ
ดื่มเข้าไปรับรองเหมือนไอ้แจวอนเลย”
“หล่อเหมือนมันเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วอะไร”
“ก็ติดน้ำองุ่นยี่ห้อนี่เหมือนมันไง
5555”
มุกฝืดชนิดหยอดน้ำมันก็ไม่หายแต่คนพูดก็หัวเราะเล่นใหญ่เหมือนขำมาก
ทำให้ทั้งบยอลทั้งซิโค่มองหน้าส่งกระแสจิตกันเงียบๆในใจ
...กูต้องหัวเราะใช่ไหม...
“ไงไอ้ขี้เก๊ก...ไหวนะมึง
เห็นคาทกมาเป็นปรัชญาอะไรก็ไม่รู้ คนเนื้อสมองน้อยแบบกูไม่เข้าใจหรอก
รู้แค่เครียดใช่ไหม อย่าคิดเยอะเว้ย แดกน้ำองุ่นของโปรดมึงเข้าไปจะได้ดีขึ้น”
มือใหญ่หนาของกวักซุกตบเข้าที่หลังยังคงหัวเราะอวดฟันแทบจะเฉาะไหล่คนตัวสูง “แล้วนี้จะกลับยังไอ้ลูกหมา...พี่หิวข้าวแล้วนะ วันนี้เลี้ยงเนื้อพี่ได้ปะ”
“รู้แล้วครับ” เด็กคนเดียวในวงตอบฮยองร่วมค่ายตัวเองแล้วหันมาโค้งให้กับอีกทาง “วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ผมกลับแล้วนะครับ”
การอำลาเกิดขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่โผล่พ้นจากชายแขนเสื้อตัวโคร่ง
กวักซุกเดินนำออกไปก่อนปล่อยให้เด็กน้อยแจกยิ้มกว้างให้กับผู้ใหญ่ทั้งหมดที่อยู่ตรงลานพร้อมกับทีมงานที่เดินมาเรียกทั้งโปรดิวเซอร์และผู้เข้าแข่งขันเพื่อเตรียมตัวถ่ายทำ
แจวอนยังคงอ้อยอิ่งอยู่ตรงลานทำให้บยอลต้องบอกซิโค่ให้ตามทีมงานเข้าไปก่อนเพราะไม่อยากทิ้งน้องที่ดูเครียดๆอยู่ไว้คนเดียว
“ไอ้แจวอน...เร็วๆ”
เขาตะโกนเรียกอยู่ตรงหน้าประตูสตูดิโอขณะมองคนตัวเล็กที่ทำท่าจะก้าวตามพี่ชายตัวใหญ่หนาที่มาด้วยกันแต่ก็เปลี่ยนใจหันกลับมามองดูโอ้ของตัวเองพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์หยิบลิปมันส่งให้แต่สักพักก็เห็นคนน้องถอนหายใจหยิบลิปมันมาเปิดฝาทาปากให้คนพี่
และไม่ทันจะได้ตะโกนเรียกเป็นหนที่สอง
เขาก็เห็นหนุ่มดอกไม้ของรายการก้มหน้าลงไปหาคนที่ทาปากให้เมื่อครู่อย่างเร็วแล้ววิ่งกลับออกมาพลางเลียริมฝีปากที่เหยียดกว้างด้วยสีหน้าที่คนโตกว่ารู้สึกว่าอารมณ์ดีกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมาตลอดการแข่ง
“Damn
it! I hate you so much” เสียงยังไม่แตกดีของเด็กอายุสิบสี่ตะโกนไล่หลัง
“เกลียดเหมือนกัน...แต่รักมากกว่า”
ดูโอ้คนพี่หันไปตะโกนตอบกลับพลางเลียริมฝีปากของตัวเองที่แย้มกว้างอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี
โดยคนตาดุทำได้แค่กระพริบตามองทั้งคู่อย่างงงๆมึนๆ
“เฮ้ย...พี่ยังอยู่เหรอ”
แจวอนชะงักตาโตด้วยความตกใจใส่คนเป็นพี่ที่ยืนกลอกตาไปมาพร้อมกับอาการเท้าตายก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาจุ๊ปาก
“พี่...อย่าพูด”
“เออะ...กู
กูจะพูดยังไงดี”
“ไม่รู้จะพูดอะไรก็ไม่ต้องพูดครับ
แล้วก็อย่าบอกใครเรื่องนี้นะครับ”
“คือ”
“ผมพูดจริงนะ...เขาไม่ชอบให้ผมทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นแล้วถ้ามีใครเอาไปพูดจนรู้ไปถึงเขาผมตายห่าแน่
ทุกวันนี้ก็โดนรำคาญจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“พวกมึง คือ
แบบว่า...จริงจังใช่ปะ”
“ผมอ่ะจริงจังนะแต่ไม่รู้ว่าเขายังไง”
“เด็กมากเลยนะ”
“ก็ไม่ได้เด็กอย่างที่เห็นขนาดนั้นหรอกครับ
ถึงจะชอบเล่นเป็นเด็ก
คิดเป็นเด็กบ้างแต่เขามีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัวแบบที่บางครั้งก็เหมือนจะโตกว่าผมด้วยซ้ำ
เขาตรงไปตรงมากับผมเสมอ เวลาอยู่ด้วยกันผมรู้สึกเป็นตัวเอง
เขารู้จักตัวตนผมดีและยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นแม้แต่สิ่งที่คนอื่นอาจจะไม่ชอบใจ...เขาสำคัญสำหรับผม” คนอ่อนกว่าพูดถึงใครอีกคนด้วยแววตาที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวนะ
ตอนแรกกูนึกว่ามึงกับพี่ฮันเฮดูๆกันอยู่
เห็นเวลาคุยกับฮยองเขามึงก็ถึงเนื้อถึงตัวแถมกูก็ได้ยินพี่เขาพูดถึงมึงในคาทกกับวงเหล้าแม่งอย่างบ่อย”
“มือแรปเปอร์มันก็แบบนี้ปะวะพี่ บางทีไปจับไปแตะผมไม่คิดอะไรเลยเห็นเป็นพี่เป็นเพื่อนจริงๆพี่ฮันเฮเขาก็ดีหรอกแต่บางทีมันเหมือนพี่เขายังไม่ได้คิดจะหยุดกับใคร
แล้วผมก็มีเป้าหมายของผมอ่ะ แต่ยังไงซี้กันไว้มันก็ดีไม่ใช่เหรอ
เวลาใครออกผลงานใหม่มาจะได้ช่วยกันขายของ รายการผีนี้มันอุตส่าห์ตัดต่อปูมาขนาดนี้ไม่คิดต่อยอดแม่งเสียดายของตาย”
“สันดานพ่อค้าสุดอะไรสุด”
“555 ไม่ได้หรอก ผมก็มีคนต้องเลี้ยงนะ”
“แหม
มีคนต้องลงต้องเลี้ยง อะไร อะไร หัวเราะใหญ่เลย อารมณ์ดีไวไปไหมมึง”
“ก็เหมือนพี่แหละ...แค่เด็กน้อยของพี่มาอ้อนก็อารมณ์ดีขึ้นมาเลยไม่ใช่เหรอครับ
นี่มีฝากของให้ด้วยใจพี่คงอยากตะโกนบอกชาวโลกแล้วใช่ไหมล่ะ”
“อย่างน้อยกูก็ไม่ทำอย่างนั้นแล้วตะโกนบอกว่ารักเขาเหมือนมึงหรอก
โอ๊ย นั่นสิบสี่เองนะมึง”
“555
ย้ำจังเลยฮยอง สิบสี่แล้วยังไงครับ ไม่ต้องห่วง
ผมไม่ได้ชั่วขนาดนั้น”
“กูยังไม่ทันด่าอะไรเลยนะ”
“ดูหน้าก็รู้ล่ะว่าคิดโครตไกล...ใจเย็นๆนะครับ
จะสิบสี่หรือสิบแปดก็เหมือนกันแหละ ยังไงก็ต้องรอ
จะมาทำตามใจตัวเราเองไม่ได้นะครับ เขายังเด็ก คิดถึงคุกเอาไว้นะ คิดไว้เยอะๆ”
“ไอ้เหี้ยกูไม่ได้คิดอะไรเลยนะ”
“หูแดงขนาดนี้
ผมว่าคิดชัวร์ แต่เวอร์นอนมันก็สวยอะนะ ผมเข้าใจ” พอรู้สึกดีขึ้นคนน้องก็กลับมาแซวอีก
“ไอ้ห่าแจวอน
มึงนี่แม่ง เดี๋ยวกูเอาเรื่องเมื่อกี้ไปแฉนะ”
“ถ้าพี่แฉผม...ผมจะแฉฮยองกลับอ่ะ”
“กูมีอะไรให้แฉ”
“อย่าให้ผมเอาแชทคาทกที่พี่ครวญหาเวอร์นอนออกมาประจานนะครับ”
“ไอ้เหี้ย...นี่กูคุยกับน้องหรือเสือวะไว้ใจไม่ได้เลยแม่ง”
“ถ้าไม่อยากโดนคนอื่นเรียกอภิมหากากก็เงียบๆเรื่องของผมไว้นะครับ”
“เออ กูไม่พูด
มึงก็อย่าเอาเรื่องกูไปแฉนะว้อย...แล้วนี่ยังไง หายเครียดแล้วใช่ไหม”
“ก็เครียดอยู่แหละแต่ดีกว่าตอนแรกเยอะแล้ว”
“ถ้าตกรอบจะทำยังไงวะ”
“ก็ทำเต็มที่แล้วถ้าตกก็ต้องตกแหละ
อาจจะเสียดายนิดหน่อยที่จะไม่ได้สนุกกับการแข่งด้วยกันแล้ว
แต่ยังไงเดี๋ยวเราก็ได้เจอกันข้างนอก ต้องมีโอกาสร่วมงานกันอีกแหละ”
“พูดเหมือนเตรียมใจมาแล้ว”
“ที่จริงผมอยากเข้ารอบมากเลยนะฮยอง
แต่ถ้ามันไม่ผ่านมันก็ไม่ใช่จุดจบของผมสักหน่อย
แค่อย่างน้อยยังมีคนคิดว่าผมเก่งที่สุดสำหรับเขา
มีคนชอบผมเพราะงั้นผมจะไม่หยุดก้าวไปข้างหน้าแค่เพราะตกรอบหรอกนะ”
“โครตหล่อเลยไอ้ห่า
ความคิดมึงก่อนหน้านี้กับตอนนี้นี่พลิกหลังตีนเป็นหน้ามือเลยนะ”
“555
แล้วพี่อ่ะถ้าไม่ผ่านจะทำยังไง”
“ไม่มีไม่ผ่านอ่ะ..ยังไงกูต้องผ่านเข้ารอบแน่อยู่แล้ว”
บยอลประกาศออกมาอย่างมั่นใจ...กำลังใจมาเต็มขนาดนี้แถมความมั่นใจและการซ้อมที่ผ่านมาก็ได้รับคำชมดีเยี่ยม
ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาต้องผ่านเข้ารอบ
0 Comments