BITTER SWEET : CHAPTER TWELVE
19:23
หลังจากไปเที่ยวพักผ่อนร่วมกับโปรดิวเซอร์และสมาชิกในทีมเรียบร้อย
ทางรายการให้ระยะเวลาแต่ละทีมซ้อมร่วมกันหนึ่งอาทิตย์
สำหรับทีมจีพัลนั้นการซ้อมยังดำเนินไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาติดขัดอะไรนอกจากสมาชิกอายุน้อยสุดคนเดียวในทีมอย่างแจวอนที่เหมือนจะแก้ปัญหาเรื่องความมั่นใจของตัวเองไม่ตกและสมาชิกที่ได้ฉายาจากรายการว่าสไนเปอร์ไอดอล
ช่วงเวลาฝึกซ้อมและรับฟังข้อติชมจากโปรดิวเซอร์โดยเฉพาะตอนอยู่หน้ากล้อง
แอนดัพพยายามดึงความมุ่งมั่นของตัวเองให้หยุดคิดเรื่องอื่นเพื่อจดจ่อกับการแข่งขัน
เขาซ้อมอย่างบ้าคลั่งไม่ว่าจะที่บ้านหรือเวลาที่ต้องมาซ้อมร่วมกัน
แต่เมื่อถึงเวลาพักรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะจะหมดไปและเขามักจะหลบมุมอยู่คนเดียว
“ไอ้แจวอนมันดูเครียดนะ
ก็เข้าใจว่ามันไม่มั่นใจ แต่ไอ้บยอลมันก็ซ้อมได้ดีจะเครียดห่าอะไรของมันวะ”
จีโฮถามกับมินโฮที่นั่งอยู่ใกล้ตัวพลางทอดสายตามองไปยังรุ่นน้องที่นั่งเงียบอยู่กับกระดาษที่เขียนเนื้อเพลงตรงมุมหนึ่งของห้องซ้อม
“เรื่องเดิมครับ”
“เฮ้ย
อย่าบอกนะว่าเรื่องคาทกอ่ะ เชด แม่งยังไม่ได้คาทกเวอร์นอนมันอีกเหรอ”
“ยัง...พี่ พี่เป็นโปรดิวเซอร์อ่ะไปให้ PD ขอคาทกหรือเบอร์ติดต่อเวอร์นอนให้ไอ้บยอลมันหน่อยดิ”
“นี่มึงนึกว่ากูไม่เคยไปขอให้เหรอ
แต่ PD มันบอกว่ามีแต่เบอร์ของผู้จัดการและอำนาจการตัดสินใจเรื่องนี้มันนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้เลยบังคับให้ไม่ได้”
จีโฮว่าขณะไถจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะหลุดร้องออกมาจนปิดปากแทบไม่ทัน
“บรรลัยล่ะมึงเอ๊ย”
“ทำไมอ่ะพี่”
“ลงรูปแบบนี้เอาน้ำมันมาราดกูแล้วจุดไฟเผาเลยก็ได้นะ”
“มีอะไรอ่ะไหนดู...โอโห”
มินโฮอุทานออกมาทันทีที่เห็นภาพคู่ของนิวแชมป์กับเวอร์นอนปรากฏอยู่ในอินสตราแกรมของนิวแชมป์พร้อมแคปชั่นที่เรียกได้ว่าอวยกันแบบสุดๆ
“ไอ้บยอลมันฟอลนิวแชมป์ปะวะ”
พัลโลอัลโต้ถามหลังจากเห็นภาพผ่านมือถือตัวเองเหมือนกัน
“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ผมไม่มีไอจี”
“แล้วซี้มึงคนไหนมีไอจีบ้าง
ฮยอนแทมันมีไหม”
“น่าจะมี
เดี๋ยวถามมันดูก่อน” คนเป็นน้องหยิบมือถือมาพิมพ์ข้อความส่งคาทกหาเพื่อนที่อยู่กับอีกทีม
...หมี
ไอ้บยอลมันไม่ได้เล่นไอจีใช่ปะ...
...เล่นดิ ใครจะเหมือนมึงไม่มีไอจี...
...มันฟอลฮยองชอลฮยองปะวะ...
...ไม่รู้ว่ะไม่เคยดู ทำไมอ่ะ...
...เหอๆ หวังว่ามันจะไม่ได้ฟอลนะ...
...ทำไมวะมีเรื่องอะไร...
ฮยอนแทพิมพ์ตอบโต้มาแล้วเงียบหายไปพักหนึ่งก็กลับมา
...ฉิบหายล่ะ ฮยอนชอลฮยองแม่ง
อยู่ในทีมก็เรื่องเยอะอยู่แล้วยังจะหาเรื่องนอกทีมอีก
นี่ไอ้บยอลยังไม่เห็นใช่ปะ
...ยังไม่เห็นแม่งหยิบโทรศัพท์
คงยังไม่เห็นมั่ง...
...งั้นก็อย่าให้มันใช้โทรศัพท์นะมึง
เฮ้ย
มีทีมงานเรียกฮยอนชอลฮยองออกไปวะ
ไอ้ PD
อ้วนที่ประจำรายการพิเศษอ่ะ
ตายห่า เรียกไปทำไมวะ...
...เฮ้ย จริงดิ มึงไปดูลาดเลาดิ...
...ดูไม่ได้แล้ว พี่ทาโบลเรียกไปซ้อมต่อ...
...โอ๊ย กูจะบ้า...
“ว่ายังไงวะ”
“ฮยอนแทมันบอกว่า
ไม่รู้เหมือนกันว่าบยอลมันฟอลไหม แต่เมื่อกี้ PD รายการพิเศษเรียกฮยอนชอลฮยองไปสัมภาษณ์อะครับ”
“โอ๊ย...ไอ้เหี้ยPD
ทีมกูจะวินาศสันตะโรเพราะแม่งแล้วเนี่ย” ซิโค่หันไปมองแจวอนที่ลุกจากที่ของตัวเองเดินตรงไปเหมือนจะไปนั่งข้างๆน้องในกลุ่มตัวเองเลยรีบกวักมือเรียกให้เปลี่ยนทาง
“แต่จะว่าไปก็ไม่ได้เห็นบยอลมันหยิบโทรศัพท์มาเล่นเลยนะวันนี้”
พี่ใหญ่ที่สุดของทีมเอ่ยขึ้น
“เห็นว่ามือถืออยู่ๆก็ไม่มีสัญญาณอะครับ”
จาแมซตอบขณะขยับจากที่ที่ตัวเองนั่งเข้ามาสาระแนด้วย
“มือถือไอ้บยอลมันไม่มีสัญญาณใช่ไหม”
“งั้นพวกเอ็งทุกคนปิดเครื่องให้หมดเลยนะ”
“วันนี้ห้ามใครใช้โทรศัพท์”
“เราจะให้บยอลเห็นไอจีนิวแชมป์ไม่ได้เด็ดขาด”
พัลโลอัลโต้กับซิโค่สั่งการแทบเป็นลูกคู่กันแต่ต้องสะดุ้งโหย่งเมื่ออยู่ๆทีมงานก็เปิดประตูเข้ามาเรียกทั้งแจวอนและบยอลออกไปสัมภาษณ์เดี่ยวข้างนอก
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มเกิดขึ้นในห้องซ้อม
ทั้งหัวหน้าทีมและสมาชิกที่เหลือต่างมองหน้าแล้วพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหา
พอเห็นแจวอนเดินกลับเข้ามาก็รีบถามไถ่
“เมื่อกี้พี่บยอลโดนเรียกไปสัมภาษณ์เดี่ยวของรายการหลักอ่ะ
แต่ผมไปของรายการพิเศษ ด่า PDรายการเรื่องที่ทำกับบยอลฮยองไปด้วย...จะโดนตัดต่อให้คนเกลียดไหม”
“รายการมันชอบแกจะตาย
คงไม่กล้าทำหรอก...คนหล่อ แม่งก็ดีแบบนี้แหละ” จาแมซว่าก่อนจะเงียบเสียงเมื่อเห็นคนที่เหมือนจะมีปัญหาที่สุดในทีมเปิดประตูกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาทุกคนที่นั่งรวมกันในห้องซ้อม
“ขอยืมโทรศัพท์ฮยองหน่อยสิครับ”
“เอาไปทำอะไรวะ”
“จะเช็กไอจีหน่อยอะครับ”
“ขอโทษทีวะ
แบตของพี่หมด...ของจีโฮมันก็หมดเหมือนกัน”
“งั้น ยืม...” คนหน้าดุไม่ทันพูดจบอีกสามคนก็ประสานเสียง
“แบตหมดเหมือนกัน”
“แบตหมดแล้วทำไมไม่ชาร์ตกันวะ
ที่ชงที่ชาร์ตไม่เอามากันหรือไง” บยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือแววหงุดหงิด
“เฮ้ย ใจเย็นๆเว้ย
แค่แบตหมดจะอารมณ์เสียทำไม” ซิโค่เงยหน้าคุยกับคนที่ยังยืนค้ำตัวเองอยู่
“พี่มีอะไรถึงต้องดูไอจีเหรอครับ”
คนอ่อนที่สุดถามอย่างใจเย็น
“ก็ไม่มีอะไร
แค่เมื่อกี้ไปสัมภาษณ์แล้วเดินผ่านไอ้PDรายการพิเศษแล้วมันบอกว่า
ให้ลองดูไอจีพี่ฮยอนชอล”
“ไอ้เหี้ย PD” ครั้งนี้เสียงที่ประสานด่าไม่ได้มีแค่สมาชิกในทีมแต่รวมถึงหัวหน้าทีมทั้งสองคนด้วย
หลังจากนั้นทีมงานก็โผล่เข้ามามาเรียกคนที่มาขอยืมโทรศัพท์ให้ออกไปอีกรอบ
ครั้งนี้หายไปราวห้านาทีก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้ามึนตึงอย่างเห็นได้ชัด
“พวกมึงเห็นกันแล้วใช่ไหม”
เสียงเข้มถามออกมาอย่างกระด้าง
“เห็นอะไรวะ” มินโฮยังทำไม่รู้
“ต้องให้กูย้ำใช่ไหมว่าพวกมึงเห็นอะไรกันมา”
“พี่...อย่าเพิ่งโมโหสิครับ
แค่ถ่ายรูปคู่ด้วยกันเอง” แจวอนพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“อ้อ มึงเห็นแล้วด้วย
ทำไมมึงไม่บอกกูวะ” มือหยาบกระชากคอเสื้อเชิ้ตที่คนเป็นน้องสวมทับเสื้อยืด
แจวอนตวัดตาขึ้นไปมองสีหน้าขมึงเครียดของอีกฝ่ายก็พยายามข่มไม่ให้ตัวเองอารมณ์ร้อนตาม
“โอ๊ย บยอล มึงใจเย็นๆ
ปล่อยน้องมันก่อน” จาแมซยื่นมือไปดึงมือที่จับคอเสื้อของน้องเล็กในทีมออกขณะที่พัลโลอัลโต้ลุกจากเก้าอี้ไปดึงให้ถอยออกมา
“มึงจะอะไรหนักหนา...แค่ถ่ายรูปกันเฉยๆเอง”
“พวกพี่ก็เห็นแล้วด้วย”
“ก็”
“เหี้ยเอ๊ย” คำสบถยังหลุดออกมาเรื่อยๆเช่นเดียว
...ทำไมคนก็ตั้งเยอะแยะถึงเลือกถ่ายกับคนที่เหมือนจะรู้จักมันดีกว่าเขา...
“ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบเวอร์นอนไง
วันนั้นที่ไปเที่ยวกันมึงยังพูดอยู่เลยว่า ทำไมต้องสงสารเวอร์นอน
ในเมื่อเวอร์นอนมาที่นี่ก็เพื่อโปรโมท ทำเพื่อการตลาดทั้งนั้น มึงเป็นคนพูดเองนะ
จำไม่ได้หรือไง” ซิโค่หยิบเอาถ้อยคำในความทรงจำมาย้อนให้ฟัง
“คนที่มึงไม่ชอบหน้าไปถ่ายรูปกับคนอื่น
มึงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทำซากอะไรเนี่ย” พัลโลอัลโต้เสริมพลางสูดลมหายใจแล้วจึงต่อ
“กูไม่รู้หรอกว่ามึงไม่ชอบน้องมันหรือจะยังไงนะ
แต่ถ้ามึงสติแตกอยู่แบบนี้ กูคิดว่ามึงไม่ต้องแข่งมันแล้ววะ แข่งไปก็ไม่มีสมาธิ
ถ้ามึงยังตั้งสติไม่ได้นะ มึงถอนตัวออกไปเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาคนอื่นเขา”
แอนดัพหลับตาเม้มริมฝีปากเสยผมไปมาด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ...รู้ทั้งรู้ว่าการอารมณ์เสียไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแต่ก็เหมือนการควบคุมอารมณ์ในตอนนี้เป็นเรื่องที่ยากเข็ญเหลือเกิน
“ผม...”
“มึงไม่ต้องซ้อมแล้ว
ไปสงบสติอารมณ์ของมึงให้ได้ก่อน ไปคิดทบทวนตัวเองแล้วค่อยกลับเข้ามา
ถ้ายังคิดไม่ได้กูจะไปบอกทีมงานรายการหลักว่าจะคัดมึงออก”
รุ่นพี่ที่คอยดูแลทั้งตอนอยู่ในกลุ่มใต้ดินและเป็นทั้งโปรดิวเซอร์สั่งเสียงแข็งด้วยรู้ว่าใช้ไม้อ่อนไปก็ไม่ได้ผล
คนอ่อนกว่ารับฟังพลางถอนหายใจลากสังขารขึ้นไปสงบสติอารมณ์บนดาดฟ้า
ภาพของชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จาอยู่บนดาดฟ้าท่ามกลางแสงสลัวปรากฏบนจอไอแพดแล้วตัดกลับเป็นจอมืดแต่ฮันโซลยังคงจ้องจอพลางเม้มริมฝีปากสีสดของตัวเองแน่นราวกับภาพยังไม่หายไปไหน
“ทราบไหมครับว่าพรุ่งนี้แอนดัพมีแข่ง”
“อา...ครับ” เด็กหนุ่มเงยหน้าจากไอแพดมองไปทาง PD ทีมงานและตากล้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม...หลังจากจบงานแฟนไซน์ทางรายการก็นัดให้เขามาสัมภาษณ์ในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับหอระดับที่เขาสามารถเดินกลับได้โดยใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาที
“พอจะทราบกติกาไหมครับ”
“เหมือนว่าจะต้องคัดออกคนหนึ่งใช่ไหมครับ...แล้วนี้ทุกทีมซ้อมอยู่ด้วยกันหมดเหรอครับ”
“ไม่ครับ...ทีมจีพัลเลือกซ้อมที่...”
ฝ่าย PD กล่าวถึงสถานที่ซ้อมของพัลโลอัลโต้และซิโค่ซึ่งอยู่ใกล้กับที่นี่พอสมควร
“แล้วรู้สึกยังไงที่แอนดัพเห็นรูปคู่ในไอจีแล้วโมโห”
“ที่พี่เขาเป็นแบบนี้เพราะโมโหเรื่องรูปเหรอครับ...จะโมโหทำไมอ่ะครับ”
“ไม่รู้ครับ”
“พี่เขาโมโหมากเลยเหรอครับ”
“มาก...”
“อา” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่คนได้ยินยังคงเหยียดยิ้มเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“คิดยังไงถึงถ่ายรูปคู่กับนิวแชมป์ครับ”
“ก็ไม่ได้คิดอะไรนะครับ...ถ่ายเพราะฮยองเขาขอเท่านั้นเอง”
“นิวแชมป์บอกว่าคุยด้วยกันบ่อย...มีคาทกกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีครับ...แต่พี่เขามีไอจีส่วนตัวกับเป็นสมาชิกในเว็บแฟนคาเฟ่ของวงน่ะครับ”
“สนิทกันเหรอครับ”
“ก็ระดับหนึ่งครับ”
“ถ้าพรุ่งนี้แอนดัพตกรอบจะรู้สึกผิดไหมครับ”
“ต้องรู้สึกผิดด้วยเหรอครับ”
“ใจร้ายจัง”
“5555”
การสัมภาษณ์ทางฝั่งของคนที่ตกรอบไปแล้วจบลงด้วยเสียงหัวเราะสดใส
ฮันโซลถือโกโก้เย็นสองแก้วที่สั่งไว้กับทางร้านต่างหากก่อนจะเดินไปไล่โค้งทีมงานที่กำลังเก็บอุปกรณ์ทุกคนเพื่อบอกลา
จากนั้นก็หยิบสวมหมวกสแนปแบคและดึงฮู้ดของเสื้อคลุมสีดำสลับแดงที่สวมอยู่มาทับบนหมวกแล้วผลักประตูออกไปข้างนอก
เท้าก้าวไปตามทางดูเหมือนจะมีแฟนคลับบางคนจำได้เดินตามมาแต่เด็กหนุ่มก็อาศัยความมืดกับความคุ้นชินเส้นทางหลบไปหลบมาจนสุดท้ายก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าตึกกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งมีแสงไฟสว่างลอดออกมาจากบานมู่ลี่ที่ชั้นสอง
เด็กหนุ่มหยิบไอแพดในกระเป๋าสะพายหลังออกมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาใครบางคนผ่านคาทก
ยืนดูดโกโก้เย็นรออยู่ไม่ถึงสิบนาทีก็เห็นคนสวมฮู้ดสีดำคลุมผมเดินออกมาหา ใบหน้าหล่อเหลาแม้อยู่ในแสงสลัวมีรอยยิ้มเหยียดกว้างส่งมาทำให้เขาโบกมือและส่งยิ้มกลับไป
“มายังไงเนี่ย”
“555 หนีมาครับ”
“ตลกล่ะ”
“พอดีรายการพิเศษเขาเลือกถ่ายการสัมภาษณ์ผมใกล้ๆหอแล้วตรงนั้นก็ไม่ไกลจากที่นี่ก็เลยแอบแว่บมา”
“ตอนพี่ผู้จัดการโทรมาบอกว่านายรออยู่หน้าตึก
นึกว่าล้อเล่นไม่นึกว่าจะมาจริงๆ...แล้วนี้มีอะไรหรือเปล่า”
แจวอนบอกเพราะรู้สึกตกใจจริงๆที่อยู่ๆพี่ผู้จัดการของเขากับแซมโทรมาบอก
“พี่ซ้อมเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็เรื่อยๆอ่ะ”
“ไม่เห็นแซมเล่าอะไรเรื่องเพลงที่ฮยองเตรียมแข่งรอบต่อไปเลย”
“555 จะเล่าอะไรได้ล่ะในเมื่อเขายังไม่เปิดคาทกพี่อ่านเลย”
“แล้วเมื่อกี้ อา
พี่บอกว่าพี่ผู้จัดการโทรหาไม่ใช่แซมโทรนี่เนาะ”
“555”
“ทะเลาะกันเหรอครับ”
“ไม่อ่ะ
เราไม่เคยทะเลาะกัน”
“555
จริงเหรอครับ”
“อืม” เสียงที่ตอบในลำคอฟังเบาหวิวเกินกว่าจะเป็นอย่างที่ว่าแต่คนอ่อนกว่าก็ไม่ได้คิดจะถามก้าวก่าย
“ว่าแต่เราเถอะ มาทำอะไรที่นี่”
คนโตกว่าทอดสายตามองไปยังเด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแหงนหน้ามองไปยังดาดฟ้าของตึกครู่หนึ่งก็ก้มกลับมามองหน้าคนเป็นพี่ที่ล้วงกระเป๋ารอฟังคำตอบ
“พี่บยอลเขาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
คำถามจากความไม่แน่ใจหลุดจากปาก
“เหอๆ”
“ทำเสียงแบบนี้หมายความว่ายังไงอ่ะครับ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกแค่สติแตกไปพักหนึ่ง”
“แล้วทีมงานรายการพิเศษเขายังอยู่กันไหมครับ”
“พี่จีโฮเห็นท่าพี่เขาไม่ค่อยดีก็เลยขอร้องให้เลิกกองของวันนี้ไปก่อน...พอทีมงานกลับไปพี่เขาก็โดนเรียกไปคุยส่วนตัวพักหนึ่งก็เห็นออกไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าอีกรอบ”
“อา...โดนด่าเหรอครับ”
“ไม่รู้สิ...อาจจะโดนละมั่ง” ตอบพลางเกาคางอย่างไม่แน่ใจ “ตกลงที่มานี้ก็เพราะเป็นห่วงพี่บยอลเขาสินะ
ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้นก็น่าจะแอดคาทกพี่เขาไปสักทีนะ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไมอ่ะ”
“ผมอยากให้พี่เขาหาคาทกผมให้เจอ”
“ให้เขาหาแต่ไม่ใบ้จนเขาคลั่งแบบนี้มันเป็นเรื่องสนุกของนายเหรอ”
“จะพูดว่าไม่สนุกเลยสักนิดก็คงโกหกแหละ แต่จะบอกว่าทำไปเพื่อความสนุกอย่างเดียวก็ไม่ใช่
ที่ผมยื้อไว้แบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อโปรโมทวงตามคำสั่งอ่ะ
แต่มันก็ทำให้พี่เขาเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะ”
“พี่บยอลคงไม่ดีใจหรอกที่ดังขึ้นจากการออกโทรทัศน์ไม่ใช่เพราะทำเพลงดี”
“ผมยังมีอีกเหตุผลนะ”
“เหตุผลอะไร”
“เรื่องนี้เป็นความลับอ่ะ”
“เฮ้อ...แล้วนี่จะเข้าไปข้างในไหม”
“คงไม่อะครับ...แค่จะฝากของไปให้พี่เขาหน่อย”
เด็กหนุ่มบอกแล้วยื่นถุงกระดาษที่มีโกโก้เย็นกับคุ๊กกี้ส่งให้แต่เพราะเสียงตะโกนถามจากชายสวมเสื้อยืดสีเหลืองกับกางเกงขาสั้นกับผมสีทองที่มัดแบบลวกๆ
ทำให้ทั้งสองหันไปมอง
“นั่นมึงออกมาคุยกับใครวะ”
จีโฮที่ตั้งใจจะไปซื้อของกินเดินดุ่มเข้ามาพอเห็นหน้าอีกฝ่ายใกล้ๆแถมโค้งทำความเคารพกันอีกก็ทำตาโตเหมือนเห็นผี
“เฮ้ย เวอร์นอนนิ...มาทำอะไรที่นี่วะ”
“ผมแค่เอาของมาฝากให้พี่บยอลเขาครับ”
“เอ้า มาถึงนี้แล้วจะฝากทำไม...เข้าไปให้มันเองกับมือเลยดิ
มันสูบบุหรี่อยู่บนดาดฟ้าเนี่ย”
“คือผมแวะมาไม่ได้บอกใครไว้นะครับ
ถ้ากลับไปช้ากลัวเขาเป็นห่วงกัน”
“แล้วที่เอาของฝากให้มันนี้ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงมันเหรอ
เป็นห่วงแล้วจะไม่เจอหน้ามันหน่อยเหรอ...รู้หรือเปล่าว่าเราอ่ะเกือบทำทีมพี่ล่มจมแล้วนะ
พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมนายไม่อยากให้คาทกหรือแอดคาทกมันจนต้องถ่ายรายการผีห่านี่กันต่อ
อาจจะโกรธมันอยู่ก็ได้แต่อย่างน้อยก็ไปให้มันเห็นหน้าสักหน่อย รับผิดชอบมันสักนิด
อย่าให้มันต้องตกรอบเพราะเรื่องอะไรแบบนี้เลยวะ”
ฮันโซลฟังคำยืดยาวจากโปรดิวเซอร์ของทีมจีพัลพลางอมลมไว้ในปากด้วยสีหน้ายุ่งยากใจก่อนแหงนหน้ามองขึ้นไปบนดาดฟ้าที่มีแสงสลัวส่องนิ่งนาน
ท่ามกลางการลุ้นระทึกของซิโค่ที่รออยู่ด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ
แต่สุดท้ายเจ้าของร่างบางก็ถอนหายใจเดินเข้าไปในตึกตามที่ถูกร้องขอ
บยอลพาดแขนกับแนวกำแพงปูนกั้นไม่ให้คนร่วงจากดาดฟ้าพลางปล่อยควันบุหรี่สีเทาจางผ่านริมฝีปากให้ลอยไปในอากาศ
ดวงตาสีชาดุทอดไกลไปยังพระจันทร์เสี้ยวดวงเดิมที่ถูกม่านเมฆสีดำบางๆเคลื่อนมาบดบังทำให้แสงนวลตาอ่อนแรง
ภาพรอยยิ้มของใครคนหนึ่งลอยเข้ามาในความคิดคำนึงพร้อมกับภาพคู่กับคนอื่นที่ซ้อนขึ้นมาทับทำให้เขาถึงกับซบหน้าลงกับแขน
...อารมณ์ท้อและผิดหวังยังแล่นวนเวียน
อยากจะหลุดพ้นไปจากตรงนี้
อยากจะชนะในวันพรุ่งนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกที่ฉุดให้ดำดิ่งนี้ยังไง...
ช่วงเวลาที่ใช้ปลายนิ้วสะกิดเถ้าของบุหรี่ก็มีมือนุ่มของใครบางคนเอื้อมมาปิดตาทั้งสองข้างเอาไว้ทำให้คนที่ไม่อยู่ในอารมณ์เล่นสนุกสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
“ไอ้เหี้ย...เล่นเหี้ยอะไรของมึง”
...ไม่มีเสียงตอบกลับเป็นคำพูดจากเจ้าของมือนุ่มแต่มีเสียงไอโขลกจนทำให้ตัวเขาสั่นตามแรงสะเทือนนั้นดังขึ้นมาแทน...
“แกล้งไอหาพ่อมึงเหรอ...แจวอน
กูรู้ว่ามึงไม่ได้แพ้บุหรี่”
“แต่ผมแพ้นะ”
เสียงกระซิบเบาที่ดังข้างหูทำให้ตาที่ถูกครอบไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเบิกกว้าง คำว่า
เด็กน้อย หลุดจากริมฝีปากพร้อมกับบุหรี่ที่ถูกขยี้กับขอบปูนจนมอดดับ
แต่พอมือหยาบจะจับมือนุ่มนั้นให้พ้นจากดวงตาก็ถูกดุขึ้นมาจนต้องลดมือลงตามเดิม
“ห้ามเอามือผมออกนะ” ถ้อยคำข้างหูนั้นมาพร้อมกับเรือนผมนุ่มที่เคลียอยู่ข้างแก้ม
กลิ่นหอมหวานเหมือนขนมโชยเข้ามาปะปนกับกลิ่นน้ำหอมผสมบุหรี่ของเขา
“มาทำไม” ถึงแม้จะดีใจอยากจะถามว่ามาได้ยังไง
รู้จากไหนว่าเขาซ้อมที่ไหนแล้วใครอนุญาตให้มาแต่ความเจ็บลึกๆภายในทำให้เสียงที่ถามออกไปห้วนแข็ง
“พูดกับผมห้วนจัง
โกรธผมเหรอครับ”
“หึ...พี่มีสิทธิ์โกรธด้วยเหรอ”
“ทำไมจะไม่มี
ปกติก็เห็นโกรธอยู่ตลอดเลยนี่ครับ...วันนี้ก็โกรธผมอีกแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ได้โกรธ”
“โกรธสิ...อาละวาดขนาดโดนไล่ไปสงบสติอารมณ์นี้ต้องโกรธผมมากเลยแหละ”
“พี่ไม่ได้โกรธนาย”
“งั้นโกรธใครครับ”
“ไปถ่ายรูปคู่กับใครก็ไอ้ห่านั้นแหละ”
“555
แต่ผมถ่ายรูปคู่กับคนอื่นเยอะเลยนะ...ถ้าพี่จะโกรธทุกคนที่ถ่ายรูปคู่กับผมมิต้องโกรธเป็นร้อยๆคนเลยเหรอ
อีกอย่างผมก็เป็นไอดอลเนาะ
การจะถ่ายรูปคู่กับคนอื่นมันเป็นเรื่องปกติเหมือนที่พี่ถ่ายรูปคู่กับแฟนคลับตามถนนในฮงแดอ่ะ
ตอนผมเห็นผมไม่ยักจะโกรธพี่เลย” น้ำเสียงที่ตอบยังสดใส
หากอีกคนยังคงความกระด้าง
“ไปเห็นจากไหน”
“ค้นชื่อพี่ในอินเตอร์เน็ตก็เจอหมดแหละ
555 ฮอตจริงๆเลยเนาะ มีแต่สาวมารุมถ่ายรูปด้วย”
“รู้สึกอะไรบ้างไหมล่ะ”
“ต้องรู้สึกอะไรด้วยเหรอครับ
การสร้างความสุขเล็กๆน้อยๆตอบแทนคนที่รักในตัวเราและผลงานของเรามันไม่ใช่เรื่องที่ต้องรู้สึกไม่ดีนะครับ...มันก็เหมือนกับที่เราถ่ายรายการนั้นแหละ
ถ้ารู้ว่ารายการเขากำหนดโจทย์มาแบบไหนก็ต้องตั้งสตินะอย่ายอมเล่นตามเกมเขาไปหมดสิ”
“พูดเรื่องอะไรวะ”
“เรื่องนี้ไง...รายการที่เราถ่ายกัน”
“ยังไง”
“รายการเขาต้องการเรตติ้ง
เขาต้องจับจุดว่าคนดูอยากเห็นอะไรและทำยังไงที่จะให้ผู้ชมได้เห็นสิ่งนั้น
พี่คงไม่รู้ใช่ไหมว่าทีมงานเขาให้ผมใบ้คาทกตั้งสองรอบแล้วนะ”
“แล้วใบ้มาหรือเปล่า”
“ใบ้...ใบ้เยอะเลยแหละ”
“ไม่เห็นพวกแม่งบอกเลย”
“ก็ถ้าบอกจะได้เห็นปฏิกิริยาของพี่เหรอ...พอพี่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก็เข้าทางเขาพอดี”
“พี่ไม่ได้อยากโกรธนะ
ไม่อยากถ่ายรายการห่านี่ต่อแล้วด้วย ถ้านายแอดคาทกพี่หรือให้คาทกพี่ดีๆอ่ะ”
“แต่ผมอยากให้พี่หาคาทกผมให้เจอแล้วแอดมาหานี่” เสียงอ้อนเบาของคนอ่อนกว่าที่มาพร้อมกับลมหายใจอุ่นซึ่งพ่นรดข้างหูและแก้มอยู่ตลอดทำให้หัวใจเขาสั่น
“ทำไมถึงอยากให้พี่หาให้เจอ”
“มันก็จะพูดยังไงดีน้า...ผมอ่ะชอบความรู้สึกของการเป็นที่รักน่ะครับ
ผมอยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักอย่างมากของใครสักคน อยากรู้สึกถึงการเป็นคนพิเศษ
เป็นคนที่มีความหมาย ไม่ใช่กับใครก็ได้แต่ผมอยากให้คนนั้นเป็นพี่ล่ะ”
ถ้อยคำในตอนท้ายอ่อนเบาลงยิ่งกว่าเสียงกระซิบหากมีความหวานล้ำที่พาให้หัวใจอันร้อนรุ่มจากแรงโทสะคล้ายถูกน้ำเย็นดับลงในชั่วพริบตา
“เท่านี้ยังไม่พอเหรอ
เท่าที่พี่ให้เข้ามาอยู่จนเต็มหัวใจพี่...ยังไม่รู้สึกเป็นที่รักของพี่อีกเหรอครับ” ประโยคอ่อนหวานเช่นเดียวกันถามกลับ
มือหยาบใหญ่เลื่อนขึ้นมากุมมือนุ่มที่ปิดตาเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วบีบเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ผมเคยบอกพี่แล้วนี่ครับว่าผมเป็นคนใจร้าย”
“อืม”
“พี่อาจไม่รู้ว่าในหัวใจของคนเราถึงจะมอบให้ใครแล้วมันก็ยังมีอณูเล็กๆเหลืออยู่และผมก็เป็นคนใจร้ายประเภทที่ถ้าอยากได้ต้องได้มันทั้งหมด
แม้แต่เศษเล็กๆในหัวใจที่ไม่มีใครมองเห็นก็ต้องเป็นของผมด้วย”
“โลภจัง”
“555...ยังโกรธผมอยู่หรือเปล่าครับ”
“ก็บอกแต่แรกแล้วนะว่าไม่ได้โกรธ”
“ถ้าไม่ได้โกรธแล้ว
พรุ่งนี้ต้องทำให้ดีนะครับ ถ้าพี่ตกรอบเพราะเรื่องไร้สาระนะ
ผมจะล้อพี่ยันเข้ากรมจนออกจากกรมก็จะไม่เลิกล้อเลย”
“ทำไมถึงบอกว่าเรื่องของนายมันไร้สาระ
ในเมื่อมันไม่เคยไร้สาระสำหรับพี่”
“จริงเหรอครับ”
“จริง”
“...งั้นเอารางวัลไป” เด็กหนุ่มดึงมือนุ่มที่ถูกมือใหญ่กร้านเกาะกุมออกจากดวงตาแล้วยื่นโกโก้เย็นที่น้ำแข็งเริ่มละลายแล้วมาตรงหน้าโดยพาดแขนอีกข้างไว้บนไหล่ลำตัวบางยังแนบอยู่บนแผ่นหลังอุ่นของอีกคน
กระทั่งโกโก้แก้วนั้นถูกรับไปแขนทั้งสองข้างก็ขยับโอบเบาๆรอบคอพร้อมกับวางคางเกยบนแขนของตัวเองอีกที
บยอลหลับตาสูดลมหายใจรับเอากลิ่นหวานๆเอาไว้เต็มปอดก่อนจะเอียงศีรษะไปซบกับเรือนผมนุ่มที่มีกลิ่นแชมพูอ่อนจางเบาๆอย่างทะนุถนอมแล้วดูดโกโก้ที่ได้รับเพื่อลิ้มรสหวานระคนขมน้อยนั้น
“พี่อยากคุยกับนายนะเด็กน้อย
นายไม่รู้หรอกว่าพี่ทรมานขนาดไหนที่เราไม่ได้คุยกัน ทุกคืนพี่ฝันถึงนาย
ฝันถึงรอยยิ้มกับตาสวยๆที่มองพี่อยู่”
“ทุกคืนผมก็ฟังแต่เพลงของพี่นะ
แต่ไม่เห็นฝันถึงพี่เลย”
“นายฟังซีดีที่พี่ให้ด้วยเหรอ”
“ก็อุตส่าห์ให้ผมมาตั้งเยอะก็ต้องฟังสิ...นี่กำลังคิดอยู่เลยนะว่าถ้าฟังเบื่อเมื่อไหร่จะเอาไปประมูลในท้องตลาดตอนที่พี่ดังมากๆด้วยแหละ”
“กวนตีน”
“555
ด่าแล้ว กลับมาเป็นพี่บยอลคนเดิมแล้ว”
“เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มที่คลออยู่บนไหล่ “ย้ายมาให้พี่กอดแทนได้ไหมอ่ะ”
“ไม่ชอบให้ผมกอดเหรอ”
“เปล่า
แค่อยากเห็นหน้าให้ชัดกว่านี้”
“555
แต่ผมไม่อยากให้เห็นอ่ะ”
“ใจร้ายอีกแล้ว”
ประโยคนั้นหลุดจากปากไปก็มีเสียงหัวเราะตอบรับทันที
“นี่...ผมคิดว่าพรุ่งนี้พอแข่งเสร็จรายการเขาจะเปิดคลิปใบ้คาทกให้พี่ดูแหละ...พอถึงตอนนั้นช่วยหาคาทกผมให้เจอด้วยนะครับ
จริงๆอ่ะหาไม่ยากหรอก ก็อยู่ในที่ที่พี่คิดว่าอยู่นั้นแหละ”
“ไอจีสินะ”
“555 พี่ไม่บื้อแล้วแฮะ แต่จะหาเจอไหมนะ” เด็กหนุ่มหัวเราะสดใสยังคงเอนหัวพิงกับคนโตกว่าไปมาสักพักก่อนจะปลดแขนออกจากไหล่ของอีกฝ่ายและเอ่ยบางคำที่ทำให้คนฟังใจหาย
“ผมต้องกลับแล้วนะครับ”
“อา...อยู่ด้วยกันนานกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้แล้วล่ะครับ...ตอนผมสัมภาษณ์เสร็จผมก็หนีมานี่ไม่ได้บอกใครเลย
ถ้ากลับช้าเกินไปพวกฮยองเขานึกว่าผมถูกลักพาตัวจะเป็นเรื่องใหญ่กันไปอีก”
ฮันโซลขยับถอยไปยืนห่างจากคนที่อยู่ตรงแนวกั้นปูนเล็กน้อย
พอฝ่ายตรงข้ามหันหลังกลับมามือก็ยื่นไปจับมือนุ่มมาประสานกับมือตัวเอง
“ขอไปส่งได้ไหม”
“อยากไปส่งเหรอครับ”
“อืม...กลับคนเดียวมืดๆ
มันอันตรายอ่ะ พี่เป็นห่วง”
“จะให้ไปส่งก็ได้ถ้าสัญญาว่าพรุ่งนี้จะผ่านเข้ารอบ”
“เรื่องนั้นมันต้องขึ้นอยู่กับโปรดิวเซอร์ปะ”
ถึงจะยังไม่ได้ยินคำอนุญาตจากเจ้าของตาสีน้ำตาลสวยแต่ชายหนุ่มก็จับมือให้เดินกลับจากดาดฟ้าลงมาด้วยกัน
โดยมีสายตาของโปรดิวเซอร์และสมาชิกในวงจีพัลที่โผล่หัวจากห้องซ้อมมาดูลาดเลาหลังจากปล่อยทั้งคู่คุยกันตามลำพัง
บยอลกระชับฝ่ามืออุ่นของตัวเองกับมือนุ่มหอมขณะย่างเท้าไปบนทางเดินออกจากตึกที่ใช้เป็นห้องซ้อมด้วยจังหวะการก้าวที่ไม่เร่งร้อนและหัวใจภายในก็รู้สึกอุ่นซ่าน
นัยน์ตาสีชามองไปยังเสี้ยวหน้าด้านข้างที่ถูกแสงไฟจากข้างทางส่องกระทบด้วยรอยยิ้มเป็นสุข
“ใครอนุญาตให้จับมือครับ”
หลังจากปล่อยให้จับมือเดินมาได้เกือบจะถึงหน้าหอพักคนอ่อนกว่าลองแกล้งทำเสียงดุแต่อีกคนทำไม่รู้ไม่ชี้
“ทีเมื่อกี้ยังกอดพี่ได้เลยนะ...ไม่รู้ล่ะ
ก็จับไปแล้วอ่ะ”
“ต้องให้สั่งไหมครับถึงจะปล่อย”
“อีกสิบก้าวก็ถึงหน้าหออยู่แล้ว
ไปสั่งให้ปล่อยตอนนั้นล่ะกัน”
“555
อะไรเนี่ย เดี๋ยวนี้ต่อรองเก่งจัง”
เสียงหัวเราะร่วนหลุดออกมาและพอถึงหน้าประตูหอพักก็พูดขึ้นมาใหม่ “ถึงหอผมแล้ว ทีนี้ปล่อยมือผมได้แล้วนะ”
คนอ่อนกว่าทวนคำขอของอีกฝ่ายพร้อมเอียงคอชะโงกมามองข้างหน้าด้วยดวงตากลมเปล่งประกายสดใส
หากครั้งนี้ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยกลับดึงร่างนั้นให้เข้ามาหาตัวอยู่ในอ้อมแขนและกอดเอาไว้
“งะ...ไหนบอกจะปล่อยมือ
อันนี้เขาเรียกกอดแล้วนะครับ” เด็กหนุ่มว่าพลางหัวเราะ
“พรุ่งนี้พี่จะผ่านเข้ารอบ”
เสียงเข้มนั้นเอ่ยหนักแน่น
“ไหนบอกผมว่าจะผ่านเข้ารอบได้อยู่โปรดิวเซอร์ไงครับ”
“เชื่อพี่สิ
พรุ่งนี้พี่จะผ่านเข้ารอบให้ได้และจะหาคาทกนายให้เจอ...พอเจอแล้วหลังจากนั้นเราไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮันด้วยกันนะ”
“555”
“ขำอะไรเล่า”
“แล้วถ้าไม่ผ่านล่ะ”
“ก็ไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮันปลอบใจพี่หน่อยได้ไหมล่ะ”
“555
แบบนี้จะผ่านหรือไม่ผ่านเข้ารอบก็ต้องไปเหมือนกันอยู่ดีนี่ครับ”
“แต่พี่ผ่านเข้ารอบพรุ่งนี้แน่นอน...ถ้าพี่ผ่านเข้ารอบนอกจากไปเดินเล่นมีอะไรจะให้พี่บ้างปะ”
“ผ่านเข้ารอบให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาต่อรองนะ”
ฮันโซลบอกพลางหัวเราะร่วน “นี่จะปล่อยผมได้หรือยัง
ผมต้องกลับเข้าหอแล้วนะ”
“ไม่อยากปล่อยเลย”
“อยากโดนผมโกรธบ้างใช่หรือเปล่า” ครั้งนี้เสียงนั้นเรียบเย็นจริงจัง สุดท้ายคนที่ยื้อไม่อยากปล่อยก็ต้องยอมคลายอ้อมแขนแต่มือใหญ่ยังจับมือนุ่มนั้นไว้อย่างอ้อยอิ่งจนถูกส้นมืออีกฝ่ายฟาดเข้าแรงๆถึงยอมปล่อย
“ผมไปแล้วนะ” บอกพลางโบกมือให้
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”
อีกคนยังอ้อน
“อย่าทำเป็นเด็กสิครับ
กลับไปได้แล้ว ไปซ้อมให้ดีๆด้วย ถ้าพรุ่งนี้ตกรอบนะจะขำให้”
“ไม่ให้กำลังใจกันเลยแฮะ”
“555
ไปเถอะครับ กลับได้แล้ว ฝันดีนะครับ ราตรีสวัสดิ์”
“อืม...ฝันดี
ฝันถึงพี่ด้วยนะ ราตรีสวัสดิ์”
ชายหนุ่มฝากฝังยืนมองอีกคนแตะคีย์การ์ดผ่านประตูกระจกเข้าไปในหอและยืนรอจนเห็นแสงไฟจากหน้าต่างของหอชั้นที่เด็กน้อยของเขาพักสว่างขึ้น
เด็กหนุ่มถอดรองเท้าเข้าไปในหอที่สมาชิกของวงนั่งเอกเขนกกินขนมดูโทรทัศน์รอการกลับมาของเขาอยู่
พอเห็นฝรั่งน้อยกลับเข้ามาก็ถามไถ่แต่เจ้าตัวกลับขอตัวเดินไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาเทใส่แก้วพร้อมเดินไปตรงหน้าต่างมองเห็นคนข้างล่างยืนทำท่าตะเบ๊ะให้แล้วโบกมือก่อนจะยอมหันหลังเดินกลับออกไป
“ไหนว่าไปสัมภาษณ์เดี่ยว
ทำไมมีคนมาส่งด้วยอ่ะ” ซึงกวานเอ่ยถามพลางเท้าแขนลงบ่าด้านซ้าย
“จะใช่ ฮยองหน้าดุที่ให้ซีดีเป็นตั้งกับสั่งโกโก้ให้มาส่งนายทุกวันคนนั้นหรือเปล่าน้า”
“ส่งอย่างเดียวก็ได้นะ
ทำไมต้องกอดด้วยอา” ชานว่าขณะเอาคางเกยลงบนบ่าด้านขวา “เลิกทะเลาะกันแล้วเหรอ”
“ก็ไม่เคยทะเลาะกับพี่เขาสักหน่อย”
“พี่คนนั้นตอนอยู่ในรายการกับตอนที่มารอนายไม่เห็นเหมือนกันเลยเนาะ”
“อ่อนโยนกว่าในรายการเยอะเลย”
“อืม”
“ดูพี่เขาจะชอบนายมากเลยน้า...นายเองก็ชอบพี่เขาด้วยใช่ไหมล่ะ”
“ก็...”ฮันโซลลากเสียงยาวพร้อมแหงนหน้าไปบนฟ้า
นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยทอดไปยังพระจันทร์เสี้ยวที่ลอยเด่นอวดสีเหลืองนวลก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่อาบหน้า
“ชอบนั้นแหละ”
0 Comments