Thorn Flower : CHAPTER SEVEN

05:49



I hurt myself today
To see if I still feel
I focus on the pain
The only thing that's real
The needle tears a hole
The old familiar sting
Try to kill it all away
But I remember everything

Nine Inch Nails - Hurt (Live)

เสียงดนตรีแสนเศร้าคลอเบาอยู่ในบาร์เหล้ากลางเก่ากลางใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ตรอกแคบๆ ที่มีชายฉกรรจ์สวมชุดสูทสองคนยืนคุมหน้าประตู บาร์เทนเดอร์เติมวิสกี้ลงในแก้วทรงเหลี่ยมแล้ววางกลับลงไปบนกระดาษแข็งรองแก้วบนเคาน์เตอร์บาร์ไม้ตรงหน้าลูกค้าเพียงคนเดียวในร้านที่นั่งดื่มมาตั้งแต่หัวค่ำ


ยูคยอมกระดกวิสกี้ปล่อยน้ำสีอำพันไหลบาดลำคอลงในกระเพาะแล้วซบหน้าข้างหนึ่งแนบกับโต๊ะไม้ มือข้างหนึ่งล้วงไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตหยิบเอาสมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาเปิดเข้าไปในส่วนของแกลอรี่ภาพถ่ายในเครื่องและกดดูรูปของชายหนุ่มคนหนึ่งในนั้นไปเรื่อยๆ


นิ้วเรียวลากขยายรูปที่ชายผู้นั้นกำลังยิ้มกอดคอเด็กคนหนึ่งที่เค้าหน้าเหมือนเขาแทบไม่ผิดเพี้ยนพร้อมกับริมฝีปากที่เหยียดกว้างทีละน้อย หากดวงตาเลือนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปนับไม่ถ้วนคล้ายมีน้ำอุ่นเอ่ออยู่ภายในก่อนที่ความทรงจำในอดีตค่อยๆหลั่งไหลมาให้คิดถึง


...เขาเป็นพี่ แกต้องเคารพเขา...


นั่นเป็นคำแรกที่พ่อแนะนำให้รู้จักพี่ชายต่างสายเลือด ผู้ถูกวางตัวให้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพ่อ เขาจำนัยน์ตาแสนเศร้าที่ประดับบนดวงหน้านวลละมุนในวันนั้นได้ดี


นับจากเสียแม่เขาเหมือนซากชีวิตที่หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง เด็กสิบสองที่ทำตัวร้ายกาจกับทุกคนแต่การได้พบพี่ เหมือนเขาได้เจอแสงสว่าง เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะทำร้ายพี่ ความใจดีของพี่ รอยยิ้มของพี่คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงเขา ความรักของเขาเติบโตขึ้นทีละน้อย แค่มีพี่เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วแต่เขาไม่รู้ว่าการเผยความในใจออกไปจะเป็นจุดแตกหักระหว่างเขากับพี่


ท่าทางเย็นชาห่างเหินที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเป็นดังกระสุนที่ยิงทะลุหัวใจเขาจนพรุน นับจากวันนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ความห่วงใยที่เคยได้รับสลายไปเหมือนทรายที่ปลิวไปพร้อมกับสายลม


เขาเลื่อนดูรูปต่อไปด้วยรอยยิ้มแสนเศร้า บางสิ่งในใจทำให้เขากดออกจากแกลอรี่ไปยังรายชื่อ เลื่อนจนเห็นชื่อ มาร์คปรากฏในสายตาพลางกดโทรออกตามหมายเลขแล้วกดเปิดลำโพงวางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะ


ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้


เสียงหวานนั้นดังมาจากปลายสาย ชายหนุ่มเค้นหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขมขื่น...รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีหนทางติดต่อได้แต่หัวใจยังคงไปไหวกว่าสมองเสมอ


ยูคยอมดันแก้วเหล้าไปหาบาร์เทนเดอร์ประจำบาร์เหล้าที่เขาจะมาทุกครั้งที่ต้องการอยู่คนเดียวเงียบๆ ให้ช่วยเติมวิสกี้แล้วกระดกมันลงคอไปอีกหน


...คนอย่างเขาเหมือนถูกสาป แค่ความสุขเล็กๆน้อยๆ ยังไม่มีสิทธิ์ได้รับ..
----------------------------------------------

ช่อดอกกุหลาบสีแดงที่เริ่มโรยจนดอกเริ่มโน้มลงมาแนบกับก้านสีเขียวที่ถูกริดหนามในแจกันทรงสูงบนโต๊ะข้างเตียงคนไข้ถูกมือใหญ่ดึงออกทิ้งลงถังขยะและแทนที่ด้วยดอกกุหลาบสีแดงช่อใหม่ที่แช่ไว้ในตู้เย็น


เจบีเหลือบมองดวงหน้างามราวรูปสลักของผู้เป็นนายที่กำลังหลับสนิทจากฤทธิ์ยานิ่งงัน นัยน์ตาคมประหนึ่งมีดทอดไปหาอย่างอาฆาตชิงชัง หลายอาทิตย์มานี้เขาต้องซ่อนความแค้นไว้ใต้ความเย็นชา การสนทนากับสารเลวนี้อย่างใจเย็นและใจกำลังใจทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก และหากไม่มีสติยับยั้ง หากไม่ระลึกได้ว่าเขาจำเป็นต้องหาหลักฐานแน่นหนาพอที่คนชั่วพวกนี้จะไม่หลุดจากการจับกุมเพราะเขามั่นใจว่าคุณลุงต้องการให้คนชั่วถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เขาอาจเอาหมอนกดหน้าสารเลวนี้ให้หมดลมหายใจไปแล้ว


...เขาเป็นคนธรรมดาที่รักเป็น เกลียดเป็น...


...ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรให้รู้สึกสงสาร เพราะสิ่งที่เขาได้กระทำมันรุนแรงเกินกว่าจะเมตตาลง...


การย้ายจากห้องพิเศษกลับมาอยู่ในห้องที่สารเลวนี้เคยอยู่ไม่ได้ทำให้เขายิ่งอึดอัด กลายเป็นเขาต้องอยู่กับมันยี่สิบสี่ชั่วโมงในห้องเดียวกัน การจะใช้โทรศัพท์ติดต่อไปไหนถูกตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ยิ่งการใช้โทรศัพท์ติดต่อหรือแม้แต่จะเช็กข้อความยังต้องมีคนตรวจสอบ ความคิดถึงและเป็นห่วงคนที่บ้านติดแน่นอยู่ในใจแต่ทำได้เพียงเก็บกลั้น


ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากขยับไปยืนอยู่ริมหน้าต่างเฝ้ามองท้องฟ้าสีครึ้มยามค่ำคืน ดาวดวงหนึ่งบนนั้นทำให้เสียงสดใสของคนสองคนลอดเข้ามาในความคิดคำนึง


พ่อเคยบอกแบมว่า เวลาคนที่เรารักจากเราไป เขาไม่ได้จากไปไหนไกลแต่กลายเป็นดาวดวงหนึ่งคอยเฝ้ามองเราอยู่บนฟ้า เมื่อไหร่ที่พี่คิดถึงแม่ของพี่เหมือนที่แบมคิดถึงแม่ของแบม พี่เงยหน้ามองดูดาว ดาวดวงไหนที่กระพริบสว่างที่สุดในสายตาของพี่ นั่นแปลว่าแม่ของพี่กำลังส่งสัญญาณว่าท่านคิดถึงพี่


เขาหลับตาย้อนคิดถึงใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่คอยประโลมใจเขาเสมอ ทุกถ้อยคำในยามนั้นทำให้ชีวิต ลูกเมียเก็บที่ถูกคนเป็นพ่อทอดทิ้ง ส่วนแม่ก็ตรอมใจตาย คนมืดมน ไม่มีความหวัง ไม่มีความฝัน เป็นเหมือนซากชีวิตที่ต่อยตี วิ่งราว เดินยาหาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ กลับมายืนในจุดที่สว่าง และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รอยยิ้มนั้นกลับมา


เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้เจบีเก็บรูปลงกระเป๋าดังเก่าพลางหันไปมองพยาบาลที่กำลังเข็นอุปกรณ์การแพทย์เข้ามาในห้องโดยมีนายแพทย์คนหนึ่งเดินตามหลังมา ทันทีที่นายแพทย์ผู้นั้นสบตากับบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่ในห้อง ความเรียบเฉยบนดวงตากลับวูบไหวก่อนหายลับไปในไม่กี่วินาทีต่อมา


ต่างฝ่ายต่างโค้งทักทายกันโดยไม่พูดอะไร นายแพทย์หนุ่มหยิบชาร์ทที่สอดอยู่ตรงปลายเตียงขึ้นมาพลิกอ่าน


คุณน่าจะทราบจากแพทย์ประจำตัวท่านรองแล้วว่า ท่านอาการดีขึ้นมากเหลือแค่กายภาพบำบัดอีกไม่กี่วันก็จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ผมยังมีเรื่องต้องถามเกี่ยวกับอาการของคนไข้ ไม่ทราบว่าคุณพ่อจะตอบผมได้ไหมครับคนถามเอ่ยโดยไม่มองหน้า


ครับ


คนไข้มีอาการทางสีหน้าหรือการแสดงออกทางกายที่แสดงออกว่าเจ็บกับการทำกายภาพบำบัดอยู่หรือเปล่าครับ”  


ไม่ครับ


คนไข้ท่าทางจะสบายดี คงไม่มีอาการกลัวหรือกรีดร้องตอนหลับอีกแล้วใช่ไหมครับ ท้ายประโยคคำถามสุภาพนั้นทำให้คนฟังชะงัก เข้าใจได้ในทันทีว่าบทสนทนานี้หาใช่เกี่ยวข้องกับคนบนเตียง


ก็ดีกว่าตอนแรก อาจมีบ้างที่ฝันร้ายแล้วร้องออกมาแต่ก็ไม่บ่อยหรอกครับ


แล้วกินข้าวได้ตามปกติไหมครับ มีอาเจียนหรือมีอาการคลื่นไส้เวลาเห็นของปิ้งย่างหรือเปล่า


ก็กินได้ครับ แต่กินน้อย อาการอาเจียนไม่มีแล้ว แต่คลื่นไส้นี่ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้เห็นเขากินมานานแล้ว


นายแพทย์จินยองเงยหน้าสบสายตากับบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้า แววตาเรียบเย็นหากมีแววสั่นระริกคล้ายกับมีถ้อยความมากมายที่อยากจะเอ่ย ทว่าริมฝีปากทำได้เพียงขยับจะพูดแล้วก็ปิดเงียบอยู่เช่นนั้นหลายต่อหลายครั้ง พยาบาลเหลือบมองผู้เป็นหมอด้วยรู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึมที่เกิดขึ้นเร่งให้คำหลุดจากปากของคนที่ตั้งท่าจะพูดอยู่นานหลุดออกมา


ดีนะครับที่มีคุณอยู่ ยังไงก็ฝากดูแลเขาด้วยนะครับ


ไม่ต้องขอผมก็ทำอยู่แล้ว


งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ นายแพทย์หนุ่มกล่าวคำลาพลางก้มศีรษะน้อยๆ พร้อมก้าวตามหลังพยาบาลที่กำลังเข็นรถออกจากห้องไปข้างนอกเงียบๆ ทันทีที่บานประตูปิดลงความรู้สึกภายในอกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่ถ่วงเอาไว้จนก้าวขาไม่ออก


คุณหมอ...คุณหมอปาร์ค เป็นอะไรหรือเปล่าคะพยาบาลร้องเรียกอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นดวงหน้าของคนตรงหน้าซีดขาว


อ๋อ ไม่...ผมไม่เป็นไร


แต่หน้าคุณหมอซีดมากเลยนะคะ


คงเพราะช่วงนี้ต้องติดตามอาการของท่านประธานใกล้ชิด เลยไม่ค่อยได้พักผ่อนนะครับ


ช่วงนี้มีคุณหมอเวรท่านอื่นอยู่ คุณหมอก็ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะคะ ถ้าคุณหมอล้มไปจะแย่


ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เขากล่าวลาแล้วลากตัวเองเดินมาถึงห้องพักที่จัดไว้สำหรับให้แพทย์พักผ่อน เขาเดินผ่านโซฟากับโทรทัศน์เครื่องใหญ่ไปถึงส่วนเตียงนอนห้าหกที่วางเรียงกันเป็นระเบียบ แบ่งเป็นฟากละสามเตียง ตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด


เมื่อเปิดประตูเข้าไปได้เขาปรี่ไปที่อ่างล้างหน้าหน้าเฝ้ามองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกเนิ่นนาน แล้วเปิดก็อกใช้มือทั้งสองข้างรองน้ำและสาดมันใส่หน้าอย่างแรงนับครั้งไม่ถ้วน เสียงสดใสของเด็กคนหนึ่งที่ร้องเรียกพี่จินยองก้องสะท้อนอยู่ในทั้งสองหู พลันหัวใจคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นบีบไว้จนเจ็บเจียนตาย สุดท้ายร่างโปร่งนั้นก็ไถลลงไปนั่งบนพื้นด้วยสภาพเปียกปอน


ภาพความทรงจำมากมายเริ่มตีอยู่ในหัวทำให้ทรมานสาหัญ ภาพศพของผู้ชายและผู้หญิงสองคนที่ผิวหนังไหม้เหลือเพียงเนื้อแดงฉาน ใบหน้าแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ฝ่ายชายมีกระสุนฝังอยู่ในขมับ ขณะที่ฝ่ายหญิงมีกระสุนฝังอยู่ในตับ ยามนั้นเหมือนมีก้อนแข็งแล่นมาจุกที่อกก่อนที่ภาพของเด็กคนหนึ่งที่ถูกเข็นเข้ามาด้วยสภาพถูกไฟไหม้ทั้งแขนไปข้างหนึ่งและถูกยิงจนเลือดอาบหมดสติจะทำให้น้ำตารื้นขึ้นมา


มือเรียวสั่นระริกหยิบเอากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงเพื่อดึงนกกระดาษที่ติดอยู่บนกระดาษสาซึ่งเคลือบพลาสติกแข็งไว้ออกมาพลิกดูข้อความที่เขียนด้วยมือเป็นภาษาไทยและเกาหลีอย่างบรรจง


...พี่จินยองคนเก่งของแบม ขอให้สอบติดหมอ...


ข้อความอวยพรสั้นๆแต่มีความหมายกินลึกจนเสียงสะอื้นหลุดออกมาพร้อมกับอีกเสียงหนึ่งที่แล่นเข้ามาในความคิด


พี่เป็นหมอ ทำไมไม่ช่วยพ่อ ทำไม ทำไมถึงช่วยพ่อไม่ได้ ทำไม


ชายหนุ่มยกมือปิดปากที่สั่นระริก น้ำตาอาบลงมาข้างแก้ม ความเจ็บปวดรุนแรงและความรักความคิดถึงต่อใครคนหนึ่งที่ไม่อาจไปหา หรือแตะต้องได้อีกแล้วนั้นเล่นงานแทบเป็นบ้า


แต่เขาเลือกแล้ว...เลือกที่จะถูกคนที่รักที่สุดเกลียด เลือกที่จะถูกมองว่าทอดทิ้งยามลำบาก เลือกที่จะกระเสือกกระสนเข้ามาถึงตรงนี้ เพื่อคำคำเดียว


...แก้แค้น...
-----------------------------------------------------------------------------

ประตูหลังบาร์เหล้าเปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของยูคยอมที่ก้าวออกมายืนอยู่ในตรอกที่กว้างกว่าตรอกด้านหน้าประตูบาร์ เขาปล่อยให้บอดี้การ์ดยืนเป็นหินเฝ้าอยู่หน้าร้านส่วนตัวเองก็หลบออกมาหลังร้าน เดินป่ายมือไปบนกำแพงปูนจนกระแทกอย่างแรงกับไหล่ของวัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มคนที่เดินสวนมา


ไม่มีคำขอโทษหลุดจากปาก เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆเหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุ หนึ่งในนั้นคว้าหลังคอเสื้อกระชากให้กลับมาทำให้หมัดของคนถูกกระชากซัดเข้าข้างแก้มฝ่ายตรงข้ามเต็มแรง เท้าอีกข้างยันยอดอกของอีกคน การวิวาทแบบสี่รุมหนึ่งดำเนินขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะจบลงที่คนเมาเดินโซเซออกมาพร้อมกับรอยช้ำและเลือดที่ไหลตรงมุมปาก


ชายหนุ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายก่อนทรุดกายลงนั่งบนพื้นทางเดิน มือเรียวหยิบม้วนบุหรี่สีดำสวยออกจากซองในกระเป๋าเสื้อแล้วจุดไฟสูบความเผ็ดร้อนจนแสบคอและพ่นควันสีเทาออกอย่างเลื่อนลอยปล่อยเลือดให้ไหลซึมจนแห้งกรัง


ในยามตีสองบนท้องถนนนั้นแทบร้างรถสัญจร ดวงตาคมมองไปโดยรอบ แสงไฟสีส้มบนสะพานสว่างจนแทบทุกสิ่งในสายตาพร่ามัว ไม่มีอะไรน่าสนใจกระทั่งตาสะดุดเข้ากับร่างผอมบางเสื้อคลุมตัวโคร่งสีดำที่ยืนห่างออกไป


บนท้องฟ้าอันมืดมิดมีดาวดวงหนึ่งกระพริบไหว คนตัวผอมนั้นเงยหน้าเอื้อมมือออกไปสุดแขนราวกับจะคว้าดาวดวงนั้นไว้ในอุ้งมือเนิ่นนานก่อนที่มือเล็กนั้นจะกำหมัดและลดระดับลงมาวางมือไว้แทบอก ในนาทีนั้นเขาเหมือนได้เห็นประกายแสงระยับห้อมล้อมใครคนนั้น แปลกที่ประกายแสงนั้นดูแสนเศร้ามากกว่าจะสวยงาม


คนตัวใหญ่เอนตัวลงนอนบนพื้นทางเดินเฝ้ามองดาวดวงเดียวที่ยังกระพริบอยู่บนฟ้า ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเป็นเด็กแม่เคยบอกเขาว่า เมื่อคนที่เรารักตาย วิญญาณจะไปเกิดเป็นดาวคอยดูแลเราอยู่บนฟ้า...เขารู้มันไม่ใช่เรื่องจริงหรอก มันเป็นแค่คำปลอบของแม่ที่อยากให้เขาไม่ร้องไห้


เสียงหัวเราะขื่นหลุดจากลำคอพร้อมกับไหล่ที่สั่นไหว เขาลุกจากพื้นโซเซไปยืนกลางถนนแล้วทรุดตัวลงไปนอนอยู่ตรงนั้นแล้วหลับตาลงและหวังในใจใครรถสักคันที่แล่นมาด้วยความเร็วในเวลานี้เหยียบร่างเขาจนแหลกละเอียดแต่กลายเป็นว่ามีน้ำเย็นถูกสาดลงมาบนหน้า


ยูคยอมสะดุ้งกับความเย็นที่รดราดตัวแต่ยังนอนนิ่งกับพื้นถนน นัยน์ตาคมลืมขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อพบกับใครคนหนึ่งแต่อาการพร่าทำให้เค้าโครงนั้นลางเลือน เมื่อเขม่นมองให้ชัดขึ้นการแต่งกายนั้นคือคนเดียวกันกับที่เอื้อมคว้าดาวทว่าใบหน้าดูคับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เขามีเรื่องด้วยที่มหาวิทยาลัย


...หรือเขาจะเมามากไป...


วิธีฆ่าตัวตายมีเป็นร้อย ถ้าอยากตาย หาวิธีตายที่ไม่เดือดร้อนชาวบ้าน เสียงเย็นไร้ความรู้สึกที่ดังเข้ามาในหูทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบ


นี่ กูเมาจนเห็นทั้งภาพได้ยินทั้งเสียงแล้วเหรอวะ เขาบอกตัวเองทั้งที่ยังมองคนตรงหน้าไม่วางตา ต่างฝ่ายต่างเงียบกันชั่วนาทีก่อนที่ฝ่ายคนที่นอนดูร่างสูงใหญ่นอนทอดบนถนนด้วยแววตาเรียบเฉยจะหันหลังให้


เคยคิดอยากตายบ้างไหมคำถามเจือเสียงหัวเราะหยันนั้นดังมาจากคนที่ถูกแอลกอฮอล์ครอบคลุมสติ


ทุกวัน


ประโยคสั้นไร้อารมณ์มาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้คนที่ยังนอนอยู่ดังเก่าสะดุด ลุกจากพื้นถนนขึ้นมามองไปยังแผ่นหลังผอมที่อยู่ไกลจากสายตาออกไปทีละน้อยพลางยกมือข้างหนึ่งทาบบนอก เสี้ยวนาทีนั้นเขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์ฉกรรจ์


...หมอนั่น...


...เป็นเหมือนเขา...
------------------------------
สัญญาณไฟจราจรตรงสี่แยกเปลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียว ยองแจขี่มอเตอร์ไซด์ไปบนถนนในช่วงเย็นที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์เลี้ยวจากถนนเส้นหลักไปยังเส้นรอง ขณะที่ชะลอความเร็วเพราะรถแท็กซี่คันหน้ากำลังจอดให้ผู้โดยสารลงเขาก็ได้พบกับคนที่ใจคิดถึงเดินอยู่บนทางเท้าจึงเปลี่ยนเลนมาขับเลียบทางเท้าแทน


แบม เขาร้องเรียกทำให้คนที่กำลงเดินอยู่หันมาหา ใบหน้าเซียวไร้สีเลือดที่ซ่อนอยู่ใต้ฮู้ดสีกรมท่าเรียบตึงแต่ยองแจกลับเหยียดยิ้มกว้าง


...เขาไม่ได้เห็นแบมอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ได้พวงกุญแจเป็นของตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยหรือที่ร้าน เจ้านายบอกมักจะฝากร้านให้เขาดูแลเพื่อจะไปหาแบมที่บ้าน เขาถึงรู้ว่าแบมมีบ้านอยู่ที่อื่นอีกเพียงแต่ไม่กล้าถามกับเจ้านายเพราะดูก้าวก่ายเกินไป


วันนี้คุณจะไปที่ร้านหรือเปล่าเขาถามและได้การพยักหน้าจากอีกฝ่ายแทนคำตอบ


ผมจะกลับไปที่ร้านพอดี ไปด้วยกันไหม มือใหญ่เอื้อมไปตบเบาะด้านหลังของตนเองทำให้สร้อยข้อมือที่มีตุ๊กตาโทโทโร่ห้อยอยู่โผล่พ้นจากชายเสื้อ คนตัวผอมมองตุ๊กตาโทโทโร่ตัวเดียวกับที่เคยห้อยอยู่ในพวงกุญแจนิ่ง เมื่อคนตัวใหญ่กว่าสังเกตเห็นเขาก็หลุดยิ้มอ่อนออกมา


ผมไม่ทิ้งหรอกนะ คุณอุตส่าห์ให้


อีกฝ่ายละสายตากลับมามองทางเดินตรงหน้าแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไรสักคำ ยองแจถอนหายใจค่อยๆ เคลื่อนมอเตอร์ไซด์ตามไปข้างๆ แม้จะถูกรถบีบแตรไล่และถูกด่าแต่เขาไม่ได้สนใจยังคงตามต่อไปด้วยแววตาห่วงใยกระทั่งมาถึงหน้าร้านจำใจต้องทิ่มรถเข้าไปในตรอกข้างหลังร้าและปล่อยให้คนตัวเล็กเข้าไปก่อน


แบมแบมผลักประตูเข้าไปในร้านเหมือนที่เคยทำ เสียงกระดิ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณให้คนในร้านรู้ว่ามีลูกค้าแต่เจ้าของร้านไม่ได้ยืนประจำอยู่หลังเคาน์เตอร์แต่กำลังนั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมหนังสีดำนั่งหันหลังให้เขา


ฮโยซองเอียงศีรษะมามองคนที่เดินเข้ามาหาพลางกวักมือเรียกทำให้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ขยับหันมามองตาม เสี้ยวหน้าด้านข้างอันคมคายราวกับเส้นสายพู่กันในภาพวาดของจิตกรจีนชั้นเอกนั้นทำให้มือเรียวผอมที่ซ่อนใต้แขนเสื้อกำแน่น


...ผู้ชายอันตรายที่เหมือนจะล่วงเข้าไปในทุกความคิดของคนอื่นได้คนนี้ต้องการอะไร...


แบม รุ่นพี่...ฮโยซองเริ่มพูดแต่มือผอมกลับคว้าแขนดึงให้ลุกจากเก้าอี้


ไปคุยกันหน่อย


เอ๊ะ คุย...คุยเหรอ หญิงสาวตะกุกตะกักถามอย่างไม่เข้าใจแต่เมื่อถูกดึงก็จำต้องลุกตามไปแต่ไม่ทันได้ไปไหน เสียงบางสิ่งกระแทกลงบนโต๊ะไม้พร้อมกับเสียงแหบต่ำที่เอ่ยบางคำทำให้คนตัวเล็กเลี้ยวไปมองชายที่อยู่ด้านหลัง


แบม นายทำของตกที่สนามแน่ะ


ดวงตากลมสวยเลื่อนไปยังซองหนังใส่นามบัตรมีสายเหล็กใช้ห้อยกระเป๋าได้ที่อยู่บนโต๊ะ แผ่นพลาสติกใสด้านหน้าซองมีบัตรนักศึกษาของเขาโชว์หราอยู่ด้านบน มือป่ายไปในกระเป๋าสะพายหลังของตนเองเพื่อคลำหาซองนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าหน้าแต่ไม่พบ วูบหนึ่งความตกใจแล่นเข้ามาในแววตา แม้จะหายไปไม่ช้าแต่คนที่เฝ้าสังเกตอยู่กลับมองเห็น


เด็กหนุ่มจ้องหน้าชายหนุ่มที่หยิบช้อนคนกาแฟในถ้วยสีขาวก่อนยกขึ้นดื่มเขม็ง คนดื่มจิบกาแฟอย่างใจเย็นค่อยๆลดถ้วยกาแฟกลับไปวางบนจานรองแล้วเงยหน้าสบตาคู่สวยที่มองอยู่


ออกไปคุยกันข้างนอกไหม
--------------------------------------------------

เสียงรถยนต์อื้ออึงดังอยู่รอบตัวแต่แบมแบมยังคงเดินตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มสวมชุดดำทั้งตัวตรงหน้าที่ย่างเท้าขึ้นไปตามช่องทางเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำเรื่อยๆ คล้ายไม่มีจุดหมาย ดวงหน้านวลซีดของคนที่ได้แต่เดินตามนั้นสงบนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาแต่ภายในมีความรู้สึกมากมายอัดแน่น


เขาไม่ใช่คนสะเพร่าแต่การหยิบซองใส่นามบัตรที่ซ่อนรูปถ่ายในอดีตอยู่ด้านหลังบัตรนักศึกษาที่ทำให้หายใจไม่ออกทุกครั้งที่เห็นทำให้เขาเลือกจะเก็บมันไว้ในช่องกระเป๋าเล็กและไม่เคยหยิบมันออกมา ในวันนั้นเขาเห็นซิปกระเป๋าเปิดอยู่แต่ไม่ได้ตรวจตราแค่ปิดมันไว้เช่นเดิม


ในที่สุดคนที่เดินนำมาตลอดทางก็หยุดเท้าหันไปเกาะราวสะพานเหล็กพลางทอดสายตาออกไปยังพื้นน้ำที่ไหวเป็นระลอกเบื้องล่างแล้วใช้มือตบราวเบาๆ เรียกให้คนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลมาหา


อิม แบมุน...ไม่มีใครบอกคุณเหรอว่า อย่าทำหน้าแบบนั้นกับผู้ใหญ่ คนตัวใหญ่กว่าว่าทั้งที่ไม่ได้หันมามอง


ทำหน้าแบบไหน


แบบที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย และคำพูดคำจาของคุณมันก็...เขาเว้นจังหวะ คุณพูดกับคนที่เก็บของมาคืนคุณแบบนี้นะเหรอ ครั้งนี้คนถามเหลือบตามาทางคู่สนทนาของตัวเองพลางยกมุมปาก


คุณต้องการอะไรคำนั้นหลุดจากริมฝีปากอิ่ม คนตัวผอมขยับเท้าเข้าไปแต่ยังรักษาระยะห่างเอาไว้


คิดว่าผมต้องการอะไรล่ะ


ถ้าคุณอยากได้เงิน บอกจำนวนมาแล้วจะโอนไปให้


เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากริมฝีปาก แต่ใบหน้าคนหัวเราะกลับเรียบเฉยยิ่งกว่ากระดาษเปล่า


คุณเห็นผมเหมือนคนหิวเงินเหรอ
 

อ้อ หรืออยากได้คำขอบคุณ...ครับ ขอบคุณ
 

คำขอบคุณผมก็อยากได้หรอก แต่คำขอบคุณจากคุณนี้คงไม่พอจะให้ผมคืนของให้หรอก
 

แล้วต้องการอะไรคำถามนั้นย้อนกลับมาอีก
 

แจ็คสันเท้าแขนไปบนราวสะพานก้มหน้ามองเรือที่แล่นผ่านไปทำให้ผิวน้ำที่สะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับราวเหลี่ยมเพชรแหวกไวกระเพื่อมแรงไปซัดริมสองฝั่ง ก่อนจะเหลียวไปหาคนผอมบางที่ยืนนิ่งอยู่ใกล้ๆแต่ก็ไกลเกินกว่าจะคว้าตัวได้ ดวงตากลมโตสงบหากมีประกายความร้อนราวกับคลื่นใต้น้ำแฝงอยู่ พร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มขยับเปล่งถ้อยคำออกมา


ไปอยู่กับผม
 

แบมแบมชะงักทันทีที่ได้ยินความต้องการของอีกฝ่าย มองทอดไปยังนัยน์ตาคมยามสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามอัสดงเป็นสีน้ำตาลอ่อนสวยนั้นไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกครา หากมีความอ่อนละมุนเร้นอยู่ในนั้น


หึ คนตัวผอมร้องออกมาในลำคอ ลอบสูดลมหายใจเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ถึงโทสะที่วิ่งเวียนอยู่ภายใน รสนิยมของคุณ เป็นแบบนี้สินะ ถ้าคุณชอบนอนกับเด็กหนุ่มก็ไปหาเอาที่บาร์โฮสต์ ไม่ใช่กับผม
 

ประโยคนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูงแล้วหลุดหัวเราะออกมาอีก
 

คุณคิดว่าผมอยากนอนกับคุณเหรอ ให้ตาย ที่จริงผมไม่ได้คิดมาก่อนเลยนะ แต่ถ้าคุณเสนอผมก็สนองให้ได้นะ
 

เด็กหนุ่มจ้องเขม็งมือทั้งสองข้างกำแน่น ความเครียดเคร่ง ใบหน้ายังคงไม่มีความรู้สึกแต่เส้นเลือดตรงขมับปูดโปน...บัตรนักศึกษาไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเท่ากับรูปถ่ายของแม่กับรูปถ่ายของพ่อ คุณน้าและตัวเขาที่เหลือรอดมาจากการลบร่องรอยตอนที่เขายังอยู่ประเทศไทยไป
 

...หรือมันจะดีกว่าถ้าจะปล่อยภาพที่ทำให้คิดถึงคนที่จากไปแทบบ้านั่นไป...


ถ้าคุณอยากปั่นหัวผมด้วยการเอาบัตรนักศึกษาของผมมาเป็นเครื่องมือ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว
 

มันไม่สำคัญกับคุณจริงๆเหรอ
 

ก็แค่บัตรนักศึกษา ทำใหม่เมื่อไหร่ก็ได้
 

แต่คุณยอมตามผมมา แถมเมื่อกี้คุณยังเสนอเงินให้ผม ถ้ามันไม่สำคัญทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้น
 

ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วเสียงหวานปนแหบเน้นทีละคำชัดเจนพร้อมหันหลังก้าวเท้าไปข้างหน้าทั้งที่ในใจยังลังเลแต่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้
 

งั้นถ้าผมโยนทิ้งแม่น้ำก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม เสียงแหบต่ำดังอยู่เบื้องหลังแต่ไม่ทำให้คนตัวผอมหยุดฝีเท้ากระทั่งมีเสียงเหล็กกระทบราวทำให้เขาเหลียวกลับไปและได้เห็นซองหนังใส่บัตรและรูปถ่ายหลุดจากมือใหญ่เลื่อนไถลร่วงจากสะพาน ในท้ายที่สุดสิ่งที่คิดว่าทิ้งได้กลับมีความหมายเกินกว่าจะทิ้ง พลันมือผอมคว้าราวสะพานเหล็กแล้วปีนจะข้ามไปหมายจะตามเก็บสิ่งที่ถูกโยนลงไปเมื่อครู่
 

แจ็คสันที่ขยับตามหลังมาอยู่แล้วกระโจนพรวดเดียวก็คว้าเอวผอมนั้นกอดไว้กับตัวแล้วลากพ้นออกมาจากราวสะพาน แม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรน ศอกแหลมถ่องเข้าหน้าท้องหลายหนแต่เขาไม่สะดุ้งสะเทือน
 

ไหนว่าไม่สำคัญ ถึงขั้นยอมกระโดดสะพานไปตามเก็บเนี่ยนะ


สารเลวคนตัวเล็กกว่าสบถออกมาอย่างเคียดแค้นความเย็นชาฉาบหน้าไว้ไม่อยู่ มือทั้งสองข้างกำแน่นสั่นเทาซัดเอาข้างแก้มของอีกคนถนัดถนี่แต่คนตัวใหญ่กว่าไม่ไหวติงเพียงสอดนิ้วไว้ในพวงกุญแจและปล่อยซองหนังที่มีบัตรนักศึกษาอยู่ภายในออกมาให้เห็น
 

แค่อยู่กับผมสักสองสามเดือน มันน่ากลัวกว่าตายอีกเหรอ
 

ผมไม่เคยกลัวคุณ
 

ถ้าไม่กลัวก็ไปอยู่ด้วยสักพัก พอผมเบื่อ ผมจะคืนของและปล่อยคุณกลับมาพร้อมกับเงินค่าตอบแทน
 

ผมไม่ใช่พวกขายตัว
 

ผมก็ไม่เคยพูดว่าคุณเป็น
 

ให้ตายผมก็ไม่นอนกับคุณหรอกนะ
 

ผมก็ไม่ได้ให้คุณไปอยู่เพราะอยากนอนกับคุณ
 

แล้วจะให้ผมไปอยู่กับคุณทำไม
 

นั่นเป็นสิทธิ์ที่ผมจะไม่ตอบ แต่ผมบอกได้แค่ว่า ผมไม่มีอารมณ์กับร่างกายพังๆของคุณหรอก...แล้วนี้จะกระโดดสะพานอีกไหม ถ้าไม่คุณก็หยุดดิ้นผมจะได้ปล่อยคุณ
 

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นยากจะคาดเดา แขนแข็งแรงนั้นยังคงกอดเอวผอมไว้แน่น กระทั่งอีกฝ่ายนิ่งหยุดดิ้นรนแขนนั้นจึงปลดออกจากเอว พอคนตัวผอมเป็นอิสระหมัดขวาถูกปล่อยเข้าใส่แต่ถูกอีกคนใช้มือรับเอาไว้
 

ผมรู้บัตรนักศึกษานั้นไม่ได้สำคัญกับคุณเท่ารูปถ่ายครอบครัวที่คุณเก็บไว้หลักบัตรนักศึกษาหรอก ถ้าคุณอยากได้มันคืนก็ทำตามที่ผมบอก คนตัวใหญ่หยุดพูดพลางหยิบนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็ตแก็ตหนังที่สวมอยู่ด้วยมือข้างที่ว่างส่งให้ ผมให้เวลาคุณสองวัน ถ้าคุณไม่ติดต่อมา ผมจะเผามันทิ้ง
 

แจ็คสันทิ้งท้าย แววตาคมกริบที่ประสานมายังอีกฝ่ายกระด้างแข็งและไม่มีความปราณีใดให้สัมผัส ก่อนที่ร่างใหญ่นั้นจะหันกลับเดินไปทางเก่า
 

แบมแบมมองตามคนที่ก้าวห่างจากสายตาไปทีละน้อย สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนัก เขาเคยคิดว่าตัวเองไร้ความรู้สึกแต่ผู้ชายคนนี้ปลุกความโกรธ เกลียดที่กดไว้ให้ระเบิดออกมา...เขาใช้เวลาเพียงนาทีเดียวในการตัดสินใจวิ่งไปดึงชายเสื้อของคนที่มีอำนาจต่อรองเหนือกว่าตน


ผมจะไปกับคุณ” 



You Might Also Like

0 Comments