LOVE TOXICAL : KANPAGNE CHAPTER 5

23:22


เปลือกตาของคนตัวใหญ่ที่นอนเหมือนตายอยู่บนเตียงขยับลืมขึ้นช้าๆ แสงอาทิตย์ยามสายในฤดูใบไม้ร่วงเคลื่อนตัวสาดแสงแรงผ่านบานหน้าต่างใสลงมายังคนที่ขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง อาการปวดหัวแล่นเข้ามาแต่เจ้าตัวเพียงปรายมองแขนที่มีผ้าพันอยู่และเหลือบยังเสื้อแขนยาวสีดำกับยีนส์ที่พับวางอยู่บนหัวเตียงมีโน้ตสั้นๆเขียนว่า ให้ยืมไปก่อนใส่สลิปเปอร์หัวลูกสุนัขที่อีกคนวางไว้ให้ลุกไปอาบน้ำ


ภายในบ้านเงียบคล้ายไม่มีคนอยู่ ชายหนุ่มยืนมองพื้นห้องนั่งเล่นที่ถูกทำความสะอาดอย่างดีราวกับไม่เคยมี คราบเลือดเปื้อนก่อนจะเงยหน้าไปยังร่างเล็กสวมสเวตเตอร์สีขาวที่ยกลังกระดาษใบหนึ่งจากโรงปั้นมาวางบนชานบ้านตรงหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิดอยู่


ตื่นแล้วเหรอ


อืมตอบด้วยเสียงในคอ คุณทำอะไรอยู่


เคลียร์สต็อกเซรามิกส์น่ะ...มันมีพวกที่ไม่ผ่าน QC แต่ใช้งานได้เลยว่าจะเอาไปบริจาค


ให้ผมช่วยไหม


ไม่ต้องหรอก ทำเสร็จพอดี


ไม่มีสอนปั้นเหรอ


วันนี้ผมหยุดน่ะเจ้าของบ้านว่าขณะก้าวขึ้นมาบนชานบ้านเดินไปเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างพิจารณา เสื้อใส่พอดีไหม


อืม...ไปซื้อมาเหรอ


เปล่า เสื้อผ้าพี่ชายผมเองแหละ แล้วนี่ ปวดหัวไหม เจ็บแผลหรือเปล่า หิวหรือยัง


หัวปวดนิดหน่อย แผลไม่เจ็บ หิวแล้วเขาตอบคำถามที่มาเป็นชุดเลยถูกไล่ให้ไปรอในครัว


ชายหนุ่มนั่งมองคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาในครัวหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่ใกล้ตู้เย็นมาสวม จัดแจงยกหม้อซุปที่อยู่ในตู้เย็นออกมาอุ่นและเริ่มหั่นของสำหรับทำกับข้าวอยู่หน้าโต๊ะกลางเลยลุกเดินไปหา


เมื่อวานขอโทษนะที่ทำให้คุณวุ่นวาย


ไม่เป็นไร


ซุปผักยังอยู่ดีใช่ไหม


อยู่บอกเสร็จก็วางมือจากเขียงหันไปหาหม้อซุปที่เพิ่งปิดไฟหยิบชามใบเล็กมาตักแล้วยื่นให้ นี่ กินรองท้องไปก่อนเลย


นี่ผักเหรอ ทำไมหน้าตามันดูไม่เหมือนเลย


ก็บอกแล้วว่าจะทำไม่ให้เหมือนผัก ผมซื้อพิมพ์ทำอาหารมาเยอะเลยนะ วันหลังคุณจะได้กินผักได้


อา...เขาร้องออกมาคำหนึ่งแล้วกลั้นใจตักซุปเข้าปาก


โอเคไหม


ก็กินได้


งั้นก็กินให้หมด หมดแล้วจะเติมให้อีก


มากไป


ก็ได้ ก็ได้ กินถ้วยนั้นหมดก็พอ


คนตัวเล็กยอมลดให้ตามคำขอแล้วกลับมาหั่นของบนเขียงต่อ คอยมองคนที่กำลังตักซุปเข้าปากเป็นระยะคล้ายมีคำถามติดในใจได้แต่รอจนเขาวางถ้วยลงกับอ่างเลยเปิดปาก


นี่ ผมถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม”  


อืม


คุณทำงานอะไร”   


งานน่ะเหรอ ก็ทำหลายอย่าง”   


เอาแค่งานเมื่อวาน งานที่ทำให้คุณเจ็บตัวแววน้ำเสียงคนพูดมีความแข็งเจืออยู่


ให้ตอบแบบจริงๆหรือโกหก


จริงๆ


ไปทวงหนี้น่ะ


คุณเป็นพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบเหรอ” 


ไม่เชิง เพราะผมไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนกู้ ต้องเป็นคนที่มีหน้าที่ทางสังคมกับหลักประกันใหญ่พอถึงจะยอมให้กู้


เมื่อวานที่เจ็บมาแบบนั้นเพราะไปทวงหนี้หรือเปล่า


ไม่แน่ใจแต่คิดว่าน่าจะเกี่ยว


แผลเป็นบนตัวคุณ นั่นก็มาจากงานนี้ด้วยใช่ไหม


ก็ใช่ แต่ไม่ทั้งหมดหรอก...มีหลงมาจากงานอื่นเหมือนกัน


เพียงได้ยินคำตอบอีกคนที่ง่วนกับการเตรียมอาหารถอนหายใจก่อนพูดสิ่งที่อยู่ในใจ


เลิกทำงานนี้ได้ไหม


หื้อฝ่ายที่ยืนกอดอกอยู่ย่นหน้าผาก คุณว่าไงนะ


ผมบอกให้คุณ เลิกทำงานนี้ ไม่สิ เลิกทำงานที่เสี่ยงอันตรายทั้งหมดเลยดีกว่า


งานผมมันก็เสี่ยงแบบนี้แหละ แต่ไม่ได้เสี่ยงตายทุกวันหรอก


คุณเป็นนักเลงในแก๊งค์มาเฟียเหรอ ถึงทำแต่งานอันตราย


ไม่ใช่


งั้นทำแต่งานที่ปลอดภัยได้ไหม ทิ้งงานที่เสี่ยงภัยไปเถอะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่า คุณได้เงินจากการทำงานเสี่ยงๆพวกนั้นเท่าไหร่ แต่ถึงขั้นเลือดตกยางออกแบบนี้เลิกทำเถอะ ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนมีเงินอะไร แต่อาหารกับที่อยู่ ผมให้คุณได้นะ คนตัวเล็กว่าแล้วเม้มริมฝีปากหยุดหั่นเต้าหู้ที่อยู่บนเขียงเงยหน้ามาหาด้วยแววตาจริงจัง


คนตัวใหญ่กระพริบตาแลท่าทีเอาจริงของอีกคนด้วยความประหลาดใจก่อนยกมือลูบผมอีกคนไปมาด้วยรอยยิ้มบางตรงมุมปาก


ยากไป ผมทำไม่ได้หรอก


ทำไม


ก็ผมอยู่มาแบบนี้ เอาจริงๆ คนอย่างผมน่ะเป็นประเภทไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกปวดเหมือนชาวบ้านเขาไม่เป็นและผมก็ใช้ชีวิตอยู่ในโลกสีดำที่มีแต่เรื่องเงินกับผลประโยชน์แบบนี้จนชินแล้ว


ชีวิตแบบนั้นมีความสุขเหรอ


ไม่มีความสุขหรอก ชีวิตผมไม่เคยมีความสุขหรอก...ทุกวันนี้ที่ผมยังอยู่มันก็แค่อยู่ไปแบบแก่นๆ ทำอะไรที่อยากทำ ใช้เงินเท่าที่อยากใช้ บางครั้งอยู่ไปมันก็เหนื่อย เหนื่อยจนคิดว่าตายแล้วน่าจะง่ายกว่าอยู่ และถ้าสมมุติพรุ่งนี้เกิดตายขึ้นมาจริงๆผมก็ไม่แคร์ จะอยู่หรือตายคนอย่างผมก็ไม่มีความหมายอะไรกับโลกเส็งเคร็งใบนี้นักหรอก


ถ้อยคำที่เปล่งออกมาอย่างไม่รู้สึกอะไรกับชีวิตของตัวเองทำให้ซึงฮวังเม้มริมฝีปากพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดที่ค่อยๆเอ่อล้นจนแน่นไปทั้งอก มือเรียวที่เริ่มหั่นไก่บนเขียงเริ่มสั่นจนสุดท้ายต้องวางมีดลง


ทำไม...ถึงพูดแบบนั้น


พูด...พูดแบบไหน


ที่ว่าจะอยู่หรือตายก็ไม่มีความหมายอะไร ทำไมถึงพูดออกมาง่ายๆ


ก็ไม่ได้พูดยากอะไรนี่ ชีวิตผมมันเป็นแบบนั้น


คุณคิดว่า ชีวิตคุณมันไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ...คุณคิดว่า ถึงคุณจะเจ็บหรือตายก็ไม่มีคนเสียใจกับคุณเหรอ


ก็คงแบบนั้น


ถ้าคิดอย่างนั้น ก็ออกไป


ฮะ...อะไรนะ


ถ้าคุณคิดว่า คุณจะทำยังไงกับชีวิตของคุณก็ได้ ไม่มีใครทุกข์ร้อนหรือเจ็บปวดกับคุณแล้วล่ะก็ ออกไป ออกไปจากบ้านผม เดี๋ยวนี้เลยคนตัวเล็กก้มหน้ายื่นแขนชี้นิ้วไปที่ประตู ไหล่บางทั้งสองเริ่มสั่น


เป็นอะไร โกรธอะไรเหรอ คนตัวใหญ่กว่าว่าพลางมองคนที่ก้มหน้านิ่งงันกระทั่งเห็นน้ำหลายหยดร่วงจากหน้าอีกคนลงมากระทบบนมีดรอยยิ้มที่มีบนใบหน้าก็หายไปทันทีพร้อมกับมือที่ยื่นไปหา


อย่ามาแตะ พอสัมผัสถูกตัวอีกคนก็สะบัดออกแล้วถอยหลังไปจนชิดกับช่องว่างระหว่างเคาน์เตอร์ครัวและโต๊ะกลางเตรียมอาหาร อีกฝ่ายก้าวเท้าตามไปพยายามจะจับคนที่ซ่อนหน้าด้วยการก้มไว้แต่ก็ถูกมือของอีกคนปัดทิ้งอย่างแรง ยื้อกันไปมาอยู่เช่นนั้นหลายนาทีสุดท้ายคนตัวใหญ่ตัดสินใจใช้แรงบังคับจับแขนผอมทั้งสองข้างของอีกคนตรึงไว้กับมือเลยได้เห็นหยดน้ำที่ไหลลงมาอาบแก้ม


เฮ้ ร้องไห้เหรอ ร้องไห้ทำไม


ไม่ ไม่ได้ร้อง


ก็เห็นอยู่ว่าร้อง


 “ผมร้องไห้แล้วยังไง สนใจด้วยเหรอ คุณสนใจด้วยเหรอว่าผมรู้สึกยังไง


สนใจสิ


ถ้าสนใจจริงทำไมถึงพูดแบบนั้น ทำไมถึงพูดว่าถึงคุณเจ็บหรือตายก็ไม่เป็นไร  ถ้าคิดแบบนั้น คุณก็ไม่ควรมาที่นี่อีก ไม่ควรเข้ามาในชีวิตคนอื่น ไม่ควรเข้ามาทำให้คนอื่นเขาผูกพัน ไม่ควรเข้ามาทำให้คนอื่นเห็นคุณมีความหมายกับเขา เจ้าของบ้านพูดทั้งน้ำตาพยายามดึงแขนตัวเองกลับและหลบไม่ให้อีกคนเห็นหน้า


อา...


ถึงผมจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับคุณ แต่ทุกครั้งเวลาคุณมาที่นี่ผมดีใจมากเลยนะ เวลาที่เราอยู่ด้วยกันคุณยิ้ม คุณผ่อนคลาย ดูคุณมีความสุขนั่นเป็นการแกล้งทำเหรอ ผมกับบ้านหลังนี้ไม่เคยเป็นกระทั่งเสี้ยวความสุขสักวินาทีของคุณเลยเหรอ  คุณรู้ไหม เมื่อวานนี้ตอนคุณไม่มา ผมกังวลจนกินข้าวไม่ลง นอนก็ไม่หลับต้องลุกมาทำงาน ผมรอทั้งที่รู้ว่ามันเลยเวลาแล้ว ผมอยากโทรหาคุณ อยากส่งข้อความหาคุณ อยากแน่ใจว่าคุณไม่เป็นไร แล้วคุณก็มา มาด้วยสภาพแบบนั้น ผมตกใจ ผมสั่น ผมเป็นห่วงคุณจนจะบ้าอยู่แล้ว


ถ้อยคำพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำป่าที่ไหลจากยอดเขาสู่ธารน้ำในหน้าฝนนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์เศร้า คนตัวเล็กพูดทั้งน้ำตาด้วยเสียงสั่นเครือพลางหอบราวกับหายใจไม่ทัน ไหล่บางทั้งสองข้างสะท้านไหวจากแรงสะอื้น คำถามที่มาจากความวิตกกระวนกระวายใจจากอีกคนทำให้หัวใจคนฟังกระตุกเป็นห้วงและอ่อนไหว


ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีสักครั้งที่ใครจะพูดกับเขาแบบนี้ ไม่เคยมีใครที่ร้องไห้เวลาเขาเจ็บ แต่นางฟ้าของเขากำลังร้องไห้เพื่อให้คนอย่างเขา...เป็นครั้งแรกที่มีคนร้องไห้เพื่อเขา


...ในความรู้สึกผิดมีความยินดีรวมอยู่...


กวังรยอลมองพลางสูดลมหายใจแล้วดึงแขนทั้งสองข้างของอีกคนเข้าหาตัวแล้วกอดไว้ในอ้อมแขน แม้อีกคนจะพยายามดิ้นหนีบอกไม่ให้แตะแต่เขาไม่ยอมปล่อย จมูกโด่งซุกลงบนเรือนผมหอมใช้ปลายนิ้วเคลียแก้มนุ่มไว้


ไม่ร้องนะคนดี ไม่ร้องเขาพร่ำคำนั้นออกมาใช้มือลูบหลังบางไปมาเบาๆ แม้จะถูกมือและแขนอีกคนกระแทกหลายต่อหลายทีก็ยังไม่ยอมปล่อย คนที่ร้องไห้จนหอบเริ่มหมดแรงได้แต่ยืนนิ่งเอนหัวพิงกับอกกว้างพลางสะอื้นฮักอย่างน่าสนใจทำให้อ้อมแขนอุ่นยิ่งกระชับไว้แน่น


ตอนที่ ที่ผมเห็นแผลเป็นบนตัวคุณ ผมคิด คิดว่า มันมายังไง ใครเป็นคนทำ คนพวกไหนที่ทำแบบนี้กับคุณ เขามีสิทธิ์อะไร  ผมโกรธ ผมเจ็บ...เจ็บมากแต่พูดออกมาไม่ได้ เพราะ เพราะว่า ถ้าพูดออกมาผมกลัว กลัวว่าคุณอาจจะเจ็บอีก แต่ แต่ คุณ คงไม่รู้สึกอะไร มีแต่ผม ผมคนเดียวที่เจ็บ เสียงนั้นเริ่มอ่อนและตะกุกตะกักเพราะต้องหอบเอาอากาศเข้าไปหายใน คางที่เชิดขึ้นทำให้เห็นใบหน้าขาวที่แดงก่ำ


ไม่เอานะ...ไม่ร้องสิ ผมขอโทษ


ชายหนุ่มก้มลงประทับริมฝีปากเบาๆบนเปลือกตาและขมับของอีกคนหลายต่อหลายครั้ง...ภายในอกอุ่นอวลแม้จะรู้สึกแย่อย่างยิ่งที่ทำให้อีกคนร้องไห้แต่ก็เก็บความสุขจากความห่วงใยของอีกคนไว้ไม่ได้จนหลุดยิ้มออกมา


หื้อ...ผมทำคุณเจ็บเหรอถามพลางดึงมือเล็กที่อยู่บนอกมาจูบเบาๆ เจ็บใช่ไหม เจ็บมากไหม เจ็บก็ตีผมสิ เจ็บตรงไหนก็ตีผมตรงนั้น


ไม่


ตีผมดีกว่า เจ็บก็ตีแต่อย่าร้อง


สนใจ...ทำไม


ไม่เอาสิ อย่าพูดแบบนั้น


ก็คุณ...คุณใจ...ใจร้ายมาก


ผมเป็นคนใจร้าย...ใจร้ายมากๆเลย จะโกรธผมก็ได้ จะด่าก็ได้แต่อย่าเกลียดผมเลยนะ อย่าร้องไห้ด้วย คนตัวใหญ่จูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน


ผม ไม่ ไม่ได้ เกลียดคุณ


ถ้าไม่เกลียดก็อย่าร้อง...คุณร้องไห้แบบนี้ผมปวดใจนะ


ปวดใจเป็นด้วยเหรอคนในอ้อมแขนถามยังคงสะอื้น


เป็นสิ..ทำไมจะไม่เป็น ในเมื่อผมทำนางฟ้าของผมร้องไห้


ผมไม่ใช่นางฟ้า


ใช่สิ คุณเป็นนางฟ้าของผมนะ...ง่า อย่าร้อง  ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจทำคุณเจ็บ ผมแค่ชินกับการอยู่ในโลกที่ไม่มีใครสนใจผมอย่างจริงใจ ผมเลยไม่รู้ ไม่รู้ว่าตัวเองสำคัญกับคุณ...ใช่ไหม ผมสำคัญกับคุณใช่ไหม
งืม


คุณก็สำคัญกับผมนะ เพราะงั้นอย่าร้องอีกเลย เอาแบบนี้ไหม ผมสัญญา ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำอะไรให้คุณเป็นห่วง งานที่เจ็บตัวก็จะไม่ทำด้วย


ถ้าคุณไม่ได้ทำเพราะรักตัวเอง แต่ทำเพราะผมก็อย่าทำ


ทำไมล่ะ ผมทำเพราะตัวเองและเพราะคุณด้วยไม่ได้เหรอ...


แบบนั้นก็ไม่เป็นไรคนตอบยกมือที่อยู่ตรงอกกว้างเช็ดน้ำตาที่ยังไหลและกายยังคงสั่น


ชู่ว์ หยุดร้องเถอะ ถ้าไม่หยุดผมจะจูบคุณนะ


ก็มัน...มัน ไม่ยอมหยุด


คุณคงไม่ค่อยได้ร้องไห้


งืม


ผมนี่เลวจัง ทำคุณร้องไห้ แต่ผมก็ดีใจนะ


ดีใจอะไร


ดีใจที่คุณร้องไห้ให้ผม...ถึงจะรู้สึกแย่ที่ทำคุณร้องไห้ แต่ว่าชีวิตผมน่ะไม่เคยมีใครร้องไห้ให้หรอกนะ  คุณเป็นคนแรก คนแรกที่ทำหลายๆอย่างที่ผมไม่เคยได้ให้


มือใหญ่คว้ามือเล็กที่เปื้อนน้ำตามาจูบอีกหนมองนัยน์ตากลมพราวหยดน้ำที่เหลือบมาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง
ให้อภัยผมเถอะ


อืม...แต่อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ


จะไม่พูดอีกแล้ว...ไหน ดูหน่อยสิ ตาแดงแค่ไหนแล้ว ถามแล้วก็อุ้มคนตัวเล็กกว่าลอยจากพื้นพลางยื่นหน้าไปจูบเบาๆที่แก้ม คุณไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะ ยิ้มให้ผมหน่อยสิ


ถึงจะขอแต่อีกฝ่ายที่ไม่รู้ตัวว่าถูกเนียนทั้งหอมทั้งจูบเพียงสูดน้ำมูกยังไม่ยอมยิ้ม


นี่ คุณจำได้ไหม ที่คุณเคยบอกผมว่า คุณอยากเลี้ยงหมา แต่คุณแพ้ขนหมาเลยเลี้ยงไม่ได้น่ะ


อืม


ถ้าเลี้ยงหมาจริงๆไม่ได้ ก็คิดซะว่าผมเป็นหมาของคุณก็ได้นะ


ห๊ะ


ผมจะเป็นหมาที่ปกป้องคุณ คอยดูแลคุณ จะไม่ยอมให้ใครกระทั่งผมเองทำคุณร้องไห้อีก...ให้ผมเป็นหมาของคุณได้ไหม


ซึงฮวังจ้องหน้าคมที่เลิกคิ้วสูงรอ ริมฝีปากนั้นเหยียดเป็นรอยยิ้มกว้างอบอุ่นผิดจากทุกคราทำให้เขาเม้มริมฝีปากอยู่หลายนาทีกว่าจะยอมยิ้มตอบ


ถ้าเป็นหมาก็ต้องเห่าได้สิ


ก็เป็นหมาแบบไม่เห่าไง


แล้วเรียกว่า หมาน้อยได้หรือเปล่า


อยากเรียกอะไรก็เรียกเลย


จริงนะ งั้นต่อไปเวลาอยู่ด้วยกันผมจะเรียกคุณแบบนั้นนะ


จ๊ะกวังรยอลตอบสั้นปล่อยปลายนิ้วนุ่มของอีกคนไล้ไปบนหน้าผากปัดเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าไปข้าง


...หัวใจยามเห็นรอยยิ้มหวานตรงหน้าเต้นโครมคราม...


...ไม่สิ ที่จริงมันเต้นแรงเสียตั้งแต่เมื่อวานที่อีกคนกอดเขากล่อมนอนแล้ว...


หิวหรือยัง


ไม่อ่ะ กินซุปไปแล้ว...คุณล่ะหิวไหม


หิว แต่ทำกับข้าวไม่ลงแล้ว


งั้นกินซุปผักไป


ไม่อยากกิน


แล้วอยากกินอะไรล่ะ


กินขนม...ช็อกโกแลต


โอเค ถ้าอยากกินเราออกไปซื้อกัน


ไปฉีดยากันบาดทะยักกันก่อนค่อยไปซื้อ


ไปด้วยกันใช่ไหม


อืม ไปด้วยกัน


อุ้มไปทั้งอย่างนี้ได้ไหม


555 เดี๋ยว คนก็ตกใจกันทั้งเมือง


ไม่ได้เหรอ โอเค ไม่ได้ก็ไม่ได้


คนตัวใหญ่สบตากับคนตัวเล็กนิ่งนานราวกับไม่อยากให้ช่วงเวลานี้สลายไปแต่สุดท้ายก็จำใจวางร่างบางลงก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากบ้านไปโดยที่มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้ จนมาถึงคลีนิคประจำชุมชนซึ่งมีพยาบาลวัยกลางคนคอยดูแลพอเห็นหน้าคนตัวเล็กก็เดินเข้ามาจับแขนทักทายอย่างเป็นมิตร


ไม่เห็นมาที่คลินิกนานเลย วันนี้เป็นอะไรมาคะ


พาเพื่อนมาฉีดวัคซีนกันบาดทะยักครับ


อ้อ ได้ค่ะ เชิญทางนี้นะคะ กรอกประวัติในนี้ก่อนแล้วนัดรอนะคะ นางแนะนำยื่นเอกสารกับปากกามาพลางเงยหน้าเขม่นมองคนตัวใหญ่ที่ตีหน้าไร้อารมณ์เพราะได้ยินประโยคจากอีกคนเรียกตัวเองว่า เพื่อน เต็มหู


...ไม่ใช่เพื่อน...


อาจารย์มาวันนี้พอดีเลยค่ะ คุณหมอหยางอยู่พอดี


อา พี่หมอมาเหรอครับ


ค่ะ เห็นคุณหมอบ่นถึงอาจารย์อยู่เลย แล้วนี่เพิ่งเห็น ทำไมหน้าแดงจังคะ ไม่สบายหรือเปล่า ยังไงพอเพื่อนฉีดวัคซีนเสร็จแล้วอาจารย์ให้คุณหมอตรวจด้วยนะคะ


ชายหนุ่มมองเจ้าของร่างบางที่พยักหน้าสนทนากับนางพยาบาลคนนั้นซึ่งเอาแต่พูดถึงหมอไม่หยุดพลางกรอกตาไปมาโดยไม่พูดอะไร นั่งรอจนถึงคิวตัวเองก็เปิดประตูเข้าไปพร้อมกับคนที่พามา


ไงตัวเล็ก พาเพื่อนมาฉีดวัคซีนเหรอ ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่สวมชุดกราวน์สีขาวหันหน้าดุของตัวเองมาหา เมื่อเห็นคนคุ้นเคยส่งรอยยิ้มมาก็ยิ้มกลับทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างหรี่ตามองชื่อนายแพทย์ที่ดูเหมือนจะรู้จักกับคนตัวเล็กดีซึ่งปักอยู่บนอก


...นายแพทย์หยาง ดาอิล...


เพราะความไม่เคยเห็นการใช้ชีวิตและผู้คนที่อีกฝ่ายคบหาในเวลาอื่น เมื่อได้เห็นว่ามีคนรอบตัวซึ่งเขาไม่รู้จักแต่ดูสนิทสนมกับอีกคนถึงขนาดเรียก ตัวเล็ก นี่มันก็ออกจะสนิทมากไปไหม


ครับ พอดีเพื่อนผมโดนมีดบาดมา


มีดบาด...ขอดูแผลหน่อยได้ไหมครับ คนเป็นหมอกวาดตามองคนไข้ที่ยังทำหน้านิ่งอย่างพินิจ จับแขนข้างที่มีผ้าพันแผลให้ดู พอเปิดจนเห็นแผลเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้น แผลขนาดนี้มันไม่น่าใช่มีดบาดแล้วนะ...ผมคงต้องให้เย็บแผลก่อนถึงจะฉีดวัคซีนได้


ครับ จะเย็บก็เย็บ


เดี๋ยวผมจะให้พยาบาลมาเย็บแผลกับฉีควัคซีนให้คุณนะครับ...คุณนาบีครับ เชิญข้างในหน่อยครับ เสียงทุ้มเรียกพยาบาลให้เข้ามาหาและยกหน้าที่เย็บแผลไปให้


กวังรยอลมองคนเป็นแพทย์ที่กวักมือเรียกคนที่พามาฉีดยาให้มานั่งใกล้ๆ ส่งปรอทวัดไข้ให้อีกคนอมใต้ลิ้นเพื่อวัดไข้ รู้สึกไม่ค่อยชอบใจแต่ก็เลือกจะนิ่งรอดูท่าทีไปก่อน


ดาอิลรับปรอทวัดไข้ที่น้องชายของเพื่อนซึ่งเขาเคยอยู่และเห็นกันมาตั้งแต่เด็กออกมาดูอุณหภูมิร่างกายแล้วมองหน้าที่ยังเป็นสีแดงจางๆ พลางปรายตามองผู้ชายท่าทางอันตรายที่นั่งเย็บผ้าอยู่อีกฟากของห้อง


ตัวเล็ก...พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม


ครับ


ผู้ชายคนนั้นนะ...เป็นเพื่อนเราเหรอ


ใช่แล้ว


ไปรู้จักกันได้ยังไง


บังเอิญเจอกันที่สวนสาธารณะครับ


ไว้ใจได้แน่ใช่ไหม คนในบ้านรู้หรือเปล่าว่าเราคบกับเพื่อนคนนี้น่ะ


ไม่ต้องห่วง เขาแค่ตัวใหญ่แต่ไม่ได้น่ากลัวหรอกนะ อีกอย่างผมก็บอกแม่แล้วว่ามีเพื่อนใหม่ เคยส่งรูปให้แม่ดูด้วย แม่เขายังบอกเลยว่าหล่อดี


ส่งรูปให้ดู...นี่ถ่ายรูปด้วยกันเหรอ ไหนเราบอกพี่ว่าไม่ชอบถ่ายรูปไง


ผมไม่ได้ถ่ายรูปกับเขานะ ไม่ได้แอบถ่ายรูปเขาส่งไปด้วย แต่วาดรูปเหมือนเขาไปให้แม่เขาดูแทน


ฮันเฮกับแจโฮรู้ด้วยหรือเปล่า


รู้สิ...ผมบอกทุกเรื่องกับคนในครอบครัวอยู่แล้ว พี่หมอก็รู้ เมื่อได้ยินคำตอบอีกคนได้แต่ถอนใจเพราะรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามโกหกใครไม่เป็น


แล้วแผลของเพื่อนเราล่ะ ได้มายังไง


มีดบาดไงครับ


เฮ้อ ตัวเล็ก...ตัวเล็กเข้าใจไหม เราน่ะเป็นคนใจดี แต่อย่าใจดีมากไปนะ อย่างเพื่อนใหม่เรานี่ดูไม่ใช่คนแบบที่เราน่าเข้าใกล้สักเท่าไหร่เลยนะ


ผมก็บอกแล้วนะว่าเขาไม่ได้น่ากลัวแบบที่เห็น จริงๆนะ พี่หมอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อา ถอนหายใจอีกแล้ว พี่หมอนี่ชอบถอนหายใจอยู่เรื่อย ดูหน้าสิ หน้าผากเป็นรอยหมดแล้ว นิ้วเรียวนุ่มยื่นไปแตะรอยย่นบนหน้าผาก ฝ่ายที่เพิ่งทำแผลและฉีดวัคซีนเสร็จเห็นเข้าลุกพรวดเข้าไปแทรกกลางวง


หมอครับ...ผมเย็บแผลกับฉีดวัคซีนแล้ว ต้องทำอะไรอีกไหม


ครับ...เชิญคุณนั่งก่อน เราต้องคุยกันเรื่องอาการของคุณ นายแพทย์หนุ่มบอกกับคนไข้แล้วหันไปหาน้องชายของเพื่อน ตัวเล็กไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ต้องคุยกับคนไข้เป็นการส่วนตัวหน่อย


ครับ...ผมไปรอข้างนอกนะคนรับพลางยื่นมือมาแตะไหล่ของคนเจ็บจึงเดินออกจากห้องไป


บรรยากาศภายในห้องตรวจที่เหลือเพียงหมอกับคนไข้ทั้งเงียบและอึดอัด ฝ่ายหนึ่งกอดอกนั่งไขว่ห้างพิงพนักเก้าอี้ อีกคนเคาะปากกาบนโต๊ะด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนจะคุยกันด้วยอาการป่วย


คุณ ชเว กวังรยอล


ครับ


หมอดูแล้วนะครับ แผลของคุณเป็นแผลโดนฟันนะไม่ใช่โดนมีดบาด


ครับ


ถ้าคุณไม่ได้ทะเลาะวิวาทแต่โดนคนร้ายปล้นและทำร้ายร่างกาย คุณควรแจ้งตำรวจนะครับ


ครับ


หมอแค่แนะนำนะครับ คุณจะทำหรือไม่ทำตามก็ได้ แล้วหมอจะจ่ายยาแก้อักเสบไปให้ เอาใบนี้ไปให้พยาบาลนะครับแล้วเธอจะจัดยาให้


ครับ ขอบคุณมากชายหนุ่มรับใบสั่งยาที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ อ่านแทบไม่ออกมาไว้ในมือแล้วโค้งให้แบบแก่นๆ แต่พอหันหลังจะเดินไปเท่านั้นก็ถูกเรียกไว้ด้วยคำถามเลยต้องหันกลับมา


คุณรู้จักกับซึงฮวังนานหรือยังครับ


ทำไมเหรอครับ


ก็ไม่ทำไมครับ แค่อยากจะบอกอะไรคุณไว้หน่อย


ครับ ว่ามาเลย


ซึงฮวังน่ะ เขาเป็นคนใจดีครับ เป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร และเขาก็โชคดีตรงที่เป็นคนดีที่ดึงดูดแต่คนดีๆเข้ามาหา แต่ดูคุณไม่ค่อยจะเข้าข่ายเลย เพราะงั้นถ้าคุณคิดทำอะไรที่ไม่ดีกับเขาหรือทำให้เขาเสียความรู้สึกล่ะก็ ผมหรือคนรอบข้างเขาไม่ยอมหรอกนะครับ


คนเจ็บกอดอกแลนายแพทย์หน้าดุซึ่งนั่งบนเก้าอี้หมุนมองเขาอยู่ด้วยสายตาเรียบเย็น ครู่เดียวมุมปากก็กระตุกยกสูงหากไม่ใช่รอยยิ้ม


งั้นคุณควรรู้ไว้ด้วย...ผมน่ะไม่ทำร้ายเจ้าของผมหรอกนะ


เจ้าของดาอิลเลิกคิ้วสูงทวนคำพูดของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจแต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้สนใจหมุนตัวเดินออกจากห้องตรวจไปทันที


กวังรยอลผละจากหน้าเคาน์เตอร์จ่ายยาทันทีที่ชำระเงินและรับยากลับมาหาคนที่นั่งรออยู่ มือใหญ่เอื้อมไปจับมือนุ่มให้ลุกตามมาผลักประตูออกจากคลีนิกไปพร้อมกัน และด้วยอาการนิ่งไม่พูดเลยสักคำระหว่างที่เดินมาด้วยกันทำให้คนข้างยื่นมืออีกข้างมาดึงแขนเสื้อยืดของอีกคนไว้


หมาน้อย โกรธอะไรเหรอ


หือ


เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย พอออกมาจากคลินิกหน้าไม่ดีเลย มีใครทำให้โมโหเหรอ


ไม่มีอะไร คงเพราะวัคซีนที่ฉีดมันออกฤทธิ์มั่ง ผมเลยดูไม่ค่อยดี


เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า ฉีดวัคซีนบาดทะยักแล้วจะมีผลให้อารมณ์เสีย


คนให้คำตอบเลียริมฝีปาก ไม่อยากโกหกแต่เพราะคิดบางอย่างอยู่ในหัวเลยตอบไปเช่นนั้น...เท้ายังคงเดินไปเรื่อยจนถึงร้านสะดวกซื้อ ปล่อยอีกคนให้เลือกขนม ถึงเวลาจ่ายเงินก็ถูกคนตัวใหญ่กว่าแย่งจ่าย


เลี้ยงเหรอ


ใช่


ซื้อเพิ่มอีกดีไหมนะ


เอาสิ


ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวกินไม่หมดบอกออกมาพร้อมกับมือที่หยิบช็อกโกแลตมาแกะเปลือก ขอบคุณนะ


ลูกแมว


งะ...ไหนเมื่อได้ยินเลยชะเง้อหาไปรอบๆเพราะคิดว่าอีกคนเห็นลูกแมวจริงๆ ไหนอ่ะ ลูกแมว ไม่เห็นมีเลย


ผมไม่ได้บอกว่ามีลูกแมวนะ


ก็พูดอยู่เมื่อกี้


ผมเรียกคุณ


ฮะ...เรียกผมเหรอ


งืม


ทำไมเรียกลูกแมว


หรือจะให้เรียกนางฟ้า


โหย ไม่เอาหรอก ชื่อก็มีเรียกชื่อสิ


ทีคุณยังเรียกผมว่าหมาน้อยเลย


แล้วทำไมต้องเรียกผมว่าลูกแมวเล่า...เรียกเหมือนน้องผมเลย เรียกแต่ลูกแมว ไม่เคยเรียกพี่สักครั้ง จนคนอื่นเขานึกว่า ผมเป็นน้องคนเล็กไปหมดแล้วเนี่ย


ก็คุณเหมือนแมว...น่ารักเหมือนกัน


ไม่อยากน่ารักอ่ะ...เอาแบบที่เท่ห์กว่านี้ไม่ได้เหรอ


แบบนี้แหละเหมาะกับคุณแล้วมือใหญ่ลูบผมนุ่มเบาๆ ช็อกโกแลตนั่นดูน่าอร่อยนะ แบ่งผมได้ไหม


เอาไปคนละครึ่งสิ...อ้าปาก อ้ามเจ้าของช็อกโกแลตหักช็อกโกแลตเป็นสองส่วนป้อนให้ด้วยรอยยิ้มสดใส ฝ่ายจ่ายเงินชิมรสขมระคนหวานของช็อกโกแลตในปาก ยื่นแขนไปโอบร่างบางไว้แล้วก้าวต่อไปข้างหน้า...ช่วงเวลาที่ดำเนินไปนั้นทำให้ความคิดเรื่องที่ว่าอยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆผุดขึ้นมา และแม้จะมีเสียงโทรศัพท์ทั้งดังทั้งสั่นอยู่ในกระเป๋าแต่เขาทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน


หมาน้อย...ไม่รับเหรอ


ไม่รับ


ทำไมล่ะ


ไม่อยากคุย


แต่คนโทรมาอาจมีธุระก็ได้นะ


มีธุระก็ช่าง


รับเถอะ...แต่ถ้าเป็นเรื่องงานเสี่ยงอันตราย สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทำอีก


อา...รับก็รับ บอกออกมาอย่างเสียไม่ได้เพราะเสียดายที่ต้องปล่อยอีกคนในอ้อมกอดลงกับพื้น มือใหญ่ล้วงหยิบโทรศัพท์มากดรับสายพอได้ยินเสียงก็สบถใส่ไปชุดใหญ่


ไอ้บยอล มึงอีกแล้วนะ


โอ๊ยจะตะโกนทำไมเนี่ย หูกูแตกพอดี


โทรมาทำซากอะไรตอนนี้


โอโห โทรหาไม่ได้เลยไง


ได้...แต่ทำไมต้องโทรมาตอนกูไม่อยากคุยกับใครด้วยวะ แล้วนี่อะไร เพิ่งบ่ายโมง คนอย่างมึงตื่นเวลานี้ได้ด้วย


ไม่ได้อยากตื่น แต่กูฝัน


ฝันเหี้ยอะไรอีกแล้ว


เรื่องเดิม


ตั้งแต่มึงย้ายไปอยู่กับพี่ฮอนชอลนี่ ดูมึงมีปัญหากับการนอนของมึงจังเลยนะ สงสัยห้องนั้นแม่งมีผี มึงหาคนทรงมาไล่ไปจะได้จบๆ แล้วตกลงโทรหากูทำเหี้ยอะไรเนี่ย


ก็เมื่อวานตอนกูกลับจากร้านอ่ะ ตรงตรอกใกล้ๆที่พักมึง ตำรวจแม่งเจอแก๊งค์อุ้มฆ่าที่ตามจับมานานโดนกระทืบ กลัวจะเป็นมึงนั่นแหละที่กระทืบ โทรหาแจบอมมันบอกว่า มึงนอนอยู่บ้านไม่ได้เข้าร้าน กูเลยไปหารถมึงแม่งไม่อยู่ โทรหาก็ไม่รับ...สรุปมึงกระทืบพวกแม่งหรือเปล่าวะ


เออ กูเองแหละ


นั่น กูว่าแล้วเชียว แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน อยู่ไกลจากบ้านมึงไหมวะ


ถามทำไม


กูซื้อโจ๊กมาให้มึง ตอนนี้รออยู่หน้าบ้าน...ถ้าอยู่ใกล้ๆมึงรีบมาได้ไหม กูยืนรอจนเมื่อยแล้ว


ตอนนี้กูไม่ได้อยู่โซล แล้วก็ไม่มีอารมณ์จะขับรถกลับไปหามึงด้วย


ไอ้เพื่อนทรพี ทำกับกูแบบนี้อยู่กับสาวแน่ๆ พักนี้แจบอมมันบอกมึงชอบหายตัวตอนเย็นๆ มึงแอบซุกใครไว้ที่ไหนยังไงบอกกูมาเลย


ไม่ได้ซุก ชายหนุ่มตอบกลับเพื่อนพลางเหลือบตามองคนตัวเล็กที่นั่งกินช็อกโกแลตบนขอบฟุตบาธห่างออกไป ความรู้สึกที่ว่าอยากอยู่ด้วยกันแว่บเข้ามาในความคิดเมื่อผสมรวมกับคำพูดของหมอที่ลอยเข้ามาในสมองก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างไว้ในใจ เฮ้ย บยอล มึงยังอยู่หน้าบ้านกูปะ


อยู่


มึงว่างอยู่ใช่ไหม


นอกจากกลับไปนอนกูก็ไม่ได้มีอะไรต้องทำ


มึงมีเบอร์รับจ้างขนย้ายไหม


ห๊ะ...มึงจะเอาไปทำเหี้ยอะไร


กูมีที่ที่อยากอยู่เลยว่าจะย้าย


ย้าย...ย้ายบ้านนี่นะ มึงประสาทหรือเปล่า อยู่ๆก็บอกจะย้ายบ้าน จะย้ายไปไหน


อีชอน


อะไรนะ ย้ายไปอินชอน


อีชอนโว้ย


ย้ายไปทำห่าอะไรที่นั่นวะ


หยุดถามสักที กูรำคาญ...ถ้าไม่อยากช่วยก็กลับไปนอน เดี๋ยวกูหาเบอร์รับจ้างขนย้ายเอง


โอ๊ย มึงนี่ทำอะไรตามอารมณ์จนกูตามไม่ทันล่ะ...นี่เอาจริงใช่ไหม ย้ายแน่นะ


แน่


ย้ายไปแล้วมีที่อยู่แน่นอนแล้วเหรอ


เอางี้ เดี๋ยวกูคุยกับเจ้าของบ้านก่อน แล้วจะโทรกลับไป แค่นี้นะ


เอ้า ไอ้เสียงขาดหายไปทันทีที่นิ้วใหญ่กดวางสายบนจอโทรศัพท์


กวังรยอลเม้มริมฝีปากยืนมองคนที่นั่งกินขนมอารมณ์ดีอยู่บนขอบทางเท้าก่อนตัดสินใจก้าวเท้าตรงเข้าไปหา จ้องตากลมเป็นประกายสดใสนั้นนิ่งหลายนาทีเพื่อรวบรวมสมาธิยื่นมือถือของตัวเองออกไปหา


เมมเบอร์โทรศัพท์กับไอดีคาทกส่วนตัวของคุณให้ผมหน่อย เวลามีอะไรจะได้ติดต่อกันได้


โอ๊ะ...ลืมไปเลย ผมตั้งใจจะขออยู่เหมือนกันแต่ก็ลืม เจ้าตัวว่ารับมือถือมากดบันทึกเบอร์และแอดไอดีคาทกของตัวเองลงไปปล่อยให้อีกคนทรุดกายลงนั่งบนขอบทางเท้าอยู่ข้างๆ


ลูกแมว


อืม


ถ้าผมย้ายมาอยู่กับคุณ...คุณจะคิดค่าเช่าผมเท่าไหร่


ประโยคคำถามที่ดูจะประหลาดในความรู้สึกทำให้คนฟังเงยหน้าจากจอโทรศัพท์กระพริบตาปริบอย่างงงๆ


ห๊ะ...เมื่อกี้ว่าไงนะ


ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียวแล้วล่ะ...เพราะงั้นผมจะย้ายมาอยู่กับคุณ คุณจะคิดค่าเช่าผมเท่าไหร่


ย้ายมาอยู่ด้วยกันอ่ะเหรอ


อืม


แล้วบ้านของคุณล่ะ


ปล่อยเช่า


หมายถึงคนที่บ้าน...


ผมอยู่คนเดียว คนตัวใหญ่ตอบพอเห็นคนตัวเล็กย่นหน้าผากมองไปอีกทางเหมือนกำลังคิดหนักก็ถามอีก ทำไมเหรอ ผมอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ ผมไม่ได้จะอยู่ฟรีนะ หรือว่าคุณไม่ไว้ใจผม


ไม่ๆ ผมไม่ได้ไม่ไว้ใจคุณหรือคิดเรื่องเงินนะ แต่ผมจะให้คุณมาอยู่ด้วยเลยไม่ได้หรอก ต้องขอแม่ก่อน


แม่ของคุณที่คุณบอกว่าอยู่โซลน่ะเหรอ


งืม


มีเบอร์โทรศัพท์แม่คุณไหม เดี๋ยวผมโทรไปขอเอง ถ้าไม่สะดวกโทรศัพท์บอกที่อยู่บ้านหรือที่ทำงานมาก็ได้ เดี๋ยวผมขับรถไปหาเลย


ง่าส์ ตอนนี้แม่ผมไม่ได้อยู่เกาหลี


อ้าว


แม่บินไปหาแจโฮที่นิวซีแลนด์


งั้นโทรศัพท์ได้ไหม เฟซไทม์ สไกป์ หรืออะไรก็ได้


ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าจะอยู่หรือเปล่า เห็นว่า ต้องไปดูสถานที่จัดงานหมั้น


นานไหม


ทำไมอ่ะ


เพราะว่าผมจ้างคนขนของแล้วอ่ะ ถ้ารอแม่คุณนาน ผมคงไม่มีที่อยู่ที่นอน


แล้วทำไมถึงรีบขนมาเล่า เจ้าหมาน้อยนี่ คนตัวเล็กกระเง้าใส่ทำท่าชั่งใจพร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมากดพิมพ์ข้อความอยู่พักใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วยกโทรศัพท์ที่หน้าจอมีผู้ชายผมยักศกคนหนึ่งอยู่ในนั้นหันมาหา


ไหน...ตัวเล็กจะให้แม่คุยกับใครแววน้ำเสียงนุ่มกังวานใสเอ่ยถาม คนนอกครอบครัวกระพริบตาปริบ


...เพิ่งรู้ว่า แม่ของลูกแมวเป็นผู้ชาย แต่ถึงจะเป็นผู้ชายคนที่เปิดกว้างอย่างเขาก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร...


นี่กวังรยอล เพื่อนคนที่ผมส่งรูปวาดให้แม่ดูไงครับ


อา สวัสดีครับอีกคนทักทายพลางก้มศีรษะให้


โอ๊ะ หล่อนี่ หล่อกว่าในรูปวาดเยอะเลย...ไงจ๊ะ กวังรยอลใช่ไหม ได้ยินตัวเล็กเล่าเรื่องเราให้ฟังเยอะเลย นี่ ตัวเล็กเขาวุ่นวายอะไรกับเราหรือเปล่า ถ้าวุ่นก็บอกได้นะ พูดกับตัวเล็กน่ะง่าย ไม่เหมือนพูดกับเจ้าซัคเกอร์หรือเจ้าหมูป่าหรอก สองคนนั้นพูดอะไรไปเป็นต้องถาม ชอบถามเยอะแยะไปหมด อ้อ เห็นว่ามีเรื่องจะคุยกับแม่ มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ


พอดีที่บ้านผมมันยุ่งๆครับและผมก็เห็นซึงฮวังเขาอยู่คนเดียว ก็เลยอยากจะขอเช่าบ้านของคุณแม่อยู่สักพัก...คุณแม่จะคิดค่าเช่าเท่าไหร่ คิดมาได้เลยนะครับผมพร้อมจ่าย


จะมาอยู่ที่บ้านน่ะเหรอ


ครับ


อ้อ จะมาอยู่เป็นเพื่อนตัวเล็กเขาด้วยใช่ไหม


ครับ


เรื่องค่าเช่าน่ะไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก...เราเป็นเพื่อนตัวเล็กเขาไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากมาอยู่ก็มาได้เลยลูก ขอแค่ช่วยดูแลตัวเล็กแทนแม่ด้วยนะ เดี๋ยวนี้แม่ไม่ได้อยู่กับเขา เป็นห่วงเขา อยากให้เขามีคนอยู่เป็นเพื่อน มีเรามาอยู่ด้วยก็คงดี


อยู่ได้ใช่ไหมครับ


จ๊ะ...โอ๊ะ เดี๋ยวแม่ต้องไปก่อนแล้วนะ ทางบ้านผู้หญิงเขาเรียกให้ไปดูที่จัดงานหมั้น แล้วเดี๋ยวยังไงแม่กลับถึงโซลจะไปหานะแล้วค่อยคุยกันใหม่ แม่ไปแล้วนะตัวเล็ก ดูแลตัวเองดีๆ กวังรยอลฝากดูแลตัวเล็กด้วยนะ


ครับคนตัวใหญ่โบกมือมองแม่ของคนตัวเล็กหายไปจอด้วยรอยยิ้มบาง


แม่คุณนี่คุยด้วยง่ายดีจัง ใจดีด้วย


แม่ผมเขาเป็นแบบนี้แหละ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ สไตล์ฝรั่งน่ะ


ผมนึกว่า แม่คุณเห็นผมแล้วจะไม่ยอมให้อยู่กับคุณด้วยซ้ำ


ไม่หรอก...แม่ผมเขารู้ รู้ว่าเวลาผมคบหาใครเป็นเพื่อนต้องเป็นคนดีระดับหนึ่งล่ะ แล้วนี่จะไม่ถามเหรอว่า ทำไมแม่ผมเป็นผู้ชาย


ไม่อ่ะ...แม่คุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ได้สำคัญเท่ากับเขาเป็นแม่ของคุณ


จริงเหรอ


ใช่


โห คุณรู้ไหม นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนเห็นแม่ผมเป็นผู้ชายแล้วไม่ถาม


ถ้าคุณอยากเล่าก็เล่าได้นะ ชายหนุ่มลุกจากขอบทางเท้า ปัดฝุ่นออกจากตัวแล้วยื่นมือไปตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่ อากาศมันเย็นๆนะ กลับบ้านกันไหม


นั่นสิ อากาศเย็นแล้ว...กลับบ้านกันดีกว่าอีกฝ่ายยื่นมือนุ่มจับมือใหญ่หยาบดึงตัวเองขึ้นจากพื้น


ขี่หลังผมไหม


ขี่ทำไมอ่ะ


ใส่รองเท้าหนังเดินไม่สบายไม่ใช่เหรอ...ตาคมมองรองเท้าหนังหัวแหลมที่อีกคนใส่ออกมา


ก็ใช่ แต่ถ้าให้ขี่หลังแล้วหมาน้อยจะไม่เหนื่อยเหรอ


ไม่หรอก


แต่คุณลุงคุณป้าที่ผมรู้จักอยู่แถวนี้เยอะเลยนะ เดี๋ยวก็โดนถามเยอะหรอก


ถามก็บอกไปว่าคุณเจ็บเท้าไง


จะให้ขี่หลังให้ได้เลยเหรอ ก็ได้ พอดีก็ขี้เกียจเดินอยู่เหมือนกัน


กวังรยอลย่อตัวให้คนตัวเล็กกว่าปีนขึ้นมาบนหลัง กระชับขาที่สอดเข้ามาในวงแขนแล้วลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า สูดกลิ่นหอมติดกายของคนบนหลังที่แนบหน้าซบลงมาคล้ายกับเหนื่อย ภายในอกอัดแน่นด้วยความอุ่นซ่านและหอมหวานรวมอยู่ด้วยกัน


...เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน...

...แต่เขาแน่ใจว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร...

...ใช่...

...เขาตกหลุมรักนางฟ้าหรือลูกแมวของเขาเข้าแล้ว...




You Might Also Like

0 Comments