LOVE TOXICAL : KANPAGNE CHAPTER 8

23:45


มือใหญ่บิดลูกบิดประตูไม้เปิดเข้าไปภายในห้องมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงที่เจ้าของห้องเปิดทิ้งไว้ กวังรยอลก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่โผล่พ้นชายผ้าห่มเพียงครึ่งบนเตียงด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนจะสอดร่างเข้าใต้ผ้าห่มด้านที่ว่างของเตียงพลางเอื้อมมือไปปิดไฟ


ทันทีที่กายอุ่นหนาเข้ามาใกล้ คนที่หลับก็พลิกตัวกลับมาหาพร้อมกับแขนใหญ่ของอีกคนที่สอดไปดึงเอวบางให้เข้ามาหาและกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจอุ่นของร่างเล็กรดอยู่บนอกแกร่งที่ไร้เสื้อและสูดกลิ่นที่จากครีมอาบน้ำเดียวกันเข้าปอดอย่างเป็นจังหวะ ปลายคางของคนตัวใหญ่คลึงเบาบนกระหม่อมไปมาช้าๆ จึงกดจมูกโด่งลงบนกระหม่อม


...หนึ่งในช่วงที่มีความสุขที่สุดของวันคือการได้นอนกอดนางฟ้าของเขาไว้ในอ้อมแขน...


ราตรีสวัสดิ์เสียงงัวเงียคล้ายละเมอนั้นบอกเรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้เป็นอย่างดี 


ฝันดีจ๊ะเขาว่าพลางทาบริมฝีปากลงบนหน้าผาก กอดกระชับร่างบางนุ่มไว้แล้วปิดเปลือกตาทิ้งทุกอย่างที่เผชิญมาก่อนหน้าไปกับการนอน


เวลาล่วงเลยไปอย่างไม่รู้พัก ทว่าคนตัวใหญ่ยังคงหลับสบายอยู่บนเตียงกระทั่งรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของบางสิ่งที่กดทับลงมาบนตัวพร้อมกับกลิ่นหอมที่หลงใหลโชยมาแตะจมูกก็รู้สึกตัวตื่นแต่ยังไม่ยอมลืมตามีเพียงมือที่ขยับไปกอดเอาไว้


ซนจัง...อย่าปีนบนตัวผมสิเขาบ่นเบาๆทั้งที่ยังหลับตา ยินเสียงหัวเราะและความสั่นสะเทือนตรงอกด้วยรอยยิ้ม


ก็ปลุกแบบอื่นแล้วไม่ตื่นนี่...ตื่นได้แล้วนะ ข้าวกลางวันเสร็จแล้ว


เด็กๆกลับแล้วเหรอคนไม่ยอมลืมตาเริ่มถามถึงเด็กอนุบาลที่ทางโรงเรียนส่งมาให้เรียนศิลปะกับการปั้นที่นี่


งืมเสียงนั้นตอบรับพร้อมกับมือนุ่มที่ค่อยๆทาบลงบนอกแข็งแรงของอีกคน เจ้าหมาไปสักมาเหรอ


คำถามจากริมฝีปากบางสวยและความเย็นจากฝ่ามือทำให้อีกคนเปิดตาขึ้นข้างหนึ่งก็เห็นดวงหน้านวลวางคางไว้บนอกเงยหน้ามาหาด้วยนัยน์ตากลมโตที่เปล่งประกายสดใสอย่างสนใจใคร่รู้


อืม...กลัวไหม


กลัวอะไรอ่ะ


ก็พวกที่มีรอยสักน่ะ...ลูกแมวกลัวหรือเปล่า


ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ คนที่มีรอยสักก็เป็นคนเหมือนกันไม่ใช่ผีสักหน่อย แล้วการสักมันก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งแค่เปลี่ยนพื้นที่ในการวาดเท่านั้นเอง”  


เหรอครั้งนี้ตาคมทั้งสองข้างลืมขึ้นมองอีกคนพลางปล่อยแขนที่กอดไว้ยกขึ้นไล้แก้มนุ่มเบาๆ สวยไหม


สวย...คนตัวเล็กบอกยังคงจดจ่ออยู่กับการพินิจรายละเอียดเส้นสาย ความละเอียด น้ำหนักของแสงเงาของรอยสักบนแผงอกสีน้ำผึ้งที่บอกถึงความชำนาญและฝีมือของช่างได้เป็นอย่างดี ก่อนจะเขม่นมองตัวอักษรที่ประทับอยู่เหนือหัวเซอร์เบอรัสตัวที่สองและอ่านมันในใจพลางใช้ปลายนิ้วลูบบนรอยนูนนั้นเบาๆ


เจ้าหมาสุดท้ายก็ร้องเรียก


หื้อ


ทำไมถึงสักชื่อซน ซึงฮวังไว้ที่อกง่ะ...


ทำไมล่ะ ผมสักไม่ได้เหรอ


จะสักก็สักได้ แต่ทำไมเจ้าหมาไม่สักชื่อคนในครอบครัว ชื่อตัวเอง หรือคนที่เป็นแรงบันดาลใจในชีวิตล่ะ ปกติเขาสักกันแบบนั้นไม่ใช่เหรอ


นี่ก็คนสำคัญนะ


สำคัญเหรอ


สำคัญสิ


สำคัญเท่าไหน


เท่านี้คนตัวใหญ่ว่าแล้วชี้นิ้วไปที่อก เท่าหัวใจผมนี่


แต่เซอร์เบอรัสมันเป็นหมาเฝ้ายมโลกนะ...เอาคนสำคัญเท่าหัวใจไปอยู่ในดงเซอร์เบอรัส อยากให้ผมไปอยู่ในยมโลกแล้วเหรอ


กวังรยอลชะงักทันทีที่ได้ยินคำถามด้วยไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มของคนหน้านวลหดลงเหลือเพียงดวงตากลมที่สบประสานมาด้วยแววสงสัยก็เม้มริมฝีปากแน่น


อา...ผมไม่ทันคิดเรื่องนั้นนะ แค่บอกพี่ที่สักเขาไปว่า อยากได้รอยสักหมาที่ดูน่ากลัวหน่อยแล้วก็สักชื่อลูกแมวไว้ด้วย รู้สึกไม่ดีเหรอที่ผมสักแบบนี้ ขอโทษนะ ไว้จะไปเลเซอร์ออก


555 ไม่ต้องลบหรอก...แค่หยอกเล่น


อ้าว นี่แกล้งเหรอ


อืมเจ้าของชื่อหลุดหัวเราะออกมาอีกคราอวดให้เห็นฟันกระต่ายขาวสะอาด ปลายนิ้วจากมือทั้งสองจิ้มลงบนแก้มสากสีน้ำผึ้งที่ตัดกับสีผิวของตัวเองแล้วเปลี่ยนเป็นจับแก้มดึงให้หันไปมาหลายทีด้วยความเอ็นดู


อย่าดึงแก้มผม


ดึงไม่ได้เหรอ หวงเหรอคนถูกห้ามถามด้วยรอยยิ้มหวานเลยถูกอีกยกมือขึ้นมาหยิกแก้มขาวดึงไปมาเบาๆคืน


ถ้าไม่หยุดผมจะฟัดนะ


จะฟัดเหรอ...ห้ามฟัดนะ


ไม่อยากให้ฟัดก็หยุดดึงแก้มผมสิ


ก็น่ารักนี้ หยุดน่ารักก่อนสิจะไม่ดึง


คนตัวใหญ่กว่าจ้องตากลมที่ละม้ายลูกแมวกำลังสนุกกับการเล่นบนตัวของสุนัขที่อยู่ด้วยกันอย่างไม่เกรงกลัว มือข้างที่ว่างอยู่ขยับละจากแผ่นหลังบางค่อยๆ ไต่ระดับลงไปจนถึงเอวก็จัดการจั๊กจี้จนฝ่ายบ้าจี้กระตุกดิ้นไม่หยุดพลางหัวเราะปนร้องห้ามเป็นการใหญ่


เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ยอมลดละยิ้มชอบใจ อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงปัดป้องและหัวเราะ ทั้งห้องนอนจึงก้องไปด้วยเสียงแห่งความสนุกและเตียงก็กลายสภาพเป็นสนามเด็กเล่น ทั้งคู่เล่นกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งคนตัวเล็กเริ่มไอ อีกคนเลยหยุดมือดึงร่างนั้นขึ้นมานอนบนอก และกอดเอาไว้โดยไม่พูดอะไร เพียงนอนรอจนได้ยินเสียงหายใจของอีกคนกลับมาเป็นปกติจึงเปิดปาก


ลูกแมวกินยาหรือยังเสียงเข้มถามแล้วขยับนิ้วเรียวอุ่นไปมาบนพวงแก้มที่แดงเรื่อ คิ้วเรียวหนาขมวดเข้าหากันจากความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าอีกคนป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วแต่ตัวเขาก็ชอบเผลอเล่นอะไรที่ทำให้เหนื่อย


ตอนแรกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คนตัวเล็กมีโรคประจำตัว ทว่าการอยู่ด้วยกันทำให้เขาเห็นอาการเหนื่อยหอบที่อีกคนเป็นอยู่บ่อยๆ พอถามก็บอกไม่เป็นไร จนวันหนึ่งบังเอิญกลับบ้านมาเร็วถึงเห็นอีกคนกินยาเลยรู้ว่า เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และที่เจ้าตัวไม่บอกเพราะไม่อยากถูกปฏิบัติเหมือนตัวเองป่วย


...คนที่อยากดูแลเพราะเป็นความสุข ไม่ได้คิดถึงเรื่องป่วยไข้อยู่แล้ว สุดท้ายก็เผลอตัวจนได้... 


กินแล้วคนบนอกตอบเสียงอู้อี้ หางตาเหลือบเห็นตัว S ที่เป็นรอยสักส่วนของนามสกุลตัวเอง หูที่แนบอยู่บนอกได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นแรงจากความเป็นห่วงอยู่พักหนึ่งก็ผงกหัวขึ้นมามองรอยสักใหม่ มือทาบลงไปบนนั้นก็ได้ยินเสียงหัวใจสะเทือนอยู่ใต้ฝ่ามือ


...ชื่อของเขาอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจพอดี...

...จะด้วยบังเอิญหรือตั้งใจก็ทำให้รู้สึกดี...


น่ารักจัง


หื้ออีกคนเลิกคิ้วสูงมองฝ่ายที่ยิ้มกว้างอย่างไม่เข้าใจ


ก็ชื่อน่ะ...ชื่อที่สัก มันมีซาวด์เอฟเฟคเป็นเสียงหัวใจด้วยแหละ อันนี้ตั้งใจสักหรือช่างสักให้เอง


ตั้งใจสักสิ


จริงเหรอคนถามลากเสียงยาวแล้วแนบหูลงไปฟังเสียงหัวใจที่อยู่ตรงกับชื่อตัวเองบนอกแกร่งอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่เหยียดกว้างกว่าเดิม พิเศษจัง”  


แน่นอน...ก็ลูกแมวเป็นจังหวะเดียวกับการเต้นของหัวใจผมนิเจ้าของรอยสักเอ่ยวางมือใหญ่ลูบไปมาบนเรือนผมนุ่มแล้วกอดร่างบางนั้นไว้อีกหนอย่างรักใคร่เลยได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกมาอีก


ขำอะไรอ่ะ


ก็ขำคำพูดอ่ะสิ เอามาจากไหนเนี่ย ซีรี่ย์เหรอ


บ้า นี่พูดจากใจเลยนะ มาหัวเราะกันอีก" คนตัวใหญ่แกล้งทำหน้ายุ่ง  "เออ วันนี้ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องแลกกอดของเมื่อคืนให้ฟังเลย


แหะๆ เดี๋ยวนี้รู้หน้าที่ดีจัง ไม่ต้องเตือนก็เล่าให้ฟัง

ก็สัญญาไว้นิ


เจ้าหมาเป็นเด็กดีนะเนี่ย...ไหน...มีเรื่องอะไรจะเล่า เล่าให้ฟังหน่อยร่างบางบอกพร้อมผงกหัวขึ้นมาวางคางไว้บนอกตาจ้องตรงไปยังหน้าอกที่มีรอยสักทำให้ฝ่ายที่หัวยังหนุนกับหมอนยิ้มอ่อนโยนให้


เมื่อวานตอนรอจ่ายเงินค่าสักน่ะ ผมเดินดูรอยสักในร้าน แล้วบังเอิญไปเห็นรอยสักหนึ่งเข้า


รอยสักรูปอะไร


เป็นรอยสักรูปหมาป่ากับกวางนอนหันหน้าชนกันนะ มียาพิษหกอยู่ข้างๆ และก็มีคำภาษาเยอรมันที่แปลว่าที่รักตามด้วยชื่อนามสกุลลูกแมวเป็นภาษาอังกฤษสักอยู่ด้วย


แล้วยังไงเหรอ


ก็ไม่มีอะไร แค่สงสัยนะว่าทำไมบังเอิญสักชื่อนามสกุลเหมือนกัน


คนนามสกุลซนในเกาหลีมีตั้งเยอะ มันต้องมีสักคนสองคนที่ใช้ชื่อซึงฮวังแหละ


นั้นสินะ


ว่าแต่รอยสักนั้นสวยมากไหม ถ่ายรูปมาเปล่า ขอดูหน่อย


ก็สวยดี เขาว่าคนสักวาดเองแต่ผมไม่ได้ถ่ายมาหรอกนะ


ทำไมไม่ถ่ายอ่ะ วันหลังถ่ายมาให้ดูหน่อยนะ เวลาเห็นอะไรสวยๆ ถ่ายมาให้ดูด้วย


โอเค ไว้รอบหน้าเห็นอะไรสวยจะถ่ายมาฝาก...อ้อ แล้วก็เมื่อวานนี้ที่ลูกแมวฝากขนมไปให้แจบอมกับคนในร้านน่ะมันกินกันหมดแล้วนะ


อร่อยไหม


อร่อยไหมไม่รู้...รู้แค่พอวางปุบเหมือนแร้งลง หมดในห้านาที


แล้วที่ฝากไปให้เด็กคนนั้น ที่ทำงานที่ร้านดอกไม้ล่ะ...ได้ให้หรือเปล่า


ให้สิ ตอนให้เขาฝากขอบคุณด้วย


อา พูดเรื่องของกิน จริงๆนี่ตั้งใจจะมาปลุกไปกินข้าวกลางวันนะเนี่ย ไถลเล่นอยู่ตรงนี้ตั้งนาน ป่านนี้ข้าวเย็นหมดแล้วแน่เลย


เย็นแล้วก็อุ่นได้ เดี๋ยวอุ่นให้


แน้ ตั้งแต่ทำงานบ้านเก่งนี่อาสาทำให้ทุกอย่างเลยเนาะ แต่ไม่ต้องหรอก ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวนี่อุ่นเองสุดท้ายความตั้งใจแต่แรกเริ่มก็กลับเข้ารูปเข้ารอย ร่างเล็กปีนลงจากร่างใหญ่กลับไปยืนบนพื้นและเปิดประตูออกจากห้องนอนที่นอนด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มอยู่ด้วยกัน


กวังรยอลถอนหายใจรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้นอนเล่นกันต่อแต่ยังคงยิ้ม ขยับลุกจากเตียงเก็บที่นอนให้เข้าที่จึงหยิบเสื้อผ้าหายเข้าไปอาบน้ำพักหนึ่งก็กลับออกมาใหม่ในสภาพสวมกางเกงยีนส์ฟอกสีกับเสื้อคอวีแขนยาวสีดำ และสวมรองเท้าใส่ในบ้านที่มีหัวสุนัขสีดำน่ารักเดินตรงไปยังครัว


วันนี้ทำไข่ตุ๋นกับแกงเต้าหู้อ่อนเหรอคนตัวใหญ่ถาม มองจานกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะร่วมกับข้าวสวยอีกสองชามแล้วเดินไปหยิบแก้วกับน้ำเปล่าในตู้เย็นออกมา


ใช่...แล้วก็มีนี่ด้วยเจ้าของบ้านยกจานของทอดที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ๆ วางลงบนโต๊ะข้างแกงเต้าหู้


ผักชุบแป้งทอดเหรอ


อืม...มีแครอททอด ข้าวโพดอ่อนทอด หัวหอมใหญ่ทอด เดี๋ยวนี้กินผักเก่งไม่ใช่เหรอ กินเยอะๆนะคนทำอาหารให้ยิ้มแป้นแล้วลุกจากเก้าอี้เดินไปล้างมือที่อ่างล้างจานด้วยกัน ก่อนที่เสียงกดกริ่งตรงประตูจะดังขึ้นทำให้คนตัวใหญ่ที่เดินออกจากส่วนทำอาหารง่ายกว่าเป็นฝ่ายออกไปนอกบ้านแทน


เมื่อก้าวเท้าเข้าไปเกือบใกล้บานประตูรั้วเขาก็เห็นชายร่างสูงใหญ่ซ่อนหน้าใต้หมวกสแนปแบคสีแดง สวมสเวตเตอร์แขนยาวสีกรมท่ามีลายเทดดี้แบร์อยู่ตรงกลางกับกางเกงยีนส์ขายาวฟอกสีและรองเท้าผ้าใบสีดำหิ้วของมาเต็มมือยืนรออยู่


ทันทีที่ทันสองยืนประจันหน้ากัน ฝ่ายที่เหมือนจะสูงกว่าเล็กน้อยกลับย่นจมูกไปมาเหมือนคันแล้วผงกหัวให้กระบังหมวกด้านหน้าที่หล่นลงมาปิดตาขึ้นไปข้างบนทำให้เห็นใบหน้าเรียว มีคิ้วเป็นเส้นตรงเฉียงปลาย ดวงตาทรงรีสองชั้นหลบในกับจมูกโด่งและริมฝีปากใหญ่หนา


ใบหน้าที่จะว่าดูดีก็ใช่ จะว่าเหมือนปลาซัคเกอร์ก็ถูกนั้นดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ยังคิดไม่ออกว่า เคยพบกันที่ไหน


มาหาใครครับเขาถามออกไปเป็นประโยคแรก เพ่งมองอีกฝ่ายเหมือนกำลังทบทวนความจำ


เดี๋ยวนะฝ่ายนั้นเริ่มขยับปากทำหน้าเหลอหลาเอียงคอไปมองบ้านเลขที่ตรงเสาแล้วขยับกลับมาใหม่  ก็บ้านกูถูกแล้วนี่หว่า แล้วไอ้นี่เป็นใครวะ” 


คุณมาหาใครครับคำถามถูกซ้ำขึ้นมาใหม่พร้อมกับฝ่ายตรงข้ามที่ยื่นหน้าเข้ามามองเขาใกล้ก่อนจะหลุดร้องเสียงดังพลางชี้นิ้วที่ถูกถุงพลาสติกอยู่เร่าๆ


นายเป็นเพื่อนตัวเล็กใช่มะ คนที่ว่ามาขอเช่าบ้านอยู่ด้วยน่ะ...ชื่ออะไรแล้วนะ หมาปะ


พอถูกทักคนที่อยู่หลังรั้วภายในอาณาเขตบ้านก็เอียงมองฝ่ายตรงข้ามอยู่สองสามนาทีก็นึกได้ว่า เห็นผู้ชายคนนี้ในภาพถ่ายครอบครัวที่ตั้งอยู่ในห้องนอนและห้องนั่งเล่น


พี่...พี่ฮันเฮใช่ไหมครับ


แม่นล้าวไอ้น้อง...เอานี่ไปช่วยถือหน่อยว่าพลางส่งถุงที่หิ้วมาพะรุงพะรังให้คนผิวเข้มรับไปถือ จากนั้นก็เปิดประตูเดินลิ่วนำหน้าหายเข้าบ้านไปปล่อยให้อีกคนแบกของที่หนักพอควรตามหลังมา


ซึงฮวังจิ้มส้อมลงบนผักทอดจิ้มซอสมะเขือเทศที่ใส่ถ้วยวางอยู่ข้างๆกินระหว่างรอ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นใครคนหนึ่งสวมถุงเท้าไถลตัวเข้ามาหยุดยืนข้างโต๊ะ มือเรียวสวยเอื้อมจับจมูกรั้นไว้เบาๆ แม้จะไม่เห็นหน้าแต่วิธีทักทายเฉพาะกับเขาคนเดียวทำให้จำได้ทันที


พี่ฮันเฮคนตัวเล็กร้องลุกจากเก้าอี้เดินมาหาเลยถูกแขนใหญ่รวบเอวอุ้มลอยจากพื้น คนที่ถูกอุ้มดึงหมวกที่อีกคนสวมอยู่ออกและยิ้มตอบรอยยิ้มกว้างอวดฟันเกือบครบ 32 ซี่ที่อยู่ตรงหน้า มาได้ไงครับเนี่ย เหาะมาเหรอ ดูสิลมโกรกจนหน้าผากกว้างไปหมดแล้ว


ฮู้ย ก็ลมบนฟ้ามันแรงมาก...โห ตัวเล็กเดี๋ยวนี้ล้อพี่เหรอ เด็กไม่ดี เดี๋ยวตีเลย


ตีเลย..จะได้ฟ้องแม่


ฟ้องเรื่องอะไร


ก็ฟ้องว่า พี่ลืมน้องไม่ยอมมาหาตั้งนาน พอมาหาก็จะตีน้องด้วย ไม่คิดถึงน้องแล้วยังจะตีอีก


อะไร รู้ได้ไงว่าพี่ไม่คิดถึง


ก็ไม่เห็นพี่กลับมาบ้านเลยนี่ ตัวเองอยู่โซลนะไม่ใช่นิวซีแลนด์ตั้งนานแล้วไม่เห็นมาหา คาทกไปก็ตอบช้า โทรหาก็ฝากข้อความ เฟซไทม์ก็ไม่เล่น แม่กับแจโฮยังบ่นเลยว่า พี่อะชอบหายตัว


ก็งานพี่ยุ่ง...บอสพี่ไม่เหมือนกับบอสแม่นะ ถึงแค่มีงานส่งก็พอนะ วันนี้พอมีเวลาว่างตอนบ่ายเลยแว่บมาหา


อย่าพูดเลย วันหยุดอื่นตัวเองก็ไม่มา อีกอย่างบอสพี่ใจดีจะตาย ยังบอกเลยว่า ถ้าพี่ลางานมาหาน้องนะ เขาจะเซ็นให้มาได้เลย


บอสพี่ไปบอกตอนไหน


ก็ตอนต้นปีที่ผมเอาขนมไปขอบคุณบอสของแม่กับคุณบอสของพี่ไง...วันนั้นคุณบอสของพี่เขาซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้น้องแล้วน้องไม่รับเพราะเกรงใจงะ เขาบอกว่า ถ้าน้องรับไว้ เวลาพี่ลางานมาเยี่ยมจะเซ็นอนุมัติให้ น้องเลยรับไว้


โอ๊ย มันจะเกินไปล้าว มีกงมีการถ้ารับของจะเซ็นใบลาให้เหรอ เอ็นดูอะไรจะปานนี้ มิน่า มากระแซะถามตลอดเลยจะลามาหาเราเมื่อไหร่ พอบอกจะแว่บมานี้หน่อย ทั้งบอส ทั้งพี่เจซ พี่โบมีฝากของมาเพียบ


อา ฝากของมาให้อีกแล้วเหรอครับคนตัวเล็กย่นหน้าผาก...ทุกปีช่วงหลังวันปีใหม่เขามีธุระต้องไปคุยเรื่องงานกับทางโรงแรมที่ใช้และห้างร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายเซรามิกส์ของเขา เลยถือโอกาสนั้นหอบของไปให้หัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานของแม่กับพี่ชายเพื่อแทนคำขอบคุณที่ดูแลทั้งสองคนอย่างดี


บริษัทของแม่กับพี่ชายคือบริษัทเดียวกัน แต่การดูแลจะแตกต่างเพราะพี่อยู่ในส่วนงานที่ทำเพลงฮิปฮอปและอิ ขณะที่ส่วนงานของแม่จะดูแลแนวเพลงส่วนอื่นที่เหลือเลยมีหัวหน้างานแยกกัน


...บอสของแม่ดูเซอร์ๆเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไรมาก ส่วนบอสของพี่ชายกลับเป็นคนสนุกสนาน แต่ที่ทั้งคู่มีเหมือนกันคือความอบอุ่น...


กวังรยอลหิ้วของมากองไว้ในห้องครัว ใช้มือปัดปากถุงแง้มดูข้าวของข้างในที่เป็นของกินเสียส่วนใหญ่แล้วเดินกลับเข้าไปในครัว พอเห็นคนตัวเล็กถูกพี่ชายอุ้มลอยจากพื้นก็ทำได้แค่กลอกตาไปมา


อ๊ะ เอาของเข้ามาให้แล้วเหรอ ขอบใจมากนะ...หมา


หมาอะไรเล่า เขาชื่อ กวังรยอล ไม่ได้ชื่อหมาสักหน่อย


ก็เห็นเรียกเจ้าหมาตลอด


น้องเรียกได้แต่พี่เรียกไม่ได้นะ


แล้วแม่กับแจโฮเรียกเขาว่าอะไร


ก็เรียกกวังรยอลไง


ชื่อยาวอ่ะ...ให้พี่เรียกเหมือนเราไม่ได้เหรอ


ไม่ได้


ทำไมอ่ะ


ก็เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าหมาของน้อง น้องเลยเรียกได้ไง ถ้าเขาบอกว่าเป็นหมาของครอบครัว พี่ค่อยเรียกนะ


อะไร เดี๋ยวนี้ตัวเล็กหวงของกับพี่เหรอ


เปล่าน้า...แต่ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี ถ้ามีคนมาเรียกพี่ว่า หมาทั้งที่เป็นคนและไม่ได้อนุญาตให้เรียกงะ พี่ก็คงรู้สึกไม่ดีใช่ม้า เพราะงั้นใจเขาใจเราเนาะ


ฮันเฮหลุดหัวเราะเอ็นดูออกมาพลางหมุนตัวทั้งที่อุ้มน้องไว้และยื่นจมูกเข้าไปหอมเหมือนที่เคยทำตอนยังเด็ก อีกฝ่ายหลับตาเบี่ยงตัวหนีไม่ยอมให้หอมพร้อมร้องเสียงหลง


มาหอมน้องทำไม...น้องโตแล้วนะ


โตแล้วตรงไหน...หยุดโตตั้งแต่มัธยมแล้วไม่ใช่เหรอ


ง่าส์ พี่จะว่าน้องเตี้ยเหรอ...ใจร้าย


ถ้าพี่ใจร้ายก็ไม่มีใครใจดีกับตัวเล็กแล้วล่ะจ๊ะ


คนเป็นพี่ว่ายังคงหัวเราะร่วนก่อนจะเหลือบเห็นอีกคนที่กอดอกมองไปทางนั้นทีทางนี้อยู่พักหนึ่งเหมือนไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงก็นิ่งคิดแล้ววางน้องลงกับพื้น


พี่กินข้าวมาหรือยัง


ยังเลย


งั้นกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวน้องไปตักข้าวให้


ไม่ต้อง ลูกแมวให้พี่ไปนั่งไป เดี๋ยวผมทำให้เองคนผิวเข้มที่ได้แต่ยืนเงียบอยู่นานขยับเข้ามา หยิบชามจากในตู้ออกมาตักข้าวและหยิบช้อนตะเกียบกับแก้วน้ำมาวางไว้ข้างๆ คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านในสุดของโต๊ะ ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมจะไปนั่งฝั่งตรงข้ามแต่คนโตกว่าจับพนักเก้าอี้ไว้


ไปนั่งข้างๆตัวเล็กไป


อา ครับ


กวังรยอลทรุดลงนั่งตามคำบอก ในที่สุดทั้งหมดก็ได้ฤกษ์กินข้าวกลางวันกัน บทสนทนาระหว่างคนเป็นพี่กับน้องเกิดขึ้นอีกเล็กน้อย พี่คนโตของบ้านตักข้าวเข้าปากขณะมองเพื่อนของน้องที่คอยตักของกินให้ตัวเขากับน้องตัวเองตลอดเวลา รอยยิ้มบางและแววตาอ่อนโยนที่ทอดมองน้องเขาอยู่ตลอดเวลาทำให้คนที่คุ้นกับการอยู่ในโลกที่ความรักไม่ได้จำกัดแค่เพศเดียวกันดูออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร


เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางวงทำให้คนตัวเล็กที่จำเสียงเรียกเข้าได้รีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสาย ฟังปลายสายพูดอะไรบางอย่างเสร็จก็เก็บลงกระเป๋ากางเกงลุกจากเก้าอี้


จะไปไหนคนที่นั่งข้ามๆถามพลางจับแขนไว้


คุณครูเขาบอกว่ามีเด็กทำของตกไว้ที่โรงปั้นเลยจะเอาไปให้


ผมไปให้


ไม่ต้องหรอก กินข้าวเถอะ เดี๋ยวก็มามือนุ่มโบกแล้วดันไหล่หนาให้กลับลงไปนั่งก่อนจะเดินหายออกจากครัวไปปล่อยให้ผู้ชายตัวใหญ่สองคนอยู่กันตามลำพัง


คนอ่อนกว่าเหลือบตามองฝ่ายตรงข้ามที่เคี้ยวแครอททอดหนุบหนับด้วยความหิว พยายามหาสิ่งที่พอจะเป็นบทสนทนาระหว่างกันจนมาสะดุดตากับเสื้อที่ฝ่ายนั้นสวม


ชอบเสื้อผ้าของราล์ฟ ลอเรนเหรอครับ


อ้อ ก็ชอบนะ มันใส่สบายดีตอบกลับยิ้มๆตามประสาคนอารมณ์ดี


เหรอครับฝ่ายเริ่มถามว่าพยักหน้าและเงียบไปไม่ถึงวินาทีก็เอ่ยต่อโดยถือวิสาสะเรียกนับเป็นพี่ไปด้วย เออ พอดีผมมีเสื้อโค้ทของราล์ฟ ลอเรนของแท้อยู่ตัวหนึ่ง รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะกับผมเท่าไหร่ ถ้าพี่ไม่รังเกียจเอาไปไหมครับ


เสื้อโค้ทแบบไหน


ก็โค้ทยาวสีดำน่ะครับ...เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้ดูดีกว่าบอกเสร็จก็ผละจากโต๊ะวิ่งเข้าไปในห้องนอนเล็กที่เขาใช้เก็บเสื้อผ้า แหวกหาเสื้อโค้ทคอลเลคชั่นล่าสุดซึ่งแขวนอยู่บนราวนอกตู้เพิ่งได้มาจากช็อปออกมา คว้าเสื้อแขนยาวสีดำยี่ห้อเดียวกันออกไปให้


ฝ่ายอายุมากกว่าเพ่งมองเสื้อโค้ทกับเสื้อยืดสีดำที่อยู่ในไม้แขวนรูปแบบและการดีไซน์นั้นเขาจำได้แม่นว่าเป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่เพิ่งวางขายในอเมริกาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน


เฮ้ย นี่มันคอลเลคชั่นใหม่ไม่ใช่เหรอวะ


ครับ...แล้วก็มีเสื้อตัวนี้ด้วย สองตัวนี้ผมยังไม่ได้ใส่หรือซักนะครับ แค่ลองเฉยๆ


รอยยิ้มเหยียดกว้างจนตาคมหยีเล็กของคนผิวเข้มทำให้คนอมเต้าหู้อ่อนอยู่ในปากกระพริบตาปริบ ทบทวนความจำของตัวเลขที่อยู่บนหน้าเว็บก็อุทานลั่น


สองตัวนี้ราคามันเป็นล้านๆวอนเลยนะ จะให้จริงเหรอ


ครับ เอาไว้ก็ไม่ได้ใส่ ถ้าพี่ชอบแล้วเอาไปใส่คงมีประโยชน์กว่า


ไม่เสียดายเหรอ เอาไปของต่อในเว็บได้หลายเลยนะ


วุ่นวายน่ะครับ...ของราคาเท่านี้ ผมหาเงินแป้บเดียวก็ได้คืนแล้ว


สิ้นประโยคนั้นฝ่ายที่เคี้ยวอาหารเต็มปากกลืนทุกอย่างลงคอ ท่าทางผ่อนคลายเวลาอยู่บ้านเริ่มเปลี่ยนเป็นหลังตรง ดวงตามีแววร่าเริงเสมอกลับขึงขังจ้องลึกเข้ามาในตาคมราวกับจะอ่านความคิดและหยั่งเชิงอยู่ในที ทว่าอีกคนยังคงยิ้มไม่มีความกลัวแต่อย่างใด


แม่ฉันบอกว่า นายส่งเงินค่าเช่าบ้านกับพวกโสมไปให้ที่บ้านแม่ที่นิวซีแลนด์ ทั้งที่ตัวเล็กไม่ได้บอกที่อยู่ บางทีก็ส่งไปให้ทางบ้านคู่หมั้นของแจโฮด้วยจู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องด้วยลักษณะท่าทางน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง


แล้วยังไงครับ


ตั้งแต่นายมาอยู่กับน้องฉัน ถึงตัวเล็กเขาจะเล่าเรื่องนายให้ฟังตลอด แถมคนที่นี่ก็ว่านายดีกับตัวเล็กมากและจากที่ฉันสังเกตก็เห็นนายอ่อนโยนกับเขาจริงๆ แต่แม่กับฉันก็ยังสงสัยนะว่า นายทำงานอะไรถึงได้มีเงินเยอะขนาดส่งของพวกนั้นมาให้ มีบางทีที่คิดว่า คนฐานะอย่างนายกำลังคิดจะเล่นสนุกอะไรกับตัวเล็กหรือเปล่า


อยากรู้เหรอครับว่า ผมทำงานอะไร...ถ้าอยากรู้ขออีเมล์หรือแฟกซ์ของพี่หน่อยได้ไหมล่ะครับ


เอาไปทำไม


ผมจะให้ทนายส่งรายงานทรัพย์สินกับธุรกิจทั้งหมดที่ผมถือหุ้นหรือมีส่วนในการกำกับดูแลไปให้ ถ้ายังไม่พอเอาเลขบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตผมไปตรวจสอบก็ได้ ยิ่งกว่านั้นผมสามารถหาคนสำคัญของรัฐบาลเป็นบุคคลอ้างอิงผมได้ ถึงผมจะไม่ใช่คนดีแต่รับรองผมไม่ใช่คนหลักลอยและไม่เคยต้องคดีนะ และที่ผมส่งของดีๆไปให้แม่กับน้องชายพี่เพราะผมรักลูกแมวถึงอยากให้คนในครอบครัวลูกแมวชอบผมไง แต่ชีวิตผมมันชินกับการใช้เงินทำทุกอย่างเลยคิดอะไรละเอียดอ่อนกว่าวิธีนี้ไม่ออกคนผิวเข้มบอกด้วยท่าทางทีเล่นทีจริงหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์แต่ดวงตาคมที่จ้องกลับมาฉายชัดว่า พูดจริงทุกประการ


นี่คง...ไม่ได้มีอะไรกับตัวเล็กแล้วหรอกนะ


จบคำน้ำในปากของอีกคนก็พ่นออกมาแล้วไอโขลกเพราะสำลักน้ำดีที่ยังหันไปทางเคาน์เตอร์เตรียมอาหารทันเลยไม่รดไปโดนหน้าฝ่ายที่ถาม


ผมยัง...ไม่ได้...ทำ


แล้วจะทำหรือเปล่า


แค่ก แค่ก


ไม่ตอบ แสดงว่าคิด...ห้ามทำนะเว้ย มีอารมณ์ก็ห้ามทำ ถ้าเขาไม่อนุญาตห้ามใช้กำลังทุกกรณี


แค่ก...ไม่ทำหรอก...ผมถนอมเขาจะตาย


ตกลงนี่ รักตัวเล็กเขาจริงๆใช่ไหม


ถ้าไม่จริงจะมานั่งเล่นยี่สิบคำถามกับพี่อยู่ตรงนี้เหรอ


เคยบอกเขาหรือเปล่า


บอก


แล้วตัวเล็กว่าไง


แค่ยิ้มตอบ ไอ้แบบนี้มันใช่การตอบรับรักของผมหรือเปล่า


โอ๊ย...อย่าหลงตัวเอง ตัวเล็กน่ะไม่ใช่คนที่คิดอะไรแบบคนทั่วไปหรอก ถ้าคิดนะอาจจะมีลูกไปแล้ว


ผมก็พอรู้อยู่หรอกว่าคิดไม่เหมือนคนอื่น จนบางทียังอยากรู้เลย ว่าเลี้ยงเขามายังไง


ก็เลี้ยงมาแบบไข่ในหินไง...เอาจริงๆนะ ตัวเล็กเคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังไหม แบบมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง ทำไมถึงเรียกแม่ว่าแม่ทั้งที่เป็นผู้ชาย


ลูกแมวพูดถึงคนในบ้านแต่ไม่ได้เล่าละเอียดขนาดนั้นหรอกแล้วผมก็ไม่ถามด้วย


งั้นจะเล่าให้ฟัง...ถือว่าแลกกับโค้ทราล์ฟ ลอเรนก็แล้วกัน


ฮันเฮบอกพลางมองคนที่ขยับเข้ามาใกล้ตั้งใจฟังก็เริ่มเล่าถึงตัวเองและน้องที่มีพ่อแม่แท้ๆเดียวกัน ฝ่ายพ่อเขาเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจโลจิสติกส์มีพี่น้องเป็นผู้ชายอยู่ด้วยกันสามคน ส่วนแม่เป็นลูกสาวคนเดียวในตระกูลทำธุรกิจเซรามิกส์ เหตุผลที่เขาต้องใช้นามสกุลพ่อเพราะเป็นลูกชายคนโต ส่วนน้องใช้นามสกุลแม่เพื่อให้ทางฝ่ายแม่ยังมีทายาทสืบสกุล ตอนที่เขาอายุห้าขวบ พ่อกับแม่เกิดประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก คุณอาเลยรับหน้าที่ดูแลพามาอยู่ที่เกาหลีโดยมีย่ากับยายช่วยดูแล และเหตุที่เรียกว่า แม่ เพราะคุณอาบอกให้เรียกก็เลยเรียกจนติดปากและไม่คิดจะเปลี่ยนเพราะทุกคนเห็นเป็นแม่จริงๆ  


ฉันกับแจโฮเหมือนพ่อ พวกโครงใหญ่แข็งแรง แต่ตัวเล็กนะขี้โรคเหมือนแม่ เกิดมาก็น้ำหนักน้อยแถมเป็นลิ้นหัวใจรั่วอีก ตอนเด็กๆเข้าออกโรงพยาบาลแบบที่ยายต้องสวดมนต์เช้าเย็นให้ตลอด แต่เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก โกรธใครก็ไม่ค่อยจะเป็น ขนาดโดนแกล้งยังไม่รู้เลย ทุกคนเลยยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไร แล้วเขาก็เป็นคนใจดีไปทั่วแถมไม่รู้ตัวว่า มีคนรักตัวเองมากขนาดไหนและตีความคำว่ารักของทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนเหมือนพี่ คนที่มาชอบต้องเข้าใจและมีความอดทนมาก เพราะงั้นถ้าจะถอยไปตอนนี้ยังทันนะสุดท้ายคนเป็นพี่เริ่มขู่เพราะอยากหยั่งเชิงอีกฝ่ายดู


อย่าขู่เลย ยังไงผมก็ไม่ถอยหรอก...อย่าตีค่าความรักผมต่ำขนาดนั้น


รักขนาดนี้ ไปขอตัวเล็กกับแม่ฉันเลยไหม


ไปขอได้เหรอ จะยกให้ใช่ไหม ได้ วันนี้จองตั๋วเลย


โอ๊ย ไอ้นี่ก็รีบ รอให้น้องฉันบอกว่ารักนายแบบคนรักก่อนนะหมา ค่อยไปขอ


โธ่ ก็นึกว่าพี่มีวิธีช่วยคนผิวเข้มว่าพลางส่ายหน้าไปมา ชะเง้อมองหาคนตัวเล็กที่หายไปหาของอยู่นานแล้วไม่กลับมา สักทีก็ลุกจากเก้าอี้จะเดินไปตามเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนโผล่เข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนเหงื่อขาวซีด เลยถูกแขนเสื้อเช็ดหน้าเบาๆ  


ไปหาของอีท่าไหน ทำไมเหงื่อเยอะขนาดนี้


พวงกุญแจมันกลิ้งไปใต้ชั้นวางของน่ะ กว่าจะล้วงออกมาได้ตั้งนาน


ผมก็บอกแล้วว่าให้ผมไปหาให้แทนก็ไม่ยอม


ก็เจ้าหมายังไม่ได้กินข้าวเลยนี่นา เดี๋ยวเป็นลมไปทำยังไงล่ะ


ไอ้อย่างผมน่ะไม่เป็นหรอก ที่จะเป็นอ่ะลูกแมวต่างหาก


โห ก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย แล้วนี่กินข้าวกันเสร็จหรือยัง


ยัง...ลูกแมวก็รีบไปกินได้แล้วเสียงเข้มเอ่ยอย่างเป็นห่วง มืออุ่นหยาบสอดเข้าไปในมือเรียวนุ่มพาจูงให้มากลับมานั่งกินข้าวเหมือนเดิม


หลังกินข้าวมื้อกลางวันเรียบร้อย กวังรยอลรับอาสาเป็นจัดการจานชามทั้งหมดและไล่สองพี่น้องไปดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น เมื่อเปิดถุงดูข้าวของที่บอสกับสองพี่สาวในออฟฟิศฝากมาให้น้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกินเล่นกับของใช้ลายแมวเสร็จ ฮันเฮก็เอนหลังพิงกับพนักโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนพลางกดรีโมทเปลี่ยนช่องดูรายการน่าสนใจไปเรื่อยเปื่อยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ลูบผมนุ่มของน้องที่นอนหนุนตักตัวเองอยู่


พี่ดูเหนื่อยมากเลย...อย่าทำงานหนักนักสิ น้องเป็นห่วงนะรู้ไหม


ก็มันเป็นงานที่พี่รัก พอทำๆไปมันเพลินรู้ตัวอีกทีก็ข้ามวันข้ามคืนแล้ว


ทำแต่งานอย่างนี้จะได้แต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ...ตัวเองเป็นลูกคนโตนะ จะรอให้แจโฮแต่งงานมีลูกโตก่อนได้ไง


ว่าแต่พี่แล้วตัวเล็กล่ะมีคนอยากแต่งด้วยยัง


คนที่อยากแต่งด้วยยังไม่มีหรอก มีแต่คนที่อยากอยู่ด้วย


ใคร


ก็มีแม่ แจโฮ แล้วก็พี่ อ้อ มีเจ้าหมาด้วยอีกคนคนตัวเล็กร่ายค่อยๆหักนิ้วมือนับคนที่อยากอยู่ด้วยลงมาเลยถูกมือเรียวสวยของพี่ชายที่เหมือนจะเป็นไม่กี่สิ่งในร่างกายที่มีเสน่ห์รวบไว้


หายไปคนหนึ่งหรือเปล่า


เมื่อถูกถาม แม้ใบหน้านวลยังมีรอยยิ้มทว่าดวงตากลมสวยที่สะท้อนภาพของพี่ชายเริ่มมีแววสลดลงทีละน้อย


พี่เขาไปอยู่กับคนอื่นแล้วนี่ น้องจะกล้านับเขาไว้เหมือนเดิมได้ยังไง


โกรธมันหรือเปล่า


ไม่หรอก คนเราทำอะไรต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว อีกอย่างพี่เขาก็ดูแลเป็นพี่ชายที่ดีมาตลอดจะให้โกรธน้องก็ทำไม่ลงหรอก


แต่จนตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เหตุผลของมันที่ทำแบบนั้นอยู่ดี...ปีนี้ยังติดต่อมันไม่ได้เลย ล่าสุดที่คุยก็รู้แค่ไปขั้วโลกคนเป็นพี่บอกพลางถอนหายใจ


ก็หวังว่า พี่เขาจะสบายดีนะ


แล้วตัวเล็กอยู่กับเจ้าหมาเป็นยังไง


ก็ดีนะ...เขาใจดีกับน้องมากเลย อย่างที่น้องเล่าเมื่อก่อนเขาทำงานบ้านไม่เป็นเลย ตอนนี้นอกจากทำกับข้าวก็ทำทุกอย่างแทนหมด เวลาน้องอยากไปไหนก็พาน้องไปด้วยตลอด เป็นคนที่พึ่งพาได้ แต่น้องไม่ชอบเลยเวลาเขาซื้อของแพงมาให้ แล้วก็เป็นห่วงที่เขาทำงานกลับบ้านดึกดื่นๆ แต่มันเป็นงานของเขา ขอแค่ไม่ทำงานเสี่ยงอันตรายก็ไม่เป็นไร


ทำไมไม่ชอบให้ซื้อของแพง


น้องไม่ได้ให้เขามาอยู่เพื่อให้ซื้อของให้สักหน่อย น้องยอมให้อยู่เพราะอยากอยู่ด้วยเฉยๆ


ชอบเขาหรือเปล่า


ชอบสิ ถ้าไม่ชอบจะอยู่ด้วยกันได้ยังไงตั้งนาน


แล้วรักเขาไหม


รักสิ...เขาก็บอกว่ารักน้องนะ


ไอ้รักที่ว่านี่คือยังไง


ก็เหมือนคนในครอบครัว...รักแบบที่รักพี่ รักแม่ รักแจโฮไง


อาคนตัวใหญ่ที่เอนหลังกับโซฟาถอนหายใจผ่านริมฝีปาก นี่ ตัวเล็ก พี่จะบอกอะไรให้นะ คำว่า รักของตัวเล็กกับของเขาอาจไม่เหมือนกันก็ได้


ไม่เหมือนกันยังไง


ตัวเล็กก็รู้ไม่ใช่เหรอ นอกจากรักแบบเพื่อน ครอบครัวแล้วยังมีรักแบบที่อยากแต่งงาน อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นทุกอย่างในชีวิตของกันและกัน มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น


555 เจ้าหมาไม่คิดแบบนั้นหรอกมั่ง” 


ถ้าเขาคิดล่ะ...เราจะทำยังไง จะรับรักเขาไหม” 


คนที่นอนหนุนตักทอดสายตายังพี่ชายที่ก้มมาหาแล้วเบือนหน้าหันไปอีกทางพร้อมกับรอยยิ้มที่เริ่มเลือนจากหน้าอย่างใช้ความคิด


น้องก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนนี้น้องรู้แค่ว่า เขาเป็นคนในครอบครัวสำหรับน้อง และถ้าการรับรักคือการได้อยู่ด้วยกันไปตลอด ถึงตอนนั้นน้องอาจจะรับก็ได้นะ


โอ๊ย แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรรู้ปะ


เรียกว่าอะไร


กั๊ก


อะไร น้องไม่ได้กั๊กสักหน่อย สมมติวันไหนเขาจะไม่อยู่กับน้อง น้องก็ไม่ว่าหรอก ขอแค่เขาบอก อย่าหายไปเฉยๆก็พอ


ฮันเฮเลียริมฝีปากคล้ายกำลังคิดแล้วละสายตาจากน้องมองไปยังนาฬิกาตรงผนัง เห็นเวลาที่ล่วงเลยจนบ่ายสี่โมงแล้วก็ถอนหายใจต้องขอน้องกลับ


พี่ต้องไปแล้วเหรอคนเป็นน้องถามผุดลุกจากที่นอนหนุนตักขึ้นมานั่งทำหน้าหงอย


อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไว้วันหลังจะมาหาใหม่ จะมาก่อนปีใหม่ให้ได้เลย


แน่ใจเหรอว่าจะมา บอกวันมาเลยดีกว่า ถ้าไม่มาน้องจะโทรไปหาคุณบอสของพี่


โหย ใจเย็นสิ ไว้รอพี่แน่ใจเรื่องตารางส่งงานก่อนนะแล้วจะคาทกมาบอก


พี่ชายดึงน้องมากอดแล้วโยกไปมาเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งกล่อมน้องนอนในโรงพยาบาลแล้วหันไปมอง คนตัวใหญ่ผิวเข้มที่หอบของใส่ถุงกระดาษจากช็อปราล์ฟ ลอเรนเข้ามาในห้องนั่งเล่นเลยตะโกนบอกเรื่องที่จะกลับไปทำงานต่อ


อ้าว จะกลับแล้วเหรอครับ


อืม มีงานต่อน่ะตอบพร้อมลุกจากโซฟาดึงมือน้องให้เดินตามหลัง แล้วนั่นเอาอะไรมาอีกเหรอ


ก็เสื้อโค้ทกับเสื้อยืดที่ให้พี่ดูไปก่อนหน้านี้นะครับ แล้วก็มีกางเกงยีนส์กับหมวก ผ้าพันคอของราล์ฟ ลอเรนที่ผมไม่ได้ใช้ก็เลยคิดว่าให้พี่ไปด้วยเลยมือใหญ่ยื่นถุงนั้นไปให้อีกคนรับไว้


โห...ใจคอจะเอาราล์ฟ ลอเรนซื้อใจกันเหรอ


ซื้อได้ไหมล่ะครับ ถ้าได้คอลเลคชั่นหน้าผมส่งถึงบ้านเลย


เอาจริงดิ


อะไรที่พูดออกไป ถ้าทำไม่ได้ผมไม่พูด


ซึงฮวังกระพริบตามองพี่ชายสลับกับคนที่อยู่ด้วยกันไปมาอย่างไม่เข้าใจอยู่พักหนึ่งจนปะติดปะต่อได้เลยยกมือตีไหล่ของทั้งคู่พร้อมกัน


แนะ...เจ้าหมาซื้อเสื้อราล์ฟ ลอเรนให้พี่ฮันเฮเหรอ ก็บอกแล้วว่า ไม่ให้ซื้อของให้ผมหรือคนที่บ้านไงหันไปดุใส่คนผิวเข้มแล้วตีแขนไปอีกรอบ จากนั้นจึงหันมาหาพี่ชายทำหน้างอ แล้วพี่นี่นะ มีการไปบอกให้เจ้าหมาซื้อของให้อีก นิสัยไม่ดี


เฮ้ย พี่ไม่ได้ให้เขาซื้อนะ เขาให้พี่เองคนเป็นพี่เริ่มโบ้ย ฝ่ายเจ้าของก็ปฏิเสธทันควัน


อันนี้ผมก็ไม่ได้ซื้อให้นะ พอดีผมใส่แล้วไม่เหมาะเลยให้พี่เขาไป


แน่ใจ...ไม่ได้โกหกใช่ไหมถามแล้วเขย่งเท้าขึ้นไปหาคนตัวสูงกว่าเพื่อจับผิด ถ้าโกหกจะโกรธนะ


ผมไม่ได้โกหก  ไม่เชื่อลูกแมวดูในถุงก็ได้ โค้ทสีดำตัวนี้ผมซื้อมาลองใส่ให้ดูวันก่อน แล้วลูกแมวบอกว่า มันดูไม่ค่อยเข้ากับผม ส่วนชิ้นอื่นก็ไม่ได้ใส่ ยกให้พี่เขาไปจะได้ไม่เสียดาย


จริงเหรอ


จริงสิ...ผมไม่โกหกลูกแมวหรอก ไม่กล้าหรอกฝ่ายถูกคาดคั้นยื่นหน้าเข้าไปหาจ้องตาตอบไปด้วยแววอ้อนและยกแขนกอดเอวบางนั้นเอาไว้ ทำให้คนที่ไม่มีคู่ได้แต่ยืนมองด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายก็ขอตัวกลับเดินนำลิ่วไปโดยมีน้องกับคนที่สูงไล่เลี่ยกันตามไปส่ง


พี่ไปนะ...ดูแลตัวเองดีๆ ไปหาหมอตามนัด กินยาให้ตรงเวลา แล้วพี่จะมาหาใหม่ฮันเฮยื่นมือออกไปขยี้ผมนุ่มจนยุ่งเหยิงก่อนจะอ้าแขนให้น้องเดินเข้ามาหาและกอดเอาไว้แน่น รักนะตัวเล็ก


รักพี่เหมือนกันนะ เดินทางดีๆคนตัวเล็กอวยพรผละออกจากอ้อมกอดได้ก็ยกมือโบกไปมารอส่งจนพี่หายลับสายตาเลยวางแขนกลับดังเก่าเหลียวมาหาคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง


แสงสีทองจากดวงตะวันที่คล้อยต่ำใกล้แตะขอบฟ้า หมู่เมฆถูกย้อมสีอัสดงผสมส้มแดงม่วงเหลืองบอกเวลาที่ล่วงเข้ามาถึงเย็นย่ำและอีกไม่ช้าจะย่างสู่พลบค่ำ สายลมเย็นพัดมาต้องใบไม้ที่เกาะเกี่ยวบนกิ่งเกิดเป็นเสียง คล้ายคลื่น มือใหญ่จากคนผิวเข้มยื่นมาตรงหน้าเพื่อให้มือเล็กสอดเข้าไปจับไว้  


วันนี้เจ้าหมาจะไปทำงานกี่โมงเหรอ


ก็เวลาเดิมแหละ แต่ไม่ค่อยอยากไปเลยแฮะ


ทำไมล่ะ


ช่วงนี้ผมไม่ได้หยุดอยู่บ้านทั้งวันกับลูกแมวเลย เมื่อวานก็วิ่งรอกไปเอารายงานผลประกอบการของบริษัทที่หุ้นอยู่มานั่งอ่าน ไหนจะไปเฝ้าร้านที่หุ้นกับแจบอม แวะไปสักก็กลับมาร้านต่อ กว่าจะถึงบ้านเกือบตีห้า เลยคิดว่าวันนี้จะหยุดน่ะพูดพลางยกมือที่ว่างปิดปากที่หาวหวอด


โห กลับมาเกือบเช้าเลย เหนื่อยแย่


อืม เหนื่อย...ไม่ไปทำงานอีกเลยดีไหมนะ


ไม่ไปทำงานแล้วจะทำอะไร


ก็อยู่กับคุณแล้วกินเงินปันผลเอา


อยู่ด้วยกันแบบนั้นตลอดเวลา เดี๋ยวเจ้าหมาก็เบื่อผมตายพอดี


ไม่เบื่อหรอก...รีบเข้าบ้านเถอะ อากาศมันเย็น เดี๋ยวลูกแมวไม่สบายเสียงเข้มบอกอย่างอ่อนโยนเช่นรอยยิ้ม


ซึงฮวังแลแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจูงตนเองอยู่ตรงหน้ารู้สึกถึงความอุ่นของฝ่ามือใหญ่ที่แทรกเข้ามาให้ความเย็นของเขาสลาย หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอสัมผัสความโอนอ่อนที่มีให้เสมอ ก่อนจะคิดถึงถ้อยคำถามของพี่ชายที่ฝากไว้ให้ขบคิด


เจ้าหมา


จ๋า


ถ้าวันไหนรู้สึกเบื่อ ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว ต้องบอกนะ ไม่ต้องบอกเหตุผลก็ได้ บอกแค่ว่าจะไม่อยู่ด้วยแล้ว อย่าหายไปเฉยๆโดยไม่ลานะ


กวังรยอลชะงักหยุดเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าเอี้ยวตัวกลับมายังร่างบางที่ยืนยิ้มอยู่ หากสุ้มเสียงในประโยคเมื่อครู่กลับฟังแล้วเศร้าอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน


ลูกแมวเขาลากเสียงเรียกนุ่มนวล ผมไม่ไปไหนหรอก ขอแค่ตอนที่ลูกแมวไม่ต้องการผมแล้ว อย่าทิ้งผมเป็นหมาจร เอ็นดูให้ผมอยู่ข้างๆต่อก็พอ


ไม่ไล่หรอก...ใครจะไล่คนที่ตัวเองนับเป็นคนในครอบครัวกัน


งั้นเราสองคนก็อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนแก่เลยนะ ถ้าถึงคราวจะตายก็เขียนพินัยกรรมบอกลูกหลานให้ฝังเราสองคนไว้ด้วยกันไปเลย ดีไหมคนตัวใหญ่ถามด้วยรอยยิ้มละไม แลรอยยิ้มกว้างที่ใช้ตอบแทนคำพูดและดึงร่างเล็กนั้นมากอดแนบอกด้วยความรักทั้งหมดที่มีให้


...เขาไม่แยแสอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต...


...และไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้...


...เมื่อหัวใจของเขาอยู่ที่นี่ อยู่ที่คนในอ้อมแขนนี้...


...ทุกเสี้ยววินาทีที่มีลมหายใจ เขาอุทิศให้นางฟ้าของเขาแต่เพียงคนเดียว... 


You Might Also Like

0 Comments