LOVE TOXICAL : WONSAM CHAPTER 1

22:07



...ท่ามกลางผู้คนมากมายหลายพันล้าน
แปลกที่ความอ้างว้างกลับกินลึกอยู่ในใจ
แม้พื้นที่บนโลกจะกว้างไพศาล
กลับไม่มีสักหนแห่งที่เรียกว่าบ้านได้แท้จริง


แสงสลัวหลากสีและเสียงดนตรีจังหวะเร้าอารมณ์ผสานไปกับกลิ่นหอมจากเรือนกายและกลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้บรรยากาศภายในผับที่มีนักเที่ยวรวมตัวเบียดเสียดกันแน่นเต็มไปด้วยความสนุกโดยเฉพาะในส่วนหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก


กลุ่มหญิงสาวห้อมล้อมพร้อมสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ชงเหล้าให้ลูกค้าไม่หยุดมือจนผู้ชายหลายคนเหล่มองอย่างไม่สบอารมณ์มีหลายคนเขียนเบอร์โทรศัพท์ใส่กระดาษยื่นมาให้บ้างก็ยัดมันใส่กระเป๋าเสื้อลายสก็อตที่เขาสวมพร้อมกับทิปฝ่ายที่ได้รับไม่ตอบรับใครเพียงแค่ตอบแทนด้วยการยิ้มและขยิบตาให้เป็นบางทีเรียกเสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจจากลูกค้าสาวๆเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี


ทุกคืนวันศุกร์ถึงอาทิตย์เป็นวันที่มีนักเที่ยวผู้หญิงหลั่งไหลเข้ามาเพื่อพบกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มียิ้มมากกว่าจะพูดและชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าอย่างประณีตไม่ใช่แค่ผู้หญิงแต่บางวันที่เขาได้โอกาสขึ้นเวทีไปแรปร่วมกับเพื่อนๆพี่ๆแรปเปอร์ที่รู้จักซึ่งมาจัดงานในร้านก็ทำให้นักเที่ยวผู้ชายสนใจเขาอยู่เหมือนกัน


...ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขาส่วนใหญ่ก็เรียกขานเขาสั้นๆว่า วัน...


ไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ เสียงหวานเรียกให้คนที่กำลังเสียบกุญแจรถหันไปมองและพบกับหญิงสาวสวยสวมเดรสสั้นสีเว้าหลังยาวคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตหนังยืนพิงรถของเขาอยู่


ชายหนุ่มยิ้มบางตรงมุมปากด้วยแววตาพราวระยับมือผายเชิญให้อีกคนขึ้นมานั่งบนรถแล้วขับมันออกจากลานจอดรถไป


นานเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ที่เขาเคล้าคลอแลกเปลี่ยนความสุขกับหญิงสาวแปลกหน้าที่เจอกันไม่ถึงห้านาทีร่างโปร่งเปลือยเปล่านอนลืมตามองเพดานห้องโดยมีร่างอรชรไร้อาภรณ์นอนกอดก่ายอยู่ใต้ผ้าห่มหนาอย่างเย็นชาราวกับไม่เคยมีความสุขสมทางการมณ์เกิดขึ้น


เซ็กส์กับคนแปลกหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในแหล่งเที่ยวกลางคืนเป็นอาจิณอย่างเขาหากสิ่งที่แปลกคือความรู้สึกว่างโหวงหรือบางครั้งก็ลามถึงขั้นปวดมวนไปทั้งท้องจนหายใจไม่ออกหลังจบกิจกรรมเหล่านั้น


เขาขยับกายผุดลุกจากเตียงคว้าเสื้อผ้าที่กองกระจัดกระจายขึ้นสวมยัดกระเป๋าสตางค์และมือถือใส่กระเป๋าเสื้อพร้อมหยิบบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์จุดสูบแล้วเดินออกจากห้องลงมายังรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่พลางทอดสายตาออกไปในแสงไฟสลัวที่ส่องถนนในความมืด


บนถนนที่ร้างผู้คนมีเพียงสายลมเย็นพัดเป็นระลอกทำให้คนที่ยืนอยู่เพียงลำพังรู้สึกตัวเหมือนเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า...ความอ้างว้างกลับมาสถิตในใจอีกครั้ง


Anywhere, everywhere
It’s so many people around me,
I still feel all alone, alone, alone


เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างที่เขาขยี้บุหรี่กับพื้นมือหยิบขึ้นมากดรับสายยินเสียงที่คุ้นเคยของผู้เป็นแม่รัวเป็นชุดจนฟังไม่ทันทำให้คิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยความสงสัย


แม่ของเขาเป็นซิงเกิ้ลมัมที่เลี้ยงเขากับพี่ชายตามลำพังความที่แม่เป็นผู้หญิงเก่งทำให้บริษัทเห็นความสามารถและส่งแม่ไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารประจำสาขาที่อเมริกาตอนที่เขาอายุสิบห้า


เขาใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาประมาณสองสามปีก็ตัดสินใจกลับมาเรียนที่เกาหลีคนเดียว


เรามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รับโทรศัพท์แม่แล้วนี่ใกล้ถึงสนามบินหรือยัง จะปล่อยน้องเขารอจนเช้าเลยหรือไงถึงจะไปรับได้น่ะ


เดี๋ยวๆ แม่พูดเรื่องอะไรทำไมผมต้องไปสนามบินด้วยอ่ะ


อะไร นี่อย่าบอกนะว่าลืมเมื่อวานแม่ก็โทรมาย้ำแล้วไม่ใช่เหรอว่า วันนี้ตอนตีสองให้ไปรับน้องที่สนามบินด้วย


น้อง...น้องไหนอ่ะครับ


ก็ลูกชายของเจ้านายแม่ไง...อาทิตย์ก่อนแม่โทรมาหาบอกเราไม่ใช่เหรอเรื่องที่เจ้านายของแม่เขาจะต่อเติมบ้าน แม่ก็เลยให้ลูกชายเขาที่เรียนอยู่เกาหลีมาอยู่กับเราก่อนจนกว่าจะต่อเติมบ้านเสร็จน่ะ


โหย...ทำไมแม่ทำอะไรไม่ปรึกษาผมก่อนเลย


ไม่ปรึกษาอะไรกันก็เราเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่ามาอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร...ไม่เชื่อไปย้อนดูในคาทกเลยไป


แล้วจะอยู่นานแค่ไหนอ่ะครับ


หกเดือน


"ฮะ”คำอุทานหลุดจากปากพร้อมกับมือไม้ที่อ่อนจนโทรศัพท์แทบร่วงจากมือ ตั้งหกเดือนถ้าอยู่นานขนาดนั้นทำไมเขาไม่เช่าอพาร์ทเม้นต์หรือหอพักอยู่ไปก่อนเล่า


ก็เขายังเด็กอยู่เลยไปเช่าหออยู่คนเดียวมันอันตรายแล้วเจ้านายแม่กับภรรยาเขาก็ยุ่งกับเรื่องอาการป่วยของลูกคนเล็กกันอยู่นี่ก็ยังไม่ปิดเทอมจะให้หาคนที่ไว้ใจได้กะทันหันแบบนี้ก็ไม่รู้จะหาจากไหนแม่เห็นเราอยู่คนเดียวอพาร์ทเม้นต์เราก็ออกกว้างให้น้องไปอยู่ด้วยสักคนจะเป็นอะไรไป


แล้วเด็กคนนั้นอายุเท่าไหร่


สิบสาม


โอ๊ย...ทำไมเด็กนักล่ะครับ


ก็เพราะเด็กไงถึงให้อยู่คนเดียวไม่ได้แต่เขาเป็นเด็กน่ารักนะ...คงอยู่กันไม่ยากหรอก


ชายหนุ่มเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ...แค่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในอาณาเขตส่วนตัวก็ถือว่ายุ่งยากแล้วแต่การที่คนไม่ชอบเด็กต้องรับมือกับเด็กมันหนักหนาเข้าไปอีก


แต่แม่ก็รู้ว่าผมไม่ค่อยชอบอยู่กับใคร


ไม่ชอบอยู่กับคนอื่นแต่แม่ก็เห็นเรามีเพื่อนเยอะนิหรือที่อิดออดไม่อยากให้ไปเพราะเราซุกผู้หญิงไว้ที่ห้อง


เฮ้ย ไม่มีอะครับ


เออ งั้นก็อย่าปัญหาเยอะรีบไปสนามบินเลยไป โอ๊ะอยู่ๆแม่ของเขาก็อุทานผ่านปลายสาย เราไม่ต้องไปแล้วนะสนามบินน่ะ


อ้าว หรือว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว


เปล่า...แต่เขานั่งแท็กซี่มารอหน้าอพาร์ทเม้นต์แล้วต่างหาก


"ฮะ...หน้าอพาร์ทเม้นต์ผมอะนะ


รีบๆลงมาเลยอย่าให้เขารอนานไปกว่านี้นะ...เดี๋ยวเจ้านายแม่รู้ว่าแกปล่อยน้องเขามาเอง แม่จะหักเงินค่าขนมแก แค่นี้นะ


ฉิบหายคำสบถหลุดจากปากขณะยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าแล้วบึ่งรถกลับไปจอดรถใต้ลาดจอดของอพาร์ทเม้นต์ตัวเองแล้วเดินออกมามองหาเด็กคนนั้นแต่ไม่พบใครสักคนเลยกดโทรศัพท์หามารดาอีกครั้งหากครั้งนี้สายกลับไม่ว่าง


แม่ มัวทำอะไรอยู่เล่า รับสายหน่อยเขาบ่นออกมาอย่างร้อนใจจนไม่ทันสังเกตเห็นร่างเล็กที่โผล่ออกมาจากเงามืดของตึกเดินมายืนข้างๆ


พี่คือลูกชายของคุณป้าเยริใช่ไหมครับ เสียงแหบที่ยังไม่แตกดีลากเสียงถามอย่างเย็นเยือกทำเอาคนที่กำลังร้อนใจสะดุ้งสุดตัวกระโจนถอยไปหลายก้าวก่อนจะเขม่นมองคนตัวเล็กที่ซ่อนหน้าอยู่ใต้เสื้อคลุมมีฮู้ดสีดำตัวใหญ่กางเกงยีนส์สีดำพอดีตัวทำให้เล็กขาที่เรียวเล็ก ผมไม่ใช่ผีไม่ต้องตกใจขนาดนั้น


อา...นาย คนที่แม่พี่บอกว่าจะมาอยู่ด้วยสินะ


ครับ


อ้อคนโตกว่าตอบเท่านั้นก็เงียบยาวขณะที่มือไม้สางผมของตัวเองไปมาเหมือนไม่รู้ว่าจะทำยังไง


แล้วจะให้ผมเข้าไปข้างในได้หรือยังครับ


เออ ลืมเลย...ตามมาสิ


ชายหนุ่มบอกแล้วหยิบคีย์การ์ดแตะบนเครื่องก่อนนำทางไปยังลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นสิบสองก็แตะคียการ์ดรูดกับเครื่องข้างประตูเปิดเข้าไปในห้องชุดกว้างที่ตกแต่งในสไตล์ลอฟท์อินดัสเตรียทสีสันภายในห้องไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์คลุมอยู่ในโทนสีน้ำตาลดำและเทาเป็นหลักนั้นครบครันด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก


มีห้องว่างอยู่สองห้องอะนะ...นายเลือกเอาแล้วกันว่าจะนอนห้องไหนเออ สองห้องนั้นมันไม่มีคนใช้มานานแล้วอาจจะมีฝุ่นบ้างถ้านอนไม่ได้ก็นอนที่โซฟาก่อนแล้วพรุ่งนี้จะหาคนมาทำความสะอาดให้ เจ้าของห้องบอกไปเรื่อยโดยไม่ได้หันมามองอีกคนที่ทุลักทุเลกับการแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพราะไม่อยากลากให้พื้นเป็นรอย


ช่วยผมยกกระเป๋าผมขึ้นหน่อยได้ไหมครับคำขอจากคนตัวเล็กทำให้อีกฝ่ายที่ลืมไปว่าอีกคนลากกระเป๋าใบใหญ่มาด้วยสะดุ้งหันไปยกให้ทันที


ห้องไหนเล็กสุดครับ


ห้องข้างใน


ผมนอนห้องนั้นได้ใช่ไหมครับ


อืมตอบแล้วก็ยกกระเป๋าเดินนำไปยังห้องนอนเล็กที่มีเตียงเดี่ยวกับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือยังดีที่ห้องนี้เปิดม่านให้แสงสว่างเข้ามาตลอดเลยไม่ค่อยอับนัก


นอนได้ใช่ไหม


ครับ


อา...ก็ดี


มีน้ำไหมครับ


อ้อ...อยู่ในครัวน่ะจะให้ไปเอาให้ไหม


ไม่ครับ ผมออกไปเองดีกว่าพูดจบคนตัวเล็กก็ลุกจากพื้นที่นั่งขัดสมาธิเดินออกจากห้องปล่อยให้อีกฝ่ายเดินตามหลังมายืนคว้างกลางห้องนั่งเล่นที่มีโทรทัศน์จอใหญ่กับโซฟาหนังที่ปรับนอนได้ด้วยความรู้สึกประดักประเดิด


เด็กผู้ชายที่ยังซ่อนหน้าอยู่ใต้ฮู้ดเดินออกจากครัวพร้อมกับน้ำเปล่าแก้วใหญ่ยืนมองเขาอยู่ใกล้กับโต๊ะไม้ที่ใช้กินข้าวเงียบๆทำให้บรรยากาศภายในห้องตอนตีสามเต็มไปด้วยความอึดอัดกระอักกระอ่วน


...ความที่อยู่คนเดียวจนชินไม่ต้องแยแสอะไรใครมาก ยิ่งต้องมาอยู่กับเด็กที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบกะทันหันเลยไม่รู้จะทำตัวยังไง


จะให้ผมเรียกพี่ว่าอะไรครับในที่สุดคำถามทำลายความเงียบก็ดังขึ้น


ก็เรียกแจวอนหรือวันก็ได้แล้วเราล่ะชื่ออะไร


ซามูเอลแต่พี่จะเรียกแซมก็ได้นะ


อืมตอบในลำคอแล้วก็เงียบกันไปอีกก่อนที่คนอ่อนกว่าจะเป็นฝ่ายถามใหม่


พี่ทำงานบ้านเป็นไหมครับ


งานบ้านอีกคนทวนคำพร้อมกระพริบตาอย่างงงๆ


พวกทำอาหารอะไรแบบนี้ เป็นไหมครับ


ไม่อ่ะ


แล้วกินข้าวยังไงครับ


ซื้อกิน


งั้นเรื่องเสื้อผ้าซักยังไงครับ


จ้างร้านเอา


ถ้าห้องสกปรกทำความสะอาดเองหรือเปล่าครับ


ก็จ้างบริการทำความสะอาดแต่ถ้าไม่ทำให้รกมันก็ไม่สกปรกอะไรนี้แล้วพี่ก็ไม่เคยทำอะไรให้มีกลิ่นผิดไปจากเดิมด้วย


พี่ไม่ค่อยอยู่บ้านสินะ


ก็ประมาณนั้น


ออกไปเที่ยวเหรอครับ


ไม่ได้เที่ยวตลอดหรอกบางทีก็ไปทำเพลงทำหนังกับพวกรุ่นพี่ แล้วก็ทำงานพิเศษ


ทำงานพิเศษในร้านกลางคืนสินะครับ


ทำไมรู้


เดาไม่ยากหรอกครับ


จริงสิ...คงไม่มีใครแต่งตัวเต็มยศตอนตีสามหรอกเนาะ


ก็คงมี...ถ้าเขาคนนั้นต้องไปรับคนที่สนามบิน น้ำเสียงที่สวนกลับคล้ายมีเสียงหัวเราะปนทำให้คนฟังกลอกตาบนรู้สึกเหมือนถูกย้อนแต่พยายามคิดในแง่ดีว่าไม่ใช่


ชอบชีวิตกลางคืนสินะครับ


มันก็ดีอ่ะเวลากลางคืนมันสนุกกว่าตอนกลางวัน มีอะไรที่ชอบให้ทำนะ


ไม่ใช่เพราะกลางคืนมันเหงากว่ากลางวันเหรอครับถ้อยคำแปลกๆหลุดออกมาทำให้คนฟังขมวดคิ้วแต่ไม่ทันถามอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่อง


ถ้าผมมาอยู่พวกงานบ้านผมจะทำให้เองแล้วกัน


อา


แล้วพี่ก็ไม่จำเป็นต้องดูแลผมนะไม่จำเป็นต้องคุยหรือสนิทกัน  ใช้ชีวิตไปแบบเดิมนั้นแหละ


ทำได้เหรอ...คนโตกว่าเลิกคิ้วถาม...เพราะไม่อยากให้การดูแลเด็กมากระทบชีวิตตัวเอง


ได้สิผมไม่ฟ้องใครหรอก...ผมเองก็ไม่อยากยุ่งกับชีวิตคนเหงาเหมือนกัน


“ฮะ” เสียงจากความสงสัยหลุดจากในลำคอ


ดีลแล้วเนาะ...ผมไปนอนก่อนนะ ข้อสรุปแบบรวบรัดตัดบท ทำให้คนเป็นพี่หรี่ตาอย่างไม่แน่ใจทว่าเห็นท่าอีกฝ่ายที่เดินหายเข้าห้องไปแล้วบวกกับความง่วงของตัวเองเลยไม่อยากเซ้าซี้เดินกลับเข้าห้องแล้วนอนหลับเช่นกัน


การอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันของคนต่างวัยดำเนินขึ้นในคืนนั้นหากทุกอย่างภายในห้องกระทั่งความเงียบเชียบนั้นยังเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรใหม่แต่สิ่งที่ยืนยันถึงการมีตัวตนของอีกคนแก่เจ้าของห้องคงเป็นอาหารเช้าง่ายๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทุกวันกับของสดที่แช่อยู่จนแน่นตู้เย็นและข้าวของที่ตั้งเพิ่มขึ้นในห้องน้ำ


แจวอนไม่ได้พบหรือคุยกับเด็กคนนั้นเลยเกือบอาทิตย์เขายังใช้ชีวิตตื่นสายและกลับเกือบเช้าโดยส่วนใหญ่วันธรรมดานอกจากออกไปเรียนเขาก็ไม่ได้เที่ยวกลางคืนทุกวันแต่มีไปทำเพลงร่วมกับเพื่อนๆพี่ๆแรปเปอร์ใต้ดินที่รู้จักหากการใช้ชีวิตที่ไม่เปลี่ยนไปทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่กับคนอื่น


...ต่างฝ่ายต่างพอใจที่จะอยู่กันแบบไม่รู้จักกัน...




You Might Also Like

0 Comments