LOVE TOXICAL : WONSAM&CHULJAE CHAPTER 3

22:24


ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ


เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเตือนในโทรศัพท์มือถือบนเตียงดังและสั่นส่งแรงสะเทือนไปถึงคนที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียงขยับพลิกตัวไปมาแล้วตลบผ้าห่มลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างงัวเงีย 


แสงจากหน้าจอมือถือทำให้ห้องมืดที่คลุมด้วยม่านสีเทาหม่นสว่างพอให้มองเห็นภายในห้องนอนซึ่งนอกจากโต๊ะทำงานที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำเพลงที่เป็นระเบียบแล้วนอกนั้นก็รกไปหมด


แจวอนใช้มือไถปิดการปลุกแล้วอ่านข้อความในคาทกที่เด้งขึ้นมา...แม่ผู้อยู่อีกฟากโลกส่งข้อความถามถึงความเป็นอยู่ของเขากับเด็กผู้ชายที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เขาส่งข้อความตอบกลับไปแบบสั้นๆว่า ก็ดีเหมือนที่เคยทำพลางมองเวลาที่ขึ้นอยู่บนจอจากนั้นจึงกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคน


ขอลางานวันหนึ่งนะครับ ไม่ค่อยสบายอ่ะพี่...อืม ขอโทษนะครับ เขาบอกกับรุ่นที่เป็นเจ้าของผับที่เขาทำงานพิเศษแล้วเดินโซซัดโซเซออกจากห้องเดินไปในความสว่างของแสงไฟที่เหมือนจะมีบางคนเปิดทิ้งไว้ให้


ชายหนุ่มเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเกรปฟรุ๊ตยี่ห้อโปรดกระดกดื่มก่อนจะเห็นข้าวต้มชามหนึ่งกับไข่ม้วนและหมูผัดเปรี้ยวหวานใส่อยู่ในจานเดียวกันถูกห่อไว้ด้วยแผ่นพลาสติกวางอยู่ข้างยาแก้ไข้แผงหนึ่งบนเตาไมโครเวฟ


...กินข้าวแล้วกินยาด้วยนะครับ ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปลางานดีกว่านะครับ...


นิ้วเรียวหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่เขียนข้อความด้วยตัวอักษรอ้วนกลมอ่านง่ายและน่ารักที่แปะอยู่บนแผ่นพลาสติกที่คลุมอาหารขึ้นมาอ่านพร้อมกับคำพูดที่ว่า คุยได้แต่อย่าสนิทกับโลกคนเหงาที่เด็กคนนั้นบอกลอยเข้ามาในความคิด


...เด็กประหลาด...


เขาเกือบจะขย้ำกระดาษแผ่นนั้นแล้วแต่ไม่รู้ทำไมจึงยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นที่ตัวเองสวมและจัดการอุ่นอาหารแล้วหยิบมันไปนั่งกินบนโซฟาพลางกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมาหารายการน่าสนใจจนเจอช่องภาพยนตร์ต่างประเทศเลยเปิดแช่ไว้เพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไป


เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะอยู่ในห้อง พอต้องมาอยู่คนเดียวแม้จะมีเสียงโทรทัศน์อยู่เป็นเพื่อนแต่ในใจกลับรู้สึกแปลกๆ เขาผุดลุกจากโซฟาวางจานไว้ในอ่างล้างในครัวนึกสงสัยว่า เด็กคนนั้นจะอยู่บ้านหรือเปล่า เลยลองไปเคาะประตูห้องเล็กนั้นดูแต่ไม่มีเสียงตอบรับเลยเดินไปมองหารองเท้าที่หน้าประตูก็พบความว่างเปล่า


...ไปเล่นบาสเหรอ...


...มีเพื่อนเหมือนกันสินะ...


ช่วงเวลาที่อยู่ในความคิดของตัวเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อกดรับสายก็ได้ยินเสียงแสบๆของกวังมินเอ่ยทักทาย


มึงอยู่ไหนล่ะ...ไปกินข้าวกัน


อยู่บ้าน


ยังไม่ออกมาอีกเหรอ ไม่ทำงานไง


พอดีไม่ค่อยสบายเลยลางานน่ะ


เอ้า ไม่สบายเหรอ เป็นอะไรมากไหม ให้กูซื้อข้าวซื้อยาไปให้เปล่าพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่สบายก็ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา


ไม่ต้องหรอก มีแล้ว


ให้กูไปหาไหม เผื่อเป็นลมจะได้มีคนช่วย


ไม่เป็นไร


แน่ใจ...ถ้ามึงเกรงใจก็ไม่ต้องนะไอ้ห่า ไม่ไหวก็บอกไม่ไหว อย่าฝืน


ไม่ต้องเป็นห่วงแค่ไม่สบายไม่ได้จะตาย ถ้าใกล้ตาย เดี๋ยวกูโทรไปหา


555 เออๆ ไม่ไหวโทรมาด้วยนะมึง


อืม โชคดีเขากดวางสายเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงมองกลับไปในห้องกว้าง ความเงียบนั้นเกาะกุมอยู่ภายในที่แม้แต่เสียงโทรทัศน์ก็ไม่ช่วยอะไรแต่ความคุ้นชินและไม่อยากออกไปไหนเลยต้องเดินกลับไปนั่งตรงโซฟารอกินยากระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด
--------------------------------------- 
บานประตูไม้หน้าร้านอาหารเกาหลีถูกผลักก่อนที่ร่างเล็กของเด็กลูกเสี้ยวไม่เหมือนคนเกาหลีที่สวมเสื้อคลุมสีเทาจะก้าวเข้ามาข้างในทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่หนาผู้มีผมหน้าม้าสีส้มและชายหนุ่มผมหยักศกสีเข้มสวมผ้ากันเปื้อนสีเข้มที่ยกลังผักและของสดอยู่หันมามอง  


เฮ้ย...วันนี้มาเหรอ นึกว่าจัดการศพอยู่ซะอีก


เขายังไม่ตาย” 


เห็นมะ...พี่บอกแล้วแค่สลบไม่ถึงตายหรอก แล้วนี่ยังไงไม่ต้องดูแลพี่ชายคนใหม่เหรอ
  


ก็ดูจนไม่ได้นอนไปแล้วไงครับ...ตอนนี้ให้เขาดูแลตัวเองไปเถอะ


ทำไมแซมน้อยของเราอยู่ๆก็เย็นชาจังวะ ถ้าพี่กับกวักซอกมันไม่สบายขึ้นมาจะปล่อยพวกพี่ดูแลตัวเองปะ


มันไม่เหมือนกันนะครับ


ไม่เหมือนยังไง


ก็พวกพี่เป็นญาติ


ถ้าไม่ใช่ญาติก็ไม่ดูงั้นดิ


กับพวกพี่ไม่เป็นไร


ทำไมอ่ะ


พวกพี่เข้าใจง่าย


เข้าใจง่าย นี่ไม่ได้ด่าพวกพี่ว่าโง่ใช่ปะ คนผมหยักศกถามพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีปลุกให้คนที่นอนฟุบหน้าท่ามกลางกองหนังสือที่นั่งอยู่ด้านในสุดของร้านเงยหน้ามาหา เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ลุกพรวดตรงเข้ามากอดอย่างเร็ว


แซมมี่


อ้าว ทำไมพี่มาอยู่นี้ล่ะ ไม่อ่านหนังสือสอบเหรอ คนอ่อนกว่าเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มลูกครึ่งผิวขาวจัดผู้มีเรือนผมยักศกสีน้ำตาลอ่อนกับนัยน์ตากลมสวยสีน้ำตาลอ่อนประดับบนใบหน้านวลละมุนเอาแต่ส่งเสียงเหมือนร้องไห้ในลำคอ


ฮันซลแกล้งสะอื้นมองหน้าของเด็กน้อยที่เห็นกันแต่อ้อนแต่อ่อน ถึงจะไม่ใช่ญาติแต่ก็เหมือนญาติเพราะแม่ของเขาทั้งคู่เป็นคนต่างชาติที่ซี้กันมาตั้งแต่สมัยเรียนแม้จะแต่งงานไปแล้วก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ บ้านในอเมริกาก็อยู่ในละแวกเดียวกันกระทั่งตอนที่พ่อของเขาย้ายไปปักหลักที่อเมริกาถาวรทั้งที่มีบ้านอยู่แต่เขาก็เลือกเรียนและอาศัยอยู่ที่บ้านของซามูเอลที่เกาหลีมาตลอด


ฮือ


ร้องทำไมอ่ะครับ...ไม่เจอกันไม่กี่วัน อ่านหนังสือมากเกินจนเพี้ยนแล้วเหรอ


ถ้าอ่านได้ก็ดีดิ


ทำไมอ่านไม่ได้ล่ะครับ


"ไอ้ห้องข้างบนมันส่งเสียงดังทั้งคืนเลย เริ่มมืดหน่อยก็เอาล่ะเสียงกระแทกพื้นเหมือนจะถล่มมาละ ไม่รู้แม่งทำบ้าอะไร บอกเจ้าของหอไปเขาก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ นี่เลยต้องหนีมาอ่านหนังสือที่ร้านเนี่ย


อะไร...ย้ายไปแค่อาทิตย์เดียวนี้ก็มีปัญหาแล้วเหรอชายหนุ่มผมส้มตะโกนออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ครัวสำหรับทำอาหาร


ผมไม่ได้อยากมีปัญหานะพี่กวักซอก...แต่มันอ่านหนังสือไม่ได้จะให้ทำยังไงล่ะเด็กหนุ่มตะโกนกลับไป


พี่ชายผมส้มที่ชื่อกวักซอกกับพี่ชายผมยักศกที่ชื่อยองจุนเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันและยังมีอีกสามคนที่ยังไม่กลับ ทั้งหมดเป็นญาติห่างๆกับซามูเอลชนิดที่ถ้านับเป็นระยะทางก็คงไกลประมาณโพ้นทะเลแต่เขาก็รู้สึกสนิทเหมือนเป็นพี่ตัวเองเหมือนกัน


ไม่แน่ข้างบนห้องแกอาจจะเป็นฆาตกรโรคจิตก็ได้ พวกเสียงกระแทกที่ได้ยินอาจเป็นเสียงของเหยื่อที่พยายามดิ้น


พี่กวักซอก...พี่ดู Criminal mind มากไปปะ


เอ้า แกเคยขึ้นไปหาเขาแล้วเหรอถึงบอกไม่ใช่


ไม่เคยอ่ะ


งั้นลองดูดิ ถ้าออกมาแบบลับล่อๆ ฟันธงไปก่อนเลยว่าเป็นฆาตกรโรคจิต


อย่าขู่ผมดิ ผมก็กลัวเป็นนะ...ฮือ...ถ้าไม่ใช่เพราะคุณน้าต่อเติมบ้านและพี่ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราก็คงไม่ต้องแยกจากกันคนละทิศละทางแบบนี้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพราะพี่ยองจุนนั้นแหละ ถ้ายอมให้เรามาอาศัยด้วยก็จบแล้ว คนใจดำ


อ้าว ไอ้เด็กฝรั่ง...พูดจาแบบนี้ เดี๋ยวพ่อไล่ไปข้างนอกเลยยองจุนโต้กลับขณะสับหมูบนเขียงไปด้วย


ก็มันจริงไหมล่ะ


ร้านพี่ไม่ใช่หอพักนะไอ้หอกแค่อยู่กันห้าคนพี่น้องก็แออัดยัดเยียดเอาตีนก่ายหน้ากันทุกคืนอยู่แล้ว


ทำไมไม่ขยายร้านเล่าจะได้มีที่เพิ่ม


เอาเงินมาสิเดี๋ยวขยายให้


โหย...หน้าเลือด ขูดรีดกระทั่งเด็ก ร้านตัวเองลูกค้าก็เยอะแยะเอาเงินไปไหนหมด


ส่งน้องเรียนกับทำข้าวให้แกกินฟรีก็เกลี้ยงแล้วว้อย


อย่าเถียงกันเลยครับ ยังไงพ่อแม่เราเขาก็ตกลงแบบนี้เราไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก สุดท้ายคนเด็กที่สุดก็เป็นฝ่ายหยุดทัพแล้วหันไปหากวักซอกที่เพิ่งเดินจากหลังร้านกลับเข้ามา แล้วนี่พวกพี่อีกสามคนเขาไปไหนเหรอครับ


เรฮวานกับซองฮักไปดูเรื่องอาหารให้ลูกค้าที่จ้างในงานแต่ง...ส่วนดงฮยอนมันไปสอนพิเศษ แล้วนี่ไอ้เด็กฝรั่งทั้งสองจะกินอะไรบอกมาดิจะได้ทำให้ เดี๋ยวลูกค้าเข้าไม่ได้กินนะว้อย


ผมเอาข้าวผัดกิมจิกับซุปสาหร่ายชามใหญ่ๆ ส่วนของแซมมี่เอาไก่ทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ฮันซลตะโกนบอกโดยไม่ถามความเห็นแต่อีกคนก็ไม่ได้ค้าน ทั้งคู่รอไม่นานอาหารก็มาถึงโต๊ะระหว่างที่กินข้าวด้วยกันอยู่ๆคนโตกว่าก็พูดขึ้นมา


เออ พี่ขอโทษนะ


เรื่องอะไรครับ


ก็เรื่องที่นายส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือแล้วพี่ไม่ได้ตอบกลับอ่ะ พอดีเมื่อวานพี่ออกมาติวหนังสือกับพี่ยองแจแล้วลืมหยิบมือถือไป พอถึงห้องมันเหนื่อยขนาดไอ้ข้างบนทำเสียงดังพี่ก็หลับอ่ะ กว่าจะชาร์ตแบตเช็กข้อความได้ก็บ่ายแล้ว ขอโทษนะ


ไม่เป็นไร


แล้วลูกชายป้าเยริเขาเป็นอะไร ทำไมถึงล้มฟาดไปแบบนั้น


ซามูเอลเม้มริมฝีปากเหลือบตามองผ่านกระจกไปยังหลังร้านที่มีของสดและของแห้งเก็บไว้พลางคิดถึงใบหน้าหล่อที่มีความหวานซึ่งทรมานกับอาการเจ็บท้องจนแน่นมาถึงอก


โรคคนเหงา


งะพอได้ยินคำตอบอีกฝ่ายก็ย่นหน้าผาก


การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คุยด้วยกันทุกเรื่องทำให้คนเป็นพี่รู้อยู่บ้างว่าซามูเอลเป็นเด็กที่โตกว่าอายุและละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกคนอื่นเกินไป ส่วนโรคคนเหงาที่หลุดจากปากเขาเคยได้รับคำอธิบายว่าหมายถึงคนประเภทที่ใช้ชีวิตเหมือนมีความสุขดีทั้งที่ข้างในว่างโหวงเหมือนโพรงเปล่า


...ถ้าโชคดีมีคนเติมให้เต็มได้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าโชคร้ายทำยังไงก็เติมให้เต็มไม่ได้คนที่ถูกลากไปเกี่ยวข้องมีแต่จะยุ่งยากไม่สิ้นสุด...


 “อึดอัดไหม


ยังครับ แต่ต่อจากนี้ไม่แน่


ทำไมอ่ะ


เขาบอกว่าอยากสนิทกับผม


กลัวเหรอ


ไม่หรอก แค่ไม่รู้ว่าถ้าสนิทกันแล้วจะเป็นคนประเภทเติมให้เต็มได้หรือเปล่าก็เลยอยากอยู่ห่างๆ


ขอโทษนะ


ขอโทษทำไมอีกแล้วล่ะครับ


ที่ทำให้นายต้องอยู่กับคนแบบนั้น...ถ้ามันทนไม่ไหวหนีมานอนด้วยกันก็ได้นะถึงไอ้ข้างบนจะเสียงดังก็เถอะ


ไม่เอาหรอกครับ...ผมไม่อยากกวนสมาธิคนต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ


ฮือ...เอาไว้พี่สอบเข้ามหาวิทยาลัยโซลได้ พี่จะย้ายไปหอที่เราอยู่ด้วยกันสองคนได้นะ


ตอนนั้นพี่อาจไม่อยากอยู่กับผมแล้วก็ได้


ไม่มีทางซะล่ะ


แล้ววันนี้พี่ยองแจเขาต้องสอนพิเศษพี่หรือเปล่า เขาถามไพล่ไปถึงผู้ชายอีกคนที่เป็นทั้งครูสอนพิเศษส่วนตัวและญาติห่างๆ ทางพ่อของคนตรงหน้า


สอน


ไม่ไปติวล่ะครับ


ติวไปแล้วอ่ะตอนนี้พักอยู่


ติวที่นี่ เสียงมันไม่ดังไปเหรอครับ


ก็ติวที่นี่กันประจำตั้งแต่ยังไม่ต่อเติมบ้านแล้วนะ


ตอนผมเล่นบาสเสร็จ เคยแวะมาทำไมไม่เห็นล่ะ


นายมากี่โมง พวกพี่ติวกันถึงสองทุ่มก็เลิกแล้ว


แล้วพี่เขาไปไหนล่ะครับ


เห็นบอกว่าจะไปซื้อกาแฟแต่ไปตั้งพักหนึ่งแล้วยังไม่มาเลยอ่ะฮันซลตอบแล้วชะเง้อคอไปทางประตูร้าน


แซม...กินเสร็จยัง มาช่วยพี่หั่นผักที เสียงของยองจุนตะโกนออกมาทำให้เจ้าของชื่อลุกจากเก้าอี้เดินไปทางเคาน์เตอร์ครัวเพื่อช่วยงานอย่างที่เคยทำเป็นครั้งคราว


ให้ผมช่วยไหมคร้าบ กำลังว่างเลย


เอาชามไปไว้หลังร้านแล้วกลับมานั่งอ่านหนังสือเถอะไอ้เด็กเตรียมสอบ...ให้มาช่วยเดี๋ยวครัวระเบิดพอดี


โถ ทำไมดูถูกฝีมือทำอาหารผมขนาดนี้


ไอ้คราวก่อนที่ครัวเกือบไหม้ไม่ใช่เพราะแกเหรอไง


ฮือ...ทำไมท่านพี่ถึงทำร้ายจิตใจน้อยๆของน้องได้ถึงเพียงนี้


อย่าทำสำบัดสำนวนน้า ขนลุก เอาชามไปเก็บไป้ กวักซอกว่าคนเป็นน้องทำหน้าง้ำแต่ก็ยอมลุกจากเก้าอี้ยกชามที่กินแล้วไปไว้ในอ่างล้างจานหลังร้านก่อนจะเดินออกมาเจอกับชายหนุ่มผมสีดำผิวขาวจัดสวมเสื้อยืดแขนยาวหลวมๆกับกางเกงยีนส์สีดำกับรองเท้าผ้าใบหิ้วกาแฟกับโกโก้หลายแก้วมาตั้งบนโต๊ะ ใบหน้านวลมีแก้มและไฝใต้ตาขวานั้นน่าเอ็นดูอยู่แล้วแต่เมื่อยิ้มกว้างจนตาหรี่เล็กทำให้อีกฝ่ายน่ารักและเด็กกว่าอายุจริง


โหย...นี่พี่ไปเหมากาแฟมาเหรอครับคนอ่อนกว่าถาม


มันมีโปรซื้อสองแถมหนึ่งก็เลยซื้อมาเผื่อให้นายกับพี่ยองจุนกับพี่กวักซอกด้วย ยองแจบอกพลางยิ้มแล้วมองไปยังครัวที่เหมือนจะเห็นร่างเล็กๆอยู่ในนั้นเลยเดินไปตรงเคาน์เตอร์เรียกหา แซม


เจ้าของชื่อหันกลับไปมองทางต้นเสียงก็เห็นชายหนุ่มที่คุ้นเคยส่งยิ้มกว้างอบอุ่นมาหา เด็กชายชะงักเล็กน้อยแล้วยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เห็นหน้ากันซึ่งเป็นสิ่งที่ตอนแรกอีกฝ่ายนึกสงสัยแต่พอเห็นบ่อยๆก็ชินจนไม่คิดอะไร


ใช้แรงงานเด็กนี่ผิดกฎหมายนะครับ


ขอให้ช่วยไม่ได้ใช้สักหน่อยกวักซอกสวนทันควัน ถึงจะไม่ใช่ญาติแต่ก็สนิทกันเพราะเห็นกันบ่อยและคุยถูกคอ


แต่ก็จ่ายค่าแรงนี่ครับ...ถึงจะจ่ายด้วยข้าวเย็นก็เถอะ


นี่มึงเรียนนิติศาสตร์หรือบัญชีกันแน่วะ...ทำมาคงมาคุยเรื่องกฎหมาย


เรียนบัญชีก็ต้องเรียนกฎหมายภาษีนะพี่


กวักซอกเหล่ตามองคนอายุน้อยกว่าที่เพิ่งเข้ามาในร้านอยากจะยกสันมีดฟาดใส่สักทีแต่ก็ยั้งไว้เพราะเห็นลูกค้าคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในร้านเลยจัดการไล่


ถ้ามึงทำกับข้าวแบบแซมไม่ได้นะยองแจ เชิญไปอยู่กับไอ้เด็กเตรียมสอบแล้วติวหนังสือให้มันนู้นเลยไป


555 โดนไล่เฉยเลยอ่ะ...งั้นผมไปติวหนังสือให้น้องก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเอาโกโก้กับกาแฟที่ผมซื้อมาฝากแช่ตู้เย็นล่ะเดี๋ยวละลายหมด


ยองแจบอกทิ้งท้ายผละจากหน้าเคาน์เตอร์ไปยังโต๊ะที่มีเด็กลูกครึ่งนั่งอ่านหนังสือพลางย่นแขนเสื้อมากองตรงข้อศอกแล้วเริ่มติววิชาคณิตศาสตร์ให้


รับอะไรดีครับ ยองจุนเดินอ้อมจากเคาน์เตอร์มาหาลูกค้าที่เลือกนั่งใกล้กับคนที่กำลังสอนหนังสือ ผู้ชายท่าทางแปลกๆ สวมเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ราคาแพงซึ่งซ่อนหน้าซ่อนตาด้วยการคลุมฮู้ดปิดลงมาครึ่งหน้าที่ระยะหลังนี้เขาเห็นมากินข้าวในร้านประมาณทุ่มและกลับออกไปตอนสองทุ่มทุกวันโดยจะมาคนเดียวเป็นประจำแต่ครั้งนี้กลับพาผู้ชายตัวสูงใหญ่หน้าตาตลกแต่ดูดีเวลาอยู่นิ่งๆ สวมยืดสีดำทับด้วยเสื้อคลุมเหมือนเสื้อของนักแข่งเบสบอลมาด้วย


เอาปลาหมึกผัดเผ็ดกับข้าวสองที่ ซุปเกี๊ยวหนึ่ง ขาหมูต้มจานใหญ่หนึ่ง แล้วก็โซจูสอง คนปิดหน้าสั่งเหมือนรู้แล้วว่าข้างในเมนูมีอะไรโดยไม่ให้อีกคนสั่งสักคำ


อุตส่าห์กลับมาอยู่เกาหลีทั้งที ใจคอมึงจะออกมาแดกข้าวกับกูด้วยสภาพแบบนี้จริงๆเหรอ


สภาพแบบไหน


ก็ใส่เสื้อปิดหน้าปิดตาจนคนอื่นเขานึกว่ากูมากับผีดิบเนี่ย...หน้าตาก็ดีจะปิดหน้าทำไม


มันเป็นสไตล์...ก็เหมือนมึงอ่ะที่ชอบใส่เสื้อลายหมีแล้วหวีผมเปิดหน้าผาก บอกตั้งกี่ครั้งว่าข้างหน้ามันเถิกเยอะแล้วอย่าเซ็ตผมแบบนั้นก็ยังทำ


พูดอย่างนี้เอาไม้หน้าสามมาตีหน้ากูเลยก็ได้นะไอ้ฮอน... พอจะเรียกชื่อก็ถูกมือกระแทกปิดปากกะทันหันจนคนตรงข้ามหน้าหงายเกือบล้มจนหลุดอุทานด่าออกมา ไอ้ห่ากระแทกมาแบบนี้จมูกกูหักทำไงวะ...ทำตัวสุภาพชนบ้างไม่ได้เหรอไง ไอ้ซาดิมส์


คุณฮันเฮครับ ผมก็ผมเคยบอกแล้วคุณแล้วว่าอย่าเรียกชื่อจริง


แหมะ คุณไอออน คุณนี่นับวันยิ่งประสาท ทำตัวลึกลับติดต่อยาก พอเจอกันทีดูแต่งตัวยังกะนักฆ่า จะเรียกชื่อก็ต้องเป็นชื่อในวงการ คุณมึงไหวปะวะเนี่ย ฮันเฮว่าพลางแยกเขี้ยวใส่ในตอนท้ายให้กับคนที่หลบอยู่ใต้เงาฮู้ดซึ่งรู้จักกันมานานโขตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม


ก่อนที่จะมีชื่อเสียงฮอนชอลคนที่เขารู้จักทำงานหลักเป็นบาร์เทนเดอร์ให้คลับชั้นสูงแห่งหนึ่ง แต่เวลาว่างหมอนี่จะทำดนตรี วันดีคืนดีเกิดมีคนชวนไปทำงานที่อเมริกาแล้วโชคดีชนะพนันได้เงินหลายล้านเหรียญในคาสิโน จากนั้นก็มือขึ้นได้โอกาสเลยได้ไปร่วมงานกับคนดังและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นภายในเวลาแค่สองปีโดยใช้นามแฝงในวงการว่า ไอออน


...ตั้งแต่กลับจากอเมริกาน้อยคนที่จะเคยเห็นหน้าค่าตาของหมอนี่ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายรักสังคมมีเพื่อนเยอะถึงกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมให้ใครพบแบบนี้...


ถ้าอยากให้กูออกมาข้างนอกด้วย มึงช่วยหาชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชื่อจริงหรือชื่อในวงการเรียกแทนได้ไหม


เอ้า เรื่องเยอะอีก...ก็มึงเองไม่ใช่เหรอที่เรียกกูออกมาบอกจะเลี้ยงข้าว จริงๆก็แค่อยากกวนประสาทกูสินะ โฮ โลกนี่ช่างไม่ยุติธรรม อยากเจอเพื่อน เพื่อนก็แค่อยากกวนตีน อีกฝ่ายร้องดึงทิชชู่บนโต๊ะฉีกเป็นสายแล้วแปะที่ตาทำหน้าเหยเกเหมือนร้องไห้


เหี้ย...สมงสมองมึงนี่ไปหมดแล้วเหรอ พอๆ กูรู้ว่ามึงบ้าแต่นี่ร้านประจำกู เดี๋ยวเขาเห็นกูพาคนบ้ามาเขาจะไม่ให้กูเข้าอีก


ถ้าเขาจะไม่ให้เข้า ก็น่าจะตั้งแต่ตอนคุณพี่แต่งตัวเป็นผีดิบแบบนี้แล้วนะคร่า คนตัวใหญ่กว่าจีบปากจีบนิ้วแบบสะดีดสะดิ้งจนอีกคนยกเท้าอยากจะยันโครมแต่เพราะอาหารมาเสิร์ฟเลยต้องนิ่งและเริ่มต้นกินข้าวเย็น


เออ อร่อยเว้ย...เพราะอร่อยแบบนี้นี่เอง คนอย่างมึงถึงยอมออกจากบ้านมากินข้าวข้างนอก


อร่อยก็แดกเข้าไปเยอะๆนะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงไปหาน้องอะไรนั้นของมึงที่ผับอ่ะ คนเป็นเจ้ามือคะยั้นคะยอพลางคีบปลาหมึกใส่จานแต่ศีรษะกลับขยับเอียงไปทางโต๊ะของคนที่นั่งติวหนังสือเหมือนสายตาจับจ้องอยู่ตรงนั้น


จำได้ด้วย


มึงเล่นส่งคาทกเพ้อถึงน้องเขาให้กูอ่านทุกวัน กูคงจำไม่ได้หรอก


555 ก็น้องมันน่ารักอ่ะ


จ้า น่ารัก แต่พอมึงจีบติดอีกสองเดือนก็ส่งข้อความมาบอกกูว่าเลิกกันแล้วและเพ้อถึงน้องคนใหม่ให้ฟัง


เฮ้ย คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น ดูมีอะไรในตัวน่าสนใจเยอะดีคงไม่เบื่อง่ายๆหรอก


อย่าพูดเล้ย ครั้งที่แล้วก็แบบนี้ จริงๆนะฮันเฮ กูว่ามึงน่าจะหาใครสักคนที่มึงอยากอยู่ด้วยไปนานๆ มัวแต่ตามหาคนที่ใช่ไปเรื่อยๆแบบนี้สุดท้ายจะไม่เหลือใคร


กูก็จริงจังแต่ยังไม่ลองคบจะรู้ได้ยังไงว่าอยู่กันยืด แต่จริงๆกูจำได้ว่าเมื่อก่อนมึงเป็นคนบอกแบบนี้กับกูก่อนนะ


แต่วันหนึ่งตอนที่มึงเจอคนที่รักจริงๆ แต่รักเขาไม่ได้หรือเขาไม่รักมึงตอบจะรู้สึก


พูดเหมือนกับมึงเคยงั้นแหละ


ฮอนชอลเม้มริมฝีปากละสายตาจากเพื่อนมองไปยังชายหนุ่มผมดำที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาในทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหันมามองเหมือนรู้สึกตัว


เออ...ลองขาหมูดูสิมึง อร่อยนะเขาคีบหมูใส่ผักราดน้ำจิ้มแล้วยัดเข้าปากเพื่อนรวดเร็วจนโดนด่า


ไอ้เหี้ย ชิ้นตั้งใหญ่ยัดมาได้


ปากมึงก็ใหญ่แดกเข้าไปได้อยู่แล้วน่า...กินๆ


ยองแจกระพริบตามองลูกค้าที่นั่งกินข้าวกันอยู่โต๊ะข้างๆ...ผู้ชายที่สวมฮู้ดคลุมหน้าดูเหมือนจะเป็นลูกค้าประจำเพราะทุกครั้งที่มาติวหนังสือให้น้องที่เป็นญาติกันก็มักจะเห็นเขากินข้าวที่โต๊ะนั้น ในบางครั้งเขารู้สึกเหมือนถูกจ้องมองก็พอหันไปก็ไม่มีอะไร


พี่ยองแจ...แทนค่าตรงนี้ถูกไหมครับ พี่ยองแจเสียงของคนเป็นน้องที่เรียกทำให้คนพี่ได้สติหันกลับมา


อืม...พอแทนค่าจะได้ผลลัพธ์ออกมา แล้วใส่สูตรนี้ก็จะแก้โจทย์ได้แล้ว


พี่เก่งจัง พอผมทำเองไม่เห็นจะได้แบบนี้


ก็ไม่เข้าใจจะไปทำได้ยังไงล่ะ...ไหน มีตรงไหนไม่เข้าใจอีก


ไม่มีแล้วครับ


งั้นวันนี้พอแค่นี้แหละ


อ๊าก...จบสักที หัวจะแตกอยู่แล้ว โอ๊ย พี่ตีผมทำไมเนี่ยเด็กหนุ่มร้องออกมาทันทีที่ถูกมืออีกคนฟาดเข้าที่แขน


แหกปากซะเสียงดัง เกรงใจลูกค้าพี่ยองจุนเขาบ้างสิ


ผมไม่ได้หัวดีแบบพี่กับแซมสักหน่อย


ผมไม่ได้หัวดีสักหน่อย...พี่เองจริงๆก็เรียนเก่งออก มีแค่เลขเท่านั้นแหละที่ได้คะแนนไม่ดี เด็กคนเดียวในร้านที่ออกจากเคาน์เตอร์ครัวหลังจากช่วยหั่นผักเป็นกะละมังบอกขณะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่พร้อมดูดโกโก้ที่อยู่ในมือไปด้วย


โจทย์ยากสูตรเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่มีเทคนิคใครจะไปทำได้


ตอนพี่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย พี่ก็ไม่เก่งเลขเหมือนกัน


แล้วทำไมถึงเก่งขึ้นมาได้ล่ะครับ


คำถามจากความอยากรู้อยากเห็นของฮันซลทำให้ยองแจนิ่งงัน ดวงตาปรายไปยังตัวอักษรมากมายบนกระดาษ ในนาทีนั้นคล้ายมีเสียงฮัมเพลงลอยเข้ามาในโสตประสาทพร้อมกับรอยยิ้มกว้างของใครคนหนึ่งที่แม้ผ่านคืนวันเนิ่นนานหากในใจยังจดจำ


พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับเสียงที่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงกับมือเล็กอุ่นที่ยื่นมาจับทำให้เขารู้สึกตัว


อา...ไม่เป็นไร พี่แค่นึกขึ้นได้ว่า แม่ฝากซื้อข้าวหอมมะลิ ยี่ห้อนี้ไม่มีในร้านสะดวกซื้อต้องไปซื้อในซุปเปอร์มาเก็ตด้วยสิ


จริงสิวันนี้วันเสาร์พี่กลับบ้านนี่เนาะ งั้นรีบไปซื้อดีไหมอ่ะพี่ เดี๋ยวซุปเปอร์มาร์เก็ตมันจะปิดก่อน


แล้วจะกลับกันหรือยัง พี่จะเดินไปส่ง


ไม่ต้องห่วงพวกผมหรอก...หอผมก็หอเก่าที่พี่เคยอยู่ตอนเตรียมสอบอ่ะ เดินไปสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว


พี่ไม่ได้ถามถึงเรา พี่หมายถึงแซม


ของแซมนี้ไม่ยิ่งไม่ต้องห่วงเลย ข้ามถนนตรงนี้เดินอีกห้านาทีก็ถึง


อ้าว นี่พักกันไม่ไกลจากบ้านเลยนิ


พ่อแม่พวกผมเขาไม่ยอมให้เราพักไกลเกินกว่าที่พี่ยองจุนจะไปหาได้หรอก...แม่ไม่อยากให้ไกลสายตาผู้ใหญ่


งั้นพี่ไปก่อนนะ จะรีบไปซื้อข้าว


โอเคคร้าบ บะบาย...เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่เด็กทั้งสองโบกมือลา มองพี่ชายหยิบข้าวของใส่กระเป๋าแล้วสะพายเดินผ่านเคาน์เตอร์ก็ก้มศีรษะให้กับกวักซุกและยองจุนแทนคำลาก่อนผลักประตูออกไปข้างนอก พอคนที่ซ่อนหน้าใต้ฮู้ดเห็นเข้าก็หันมาเร่งเพื่อนที่กินอยู่


อะไร...ยังแดกไม่หมดเลยจะรีบไปไหน


กูมีธุระ


เอ้า ชวนกูมา พอแดกยังไม่ทันอิ่มบอกกูมีธุระหน้าตาเฉย จะเบี้ยวเลี้ยงข้าวกูเหรอ


เปล่า แต่กูนึกขึ้นได้ว่ามีธุระจริงๆ ส่วนมึงตอนนี้ได้เวลาไปหาน้องอะไรนั้นของมึงแล้วนิ รีบๆแดกจะได้ไป


เพิ่งสองทุ่มเองนะมึง...น้องเขามาสามทุ่มนู้น


เออๆ ถ้างั้นมึงก็แดกต่อไปเลยแล้วกัน ส่วนนี่เงินค่าข้าว กูไปก่อนนะเจ้ามือควักเงินออกมาวางบนโต๊ะแล้วรีบร้อนเดินออกไป


ไอ้ห่า ชวนกูมาแล้วทิ้งกูเฉยเลย...แม่งจริงเลยนะมึง ฮันเฮบ่นพลางถอนหายใจหมดอารมณ์กินเลยลุกจากเก้าอี้พร้อมกำเงินที่อยู่บนโต๊ะตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน จังหวะที่ลุกจากเก้าอี้กระเป๋าตังค์ที่สอดไว้ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ก็ร่วงบนพื้นอย่างไม่รู้ตัว


ไงเด็กฝรั่งทั้งสองจะกลับบ้านยัง มีใครอยากให้พี่ไปส่งไหม ยองจุนถามพลางเด็กหนุ่มผิวขาวเก็บหนังสือลงกระเป๋าสะพายหลังระหว่างที่เด็กชายผิวสีน้ำผึ้งดูดโกโก้รอขณะที่มือเช็ดโต๊ะไปด้วยก่อนที่เท้าจะสะดุดกับกระเป๋าสตางค์ที่อยู่บนพื้น


คุณ...คุณครับ กระเป๋า เจ้าของร้านหยิบมันขึ้นมารีบหันไปเรียกคนที่จ่ายเงินเสร็จแต่อีกคนไม่ได้ยินเดินออกไปต่อหน้าต่อตา พอขยับจะตามก็เห็นลูกค้ากรูกันเข้ามาเป็นสิบ


พี่ยองจุน เอากระเป๋าน้าเขามาก็ได้ ผมจะกลับบ้านพอดี เดี๋ยววิ่งออกไปคืนให้น้าเขาเอง ซามูเอลเห็นอีกคนยืนเก้ๆกังๆเลยอาสาหยิบกระเป๋าหนังสีดำอาศัยความตัวเล็กวิ่งออกไป


เฮ้ย รอด้วยดิแซม...พี่ยองจุน ผมไปก่อนนะฮันซลว่ารีบสะพายกระเป๋าขึ้นหลังพร้อมโค้งให้คนเป็นพี่แล้วรีบตามน้องไปเช่นกัน


เด็กชายวิ่งตามหลังของคนตัวสูงใหญ่ที่ก้าวขายาวๆไปข้างหน้าท่ามกลางผู้คนขวักไขว่อย่างไม่เร่งร้อนแต่ทำให้คนตามหอบกว่าจะตามทันก็ตอนที่อีกฝ่ายยืนรอสัญญาณไฟข้ามถนนอยู่


น้า...น้าครับนิ้วเรียวเล็กที่สะกิดตรงแขนทำให้คนตัวใหญ่สะดุ้งหันไปมองก็เห็นเด็กลูกครึ่งยืนหอบอยู่ข้างๆ


เออ...นายหมายถึงพี่เหรอฮันเฮถามกลับพลางยกนิ้วชี้มาที่ตัวเอง


ครับ น้านั้นแหละ เมื่อกี้น้าทำกระเป๋าตังค์ตกไว้ที่ร้านข้าวครับ


อ้อ จริงด้วย ทำตกตอนไหนวะไม่เห็นรู้เรื่องเลย ขอบใจมากนะ มือใหญ่ตบกางเกงยีนส์ก่อนจะรับกระเป๋าของตัวเองกลับมาแล้วเปิดออกมาดูข้าวของข้างในเมื่อเห็นว่าอยู่ดีก็โล่งใจเอ่ยขอบคุณคนเป็นเด็กไปทันที


ไม่เป็นไรครับ...ผมไปก่อนนะครับ


เออ เดี๋ยวนะ


ครับ


พี่ให้เป็นค่าตอบแทนที่นายเอากระเป๋ามาคืน เขาบอกแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเอาอมยิ้มที่พกติดตัวเวลาคิดงานไม่ออกไปให้ คนอ่อนกว่ารับอมยิ้มจากอีกคนมาถือไว้พร้อมกับสัญญาณไฟข้ามถนนที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว


ขอบคุณนะ...เป็นเด็กดีจริงๆ


ชายหนุ่มอวยพรพลางยื่นมือมาลูบหัวที่อยู่ใต้ฮู้ดของเด็กที่เอากระเป๋ามาคืนให้ตัวเองแล้ววิ่งข้ามถนนหายไปกับกลุ่มคนที่ข้ามกลับมาจากอีกฟากเช่นกัน


แซมเสียงคุ้นเคยที่ตะโกนเรียกจากข้างหลังทำให้เด็กชายเก็บอมยิ้มใส่กระเป๋าแล้วหันไปมองพี่ชายที่วิ่งมาหา


คืนน้าเขาไปแล้วเหรอ


อืม


แล้วนี่ยังไงจะกลับบ้านเลยไหม...อย่าเพิ่งกลับได้ปะ ไปกินคัสตาร์ดที่ร้านสะดวกซื้อกันสักถ้วยแล้วค่อยกลับได้เปล่า


พี่หิวเหรอ


ไม่เชิงงะ


ที่อยากกินเพราะกลัวหรือเปล่า


กลัว...กลัวอะไรอ่ะ


อย่าไปฟังพี่กวักซอกมากเลย ข้างบนห้องพี่ไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตหรอก


พี่ไม่ได้กินเพราะกลัวนะ แค่จะกินเพราะอยากล้างปาก


555 แต่หน้าพี่ซีดจังเลย


อะไร ซีดตรงไหน คนตัวขาวก็หน้าขาวแบบนี้แหละ


ถ้าพี่บอกแค่อยากล้างปากก็จะเชื่อนะ...


โอเค งั้นไปกันเถอะฮันซลคว้ามือของซามูเอลมาจับก่อนทั้งคู่จะเดินไปตามทางและหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ด้วยกัน

You Might Also Like

0 Comments