BITTER SWEET : CHAPTER THREE
06:39
“ผมกลับมาแล้ว”
เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับเสียงบานประตูที่ปิดลง
ชายหนุ่มสวมเสื้อยีนส์กับกางเกงยีนส์ถอดรองเท้าเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์ที่อาศัยอยู่ตามลำพังกับแม่และสัตว์เลี้ยงอีกสามตัว
ทันทีที่เห็นหน้าเจ้าสุนัขตัวน้อยก็กรูเข้าไปพันแข้งพันขาแต่ด้วยมือที่ไม่ว่างทำให้เขาเลือกจะก้าวเท้าข้ามพวกมันไปแทนการอุ้มเหมือนทุกครั้ง
“กลับมาแล้วเหรอ”
หญิงวัยกลางคนตัวเล็กที่ตัดผมสั้นแลดูอ่อนกว่าวัยชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว
“ผมซื้อซุปกิมจิกับไก่ตุ๋นมาให้...แม่กินนี้นะครับ
จะได้ไม่ต้องทำกับข้าว” เขาว่าแล้วยื่นถุงไปตรงหน้าผู้เป็นมารดาพลางยิ้มกว้าง
“แล้วเรากินอะไรมาหรือยัง”
คำถามอ่อนโยนและมือนุ่มนั้นสัมผัสผมลูกชายคนเดียวไปมาอย่างเคยชิน
อีกฝ่ายยังคงรอยยิ้มไว้บนหน้า แม้ภาพลักษณ์ของฮัน บยอลในสายตาคนนอกจะเป็นแรปเปอร์หยาบกระด้าง
ใช้ชีวิตอยู่ในโลกดนตรีของสังคมคนกลางคืน สังสรรค์กับเพื่อนฝูง
ซี้ปึ้กกับขวดเหล้าเคล้าสาวๆบ้างเป็นครั้งคราว
แต่เขายังมีชีวิตอีกด้านเป็นนักศึกษาที่คร่ำเคร่งกับการเรียนและมีหน้าที่ดูแลแม่แทนพ่อที่ล่วงลับไปนานหลายปี
เขาอยู่กับแม่ตามลำพังสองคนมานาน
แต่ชีวิตเขาไม่เคยรู้สึกขาด เขายังมีเพื่อน พี่ น้องอีกมากที่เป็นเหมือนครอบครัวและเขารู้สึกว่า ตัวเองโชคดี
แม้จะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยแต่สิ่งที่ทำทั้งหมดมีทั้งความรักและความฝันรวมอยู่
...เส้นทางการเป็นแรปเปอร์ของเขาเริ่มต้นตั้งแต่อายุสิบสี่
แรงบันดาลใจของเขามาจากแรปเปอร์ชื่อดังอย่างเอ็มมิเน็ม
และตั้งใจจะเดินอยู่บนถนนสายนี้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่นั้นล่ะ...
“ยังครับ
แต่ผมกะว่าจะไปหากินเอาข้างนอก”
“ไปร้องเพลงเหรอ...แล้วจะกลับดึกหรือเปล่าลูก”
“อืม...แม่นอนได้เลยนะไม่ต้องรอผม”
“ทำงานทุกวันเลย
อีกสองวันก็ต้องไปแข่งรายการนั้นอีก เหนื่อยแย่เลยนะ”
“ผมไม่เหนื่อยหรอก
แม่สิเหนื่อยกว่าผมอีก ทั้งทำงานทั้งเลี้ยงผม
เดี๋ยวผมไปอาบน้ำแล้วจะออกไปเลยนะครับ แม่กินข้าวด้วยนะครับ”
บยอลผละจากครัวไปอาบน้ำประมาณสิบห้านาทีก็กลับเข้าไปในห้อง
หยิบเสื้อผ้าที่พาดบนเตียงขึ้นสวม เดินไปหยุดยืนหน้ากระจกใช้นิ้วสางผมให้เข้าทรง
หยิบน้ำหอมที่เขาไม่เคยสนใจยี่ห้อรู้แค่แม่ซื้อมาให้วันเกิดก็เลยใช้เพื่อไม่ให้มากลิ่นตัวมาฉีดบางๆตรงต้นคอและข้อมือ
...ไปข้างนอกธรรมดาจะใส่ยังไงก็ได้
แต่ถ้ามีงานก็ต้องให้ดูดีนิดหน่อย..
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นกระแทกบนโต๊ะที่ใช้ทั้งทำงานเพลงและเรียนเต็มไปด้วยข้าวของที่กองอย่างไม่เป็นระเบียบเรียกให้บยอลละความสนใจจากเงาสะท้อนในกระจกเดินไปแหวกกองหนังสือหยิบโทรศัพท์ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้
“กูจะออกแล้ว ถึงนั้นไม่เกินยี่สิบนาทีหรอก
รู้แล้วว่าต้องไปแบกของด้วย มึงเหอะอย่ามาสายนะว้อย”
เขาตอบปลายสายมีรอยยิ้มผุดบางๆตรงมุมปากก่อนกดวางสาย
ช่วงเวลาที่หยิบกระเป๋าสตางค์กับมือถือลงกระเป๋ากางเกง
ตาก็เหลือบเห็นบางอย่างบนพื้น
...ลูกอมในห่อกระดาษลายจุดสีเหลืองบนพื้นขาว...
ชายหนุ่มย่นหน้าผาก
ความทรงจำถึงเด็กลูกครึ่งกวนประสาทคล้ายจะย้อนกลับมาให้คำนึง...หลายวันมานี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการซ้อมกับทางกลุ่ม
ยุ่งกับเตรียมตัวไปแข่งในรายการที่จะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้าและวุ่นวายกับชีวิตประจำวันของตัวเองแต่เด็กนี้มันมาวนเวียนอยู่ในหัวอยู่บ่อยๆ
...มันชื่ออะไรแล้วนะ...
บยอลพยายามคิดแต่เวลาที่กระชั้นชิดจึงละความสนใจจากลูกอมพลางดึงเสื้อยืดที่เลิกขึ้นไปให้ลงมาคลุมขอบกางเกงยีนส์แล้วเปิดประตูออกจากห้องไป
ทิ้งลูกอมทั้งสองเม็ดนั้นไว้บนพื้นตามเดิม
-------------------------
เสียงทุ้มเข้มบอกเล่าเนื้อหาของชีวิตที่มีทั้งหยาบคายและสองแง่สองง่ามผ่านการแรปอย่างชำนาญผสานไปกับเสียงดนตรีอันเร่งร้อนเรียกร้องให้หนุ่มสาวหลายสิบชีวิตที่ถูกแสงไฟหลากสีสาดส่องอยู่ในร้านโยกตามและส่งเสียงเชียร์ไปมาอย่างสนุก
แอนดัพหันไปสบตากับ
เพื่อนรักของตัวเองที่อยู่บนเวทีเดียวกันแล้วเหยียดยิ้มกว้างก่อนยกปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากส่งจูบไปยังหญิงสาวที่อยู่หน้าเวทีเรียกเสียงกรี๊ดให้ยิ่งสนั่น
...เขารู้ดีถึงวิธีเอนเตอร์เทอร์คน
มันเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดอยู่แล้ว...
ความสนุกในคอนเสิร์ตย่อมๆของกลุ่มจบลงในเวลาตีสาม
แต่ทางร้านยังคงเปิดให้ผู้คนมาหาความสนุกต่อไปจนถึงเช้า
เหล่ามังเน่ในกลุ่มต้องกลายเป็นคนงานเก็บข้าวของทุกอย่างที่เซ็ตไว้
บางอย่างต้องยกไปไว้ตามรถของรุ่นพี่คนอื่น
ซึ่งเวลานี้ถือเป็นความลำบากที่สุดของคนเป็นน้องเล็ก
...ต้องมาก่อนและกลับทีหลังเสมอ...
แอนดัพไม่ได้คิดว่ามันลำบากอะไรหนักหนาหรอก
แต่ก็มีบ่นแบบตลกๆ
กวนประสาทรุ่นพี่และเรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนบ้างก็เท่านั้น
“นี่
จะกลับกันแล้วเหรอคะ” เสียงหวานจากผู้หญิงที่จัดได้ว่าสวยสองคนเดินเข้ามาหา
“ครับ”
“จะมีไปต่อที่อื่นกันไหมคะ
จะได้ไปด้วย”
อลที หรือ จอง
อูซอง เหยียดริมฝีปากกว้างเหลือบมองไปทางเพื่อนสลับกับผู้หญิงอีกสองคนที่ยืนตรงหน้า
เป็นเรื่องปกติของเหล่าแรปเปอร์ที่มักมีผู้หญิงแวะเวียนมาหาเสมอ
ตัวเขากับบยอลหรือที่คนเรียกว่าแอนดัพเองก็จัดได้ว่าหน้าตาดีพอสมควรจึงไม่แปลกใจนักกับเรื่องนี้
“วันนี้คงไม่ได้ไป...แต่ถ้าเป็นวันอื่นก็ไม่แน่” คนถูกถามลากเสียงยาวในตอนท้ายและส่งสายตาพราวไปหา
เรียกเสียงหัวเราะจากสองสาวได้เป็นอย่างดี
“งั้นวันหลังถ้าออกมาเที่ยว
โทรหากันบ้างนะคะ ถ้าพาเพื่อนมาด้วยจะดีมากเลย”
เจ้าหล่อนหนึ่งในสองคนนั้นหยิบกระดาษซับมันที่มีเบอร์โทรศัพท์มาจูบเบาๆแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อก่อนโบกมือหายกลับเข้าร้านไป
“ไอ้ห่า
เรื่องแบบนี้ไม่มีปฏิเสธเลยนะ”
“เอ้า
ก็เขาอุตส่าห์มาอ่อยถึงที่ไอ้เราก็ควรทำหน้าที่เป็นเหยื่อที่ดีให้เขาดิ”
“มึงนี่แม่ง
เพลย์บอยตัวพ่อเลย”
“อย่างกูนี่นะ
ไปดูไอ้ห่าหมีแทมันก่อนไป แหมะเจอสาวโอบได้เป็นโอบ” เขาพาดพิงไปถึงฮยอนแท
“ก็พอกันทั้งคู่แหละวะ”
“เออๆยอมรับก็ได้
แล้วนี่มึงจะกลับพร้อมกูหรือเปล่าจะได้ขับไปส่ง”
คนเป็นเพื่อนพยักหน้ารับ
กอดไหล่กันเดินไปบอกลาพวกรุ่นพี่ในกลุ่มแล้วเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดอยู่
ก่อนที่รถยนต์คันนั้นจะแล่นจากที่จอดสนิทไปบนท้องถนนที่สองข้างทางยังเต็มไปด้วยแสงสีไปเรื่อย
กระทั่งถึงหน้าอพาร์ทเม้นต์ที่อลทีอาศัยอยู่กับครอบครัว
“มึงเตรียมตัวพร้อมจะแข่งวันอาทิตย์นี้หรือยัง”
อดีตผู้เข้าแข่งขันในรายการเดียวกันเมื่อปีที่แล้วถามระหว่างปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“ก็เรื่อยๆของกูนั้นแหละ”
“ไอ้เรื่อยๆนี้แสดงว่าพร้อมแล้ว”
“555 มึงอย่ามารู้ดี”
“ได้ยินจากไอ้หมีว่า
มึงไปทะเลาะกับเด็กมา อย่าไปทะเลาะให้รายการแม่งเห็นนะมึง
เดี๋ยวรายการตัดต่อมึงไปเล่นเป็นประเด็นล่ะ มึงจะขำไม่ออก”
“กูไม่ได้ทะเลาะด้วยเถอะ
แม่งกวนตีนกูก่อนต่างหาก”
“เออ ยังไงก็เถอะ
อย่าไปยุ่งกับแม่งล่ะกัน กูไม่อยากเห็นมึงออกรายการพร้อมฉายารังแกเด็ก”
“ใครจะอยากไปยุ่งกับแม่ง
เอาจริงๆเลยนะ กูไม่ได้สนใจไอ้เด็กห่านั่นเลย ชื่ออะไรกูก็จำไม่ได้
ถ้าไม่ใช่มึงพูดขึ้นมากูก็เกือบลืมไปด้วยซ้ำ” เขาปด
“ให้มันจริงแล้วกัน
กูไปล่ะนะ”
“โชคดี”
บยอลโบกมือให้กับเพื่อนที่เดินลงจากรถแล้ววนรถจากในซอยกลับไปสู่ถนนใหญ่ที่มีรถยนต์ใช้สัญจรอยู่ประปราย
นิ้วเรียวกดปุ่มเปลี่ยนเพลงที่มีบีทเดียวกับที่เขาเลือกใช้ไปแข่งและเริ่มแรปตามเนื้อที่ตั้งใจเขียนเพื่อฝึกซ้อมไปในตัว
...ไม่ว่ายังไง
พรุ่งนี้เขาต้องผ่านเข้ารอบ...
--------------------------------------------------------------------
แสงจากหน้าจอไอแพดสว่างจ้าอยู่ท่ามกลางความมืดและสะท้อนใส่หน้าของคนที่กำลังแก้เนื้อแรปที่มีเวลาคิดได้เฉพาะหลังจากซ้อมร้องและเต้นร่วมกับวงแล้วเท่านั้น
ยิ่งใกล้เดบิวต์มากเท่าไหร่ก็เหมือนเวลาส่วนตัวจะยิ่งน้อยลงไปกว่าเดิม
อย่าว่าแต่จะคิดเนื้อหรือซ้อมแรปเตรียมไปแข่งเลย แค่เวลาจะนอนยังแทบไม่พอ
...แต่ฮันโซลก็พยายามเจียดเวลาให้มันแลกกับการนอนวันละไม่ถึงสามชั่วโมง...
ที่ต้องพยายามอย่างหนักส่วนหนึ่งก็เพราะอยากทำสิ่งที่รักให้ดีที่สุด
ส่วนเรื่องที่สองก็อยากแสดงความสามารถให้ดีที่สุดเพื่ออุดปากฮยองคนนั้น
...แอนดัพทำให้เขามีพลังขับเคลื่อนที่อยากจะเอาชนะ...
“ยังไม่นอนอีกเหรอ” เสียงอู้อี้จากเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักแก้มเหมือนซาลาเปาน้อยๆ ถาม
แสงสว่างจากเตียงที่อยู่ไม่ไกลจากกันทำให้คนที่ชอบนอนในความมืดสนิทอย่างซึงกวานนอนหลับๆตื่นๆ
“ยังอ่ะ”
“ทำไรอยู่อีกแล้ว”
“แก้เนื้อเพลงที่จะไปแข่ง”
“แก้เสร็จเร็วๆนะ
เรานอนไม่ได้ถ้ายังมีแสงแยงตาแบบนี้”
“อา ขอโทษนะซึงกวาน”
เด็กหนุ่มบอกกับเพื่อนร่วมวงและร่วมห้องที่สนิท
ดึงผ้านวมบนเตียงลงมาคลุมตัวเองและไอแพดบนโต๊ะเพื่อลดความสว่าง
จากนั้นก็ลองซ้อมแรปแบบไม่มีเสียง
ความจริงเขาอยากออกไปซ้อมข้างนอกแต่ก็กลัวว่าซ้อมออกเสียงจะพลอยทำให้คนอื่นตื่น
แต่ถ้าไปซ้อมเงียบก็สู้ซ้อมมันในห้องดีกว่า
เลยได้แต่ซ้อมแบบเงียบๆแต่การซ้อมแบบนี้ทำให้คนที่ใช้ทั้งลมทั้งเสียงมาทั้งวันรู้สึกเจ็บคอ
จึงโผล่หน้าจากผ้าห่มเอื้อมมือไปในขวดโหลใบใหญ่บนโต๊ะแต่ต้องพบกับความว่างเปล่า
...ลูกอมรสมะนาวที่ช่วยแก้อาการเจ็บคอได้ชะงัดหมดพอดี...
“ซึงกวาน” ฮันโซลหันไปหาเพื่อนที่นอนตะแคงหันหน้าเข้ากำแพงเบาๆ
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
เลยหยิบกระเป๋าสตางค์พร้อมปิดจอไอแพดเดินออกไปห้องโถงที่มีแต่ความมืด
คลำหาสวิตซ์ไฟเปิดได้ก็ตรงไปที่ห้องพี่ผู้จัดการแต่พอเหลือบมองเวลาก็เห็นว่า
ตีสามแล้ว การจะกวนการนอนของใครสักคนเพื่อให้ออกไปซื้อลูกอมมะนาวตรงมินิมาร์ทที่ห่างจากหอไปไม่ถึงสองร้อยเมตรดูจะเห็นแก่ตัวเกินไป
ทุกคนในวงกระทั่งพี่ผู้จัดการเคยบอกเขาว่า
ลูกอมมะนาวรสชาติมันเปรี้ยวๆฝาดๆ
แทบไม่มีความหวานอะไรเลยมีแต่คนแก่เท่านั้นแหละที่อม ทำไมเด็กอย่างเขาถึงชอบมันนัก
...ปกติเขาชอบช็อกโกแลตกับของหวานนะ
แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงขาดลูกอมที่ทำให้ชุ่มคอนั่นไม่ได้...
“ไปเองก็ได้” เขาบอกกับตัวเอง
สางผมยักศกนุ่มที่ยุ่งเหยิงของตัวเองให้เข้าที่แล้วหยิบรองเท้าแตะบนชั้นวางมาสวม
ปลดล็อกประตูและเดินออกไปท่ามกลางแสงสลัวของทางเดินเพียงลำพัง
-----------------------------------------------
ท่ามกลางความมืดของค่ำคืนที่ยังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
ร้านรวงตามข้างทางปิดให้บริการแต่มินิมาร์ทขนาดกลางที่มีสาขาทั่วประเทศยังคงเปิดไฟสว่าง
ความอยากบุหรี่ทำให้บยอลชะลอรถยนต์ไปจอดรถริมถนน ผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปซื้อน้ำอัดลมและหมากฝรั่ง
ชายหนุ่มเดินออกมายืนหน้าร้าน
หยิบบุหรี่ Dunhill ที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์พร้อมจุดไฟแช็กก่อนจรดมันเข้าไปในปากสูดความเย็นชื่นจากใบยาสูบชั้นดีแล้วปล่อยควันออกมา
...มีหลายคนที่ไม่รู้ว่า เขาสูบบุหรี่
เพราะเขาไม่ค่อยจะสูบให้ใครเห็นนอกจากคนในกลุ่มใต้ดินที่เขาอยู่
เรื่องนี้แม้แต่แม่ของเขาเองก็ไม่ยังรู้ ถึงจะสูบบุหรี่แต่เขาก็ไม่ได้ถึงขั้นติด
แค่สูบเวลาที่รู้สึกครึ้มใจหรือเครียด ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกสบายจนอยากสูบขึ้นมา...
บยอลสูบบุหรี่อยู่หน้าร้านพลางทอดสายตาออกไปยังบ้านเรือนที่ร้างผู้คนมีแต่ไฟสีส้มที่ส่องทางก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับใครคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีดำตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเดินมาจากที่ไกล
ในตอนแรกเขาไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งร่างนั้นเข้ามาใกล้
เรือนผมยักศกนุ่มที่ถูกลมพัดเคลียอยู่รอบใบหน้าขาวนวลของเด็กหนุ่มที่รู้ได้ทันทีว่ามีเลือดชาวตะวันตกอยู่ในตัว...คนที่บยอลจำได้แม่นว่าเป็นเด็กเปรตที่กวนประสาทเขาในรายการเมื่อเกือบสองอาทิตย์
ร่างผอมตรงเข้าไปในชั้นที่ขายขนมและกวาดเอาลูกอมมะนาวทั้งหมดไม่ว่าจะห่อเล็กห่อใหญ่ลงตะกร้า
รีบจ่ายเงินและเดินออกมาโดยไม่ได้สังเกตผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่เลยแม้แต่น้อย
บยอลมองร่างผอมที่หันซ้ายหันขวางดูไม่ประสีประสาซึ่งเดินกลับไปทางที่เก่าอยู่ครู่หนึ่ง
ความบังเอิญที่ได้พบกันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกยินดีอะไร
แต่หลังจากมองมันอยู่สักพักก็ตัดสินใจโยนก้นบุหรี่ขยี้บนพื้นคงเพราะความเป็นคนดีที่อยู่ในตัวลึกๆ
ทำให้รู้สึกเป็นห่วงจนต้องเดินตามไปห่างๆ
...ถึงจะกวนตีนแต่ท่าทางดูโง่ๆ
เดินไปคนเดียวมืดๆ อันตราย ช่วยแม่งเอาบุญหน่อยแล้วกัน...
ฮันโซลเป็นคนนอนดึกแต่ไม่ชอบที่จะออกมาเดินข้างนอกกลางดึกเพียงลำพัง
บรรยากาศช่วงตีสามในละแวกหอนั้นเงียบสงัดแม้จะมีแสงไฟก็ยังรู้สึกวังเวง
แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกกลัวเพียงเขาแค่ตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกยามร้างผู้คน
ลมพัดโชยมาเป็นระลอกให้รู้สึกเย็นสบาย
เขาแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้าอันมืดมิดที่เหลือเสี้ยวของพระจันทร์บางๆลอยอยู่
“คุณพระจันทร์รอนานไหม
นี่ผมได้ลูกอมแล้วล่ะ เดี๋ยวเราเดินไปด้วยกันจนถึงหอเลยนะ”
เขาบอกพลางหัวเราะสดใสพร้อมเอื้อมมือไปจนสุดแขนราวกับจะสัมผัสให้ถึงพระจันทร์แล้วออกเดินต่อไป
คนอายุมากกว่าที่เดินตามหลังมากระพริบตาปริบให้กับท่าทางและถ้อยคำที่เห็นตรงหน้า
ยากจะบอกความรู้สึกว่าสมเพชหรือขบขันแต่รอยยิ้มนั้นก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้า
...เด็กนี้มันบ้าหรือเปล่าวะ...
ชายหนุ่มยังคงเดินตามหลังไปโดยรักษาระยะห่างไว้เท่าเดิม
เฝ้ามองคนเบื้องหน้าที่ยังคุยกับพระจันทร์เป็นคุ้งเป็นแควอยู่เป็นระยะแค่ประมาณไม่ถึงนาทีเท่านั้น
เด็กหนุ่มก็ละสายตาจากพระจันทร์เพราะได้กลิ่นโคโลจญ์ผสานกับบุหรี่ที่หอมรื่นแบบผู้ชายลอยมาแตะจมูกมาตามลม
แบบที่เคยได้กลิ่นมาจากที่ไหนสักแห่งแต่ก็จำไม่ได้
และเพราะกลิ่นนั้นรวมทั้งความรู้สึกถูกจ้องมองทำให้รู้สึกว่าตัวเองอาจมีคนตามหลัง
แต่แทนที่จะหันไปมองเขากลับนับเลขหนึ่งถึงสามในใจแล้วใส่เกียร์วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
กระทั่งแตะคีย์การ์ดเข้าไปในหอพักของตัวเองได้นั้นแหละถึงหยุดหอบหายใจ
ฮันโซลมองประตูกระจกหอพักของตัวเองออกไปยังความมืดที่มีแสงสีส้มสลัวเพื่อดูว่ามีคนตามมาอย่างที่คิดหรือไม่
แต่ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีใครเลยสักคนอยู่แถวนั้น
...บ้าน่า...
ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเม้มเข้าหากัน
เขายืนอยู่อย่างนั้นหลายนาทีก่อนจะจ้ำเท้าขึ้นบันไดไปแอบอยู่ตรงหน้าต่างตรงบันไดชั้นสองลอบมองไปด้านล่าง
ใช้เวลาอยู่ประมาณสิบนาทีก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาจากเงามืดในซอกตึกเดินกลับไปทางเก่า
...น่ากลัวแฮะ
วันหลังไม่จำเป็นจะไม่ออกไปคนเดียวแล้ว...
เด็กหนุ่มบอกกับตัวเองแล้วเดินไปยังลิฟต์เพื่อกลับไปห้องพัก
บยอลกลับขึ้นมาบนรถและขับพาตัวเองกลับไปยังอพาร์ทเม้นต์ของตัวเอง
มือเรียวแตะคียการ์ดแล้วผลักประตูเข้าไปภายใน หากครั้งนี้สุนัขทั้งสองตัวไม่ได้กรูเข้ามาทักทาย
คงมีแต่แมวของเขาที่ผงกหัวจากที่นอนมามองเขาแว่บหนึ่งก็หลับต่อ
ชายหนุ่มเดินอย่างเงียบกริบผ่านหน้าห้องนอนของแม่กลับเข้าห้องตัวเอง
เปิดไฟให้ความสว่างเข้ามาในห้องแล้วโยนของในกระเป๋าและกระดาษซับมันที่มีเบอร์โทรศัพท์กองไว้บนโต๊ะทำงาน
ในตอนนั้นหางตาก็เหลือบเห็นบางอย่างบนพื้น
...ลูกอมที่ถูกละเลยมานานนอนนิ่งอยู่บนพื้น...
นิ้วเรียวเอื้อมลงไปหยิบลูกอมทั้งสองเม็ดมาวางบนอุ้งมือพร้อมกับภาพใบหน้าเจ้าของลูกอมและภาพตอนที่เด็กคนนั้นคุยกับพระจันทร์ก็ลอยเข้ามาในความคิดคำนึง
...มึงนี่เป็นเด็กแบบไหนกันวะ...
เขาพูดอยู่ในใจ
ใช้ปลายนิ้วเขี่ยลูกอมในห่อกระดาษสวย
และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ลองแกะเปลือกแล้วหยิบลูกอมเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปาก
รสชาติเปรี้ยวฝาดแผ่กระจายไปทั่วทั้งปาก
แทบไม่มีความหวานปนอยู่เลยจนอยากจะคายทิ้ง แต่พอฝืนอมไปเรื่อยๆจนละลายก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชุ่มคอ
บยอลไสตัวเองไปบนเตียงนอนทั้งที่มีลูกอมรสชาติไม่อร่อยเลยอยู่ในปาก
ดวงตาสีน้ำตาลมองเพดานอันว่างเปล่าพลางคิดในใจอีกว่า
...ไอ้เด็กห่านั้นเป็นเด็กประหลาดจริงๆนั้นแหละ...
0 Comments