Thorn Flower : CHAPTER FOUR

05:22



ควันสีเทาเจือกลิ่นนิโคตินรุนแรงอบอวลทั่วทั่งห้องนอนกว้างขวางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงครบครันคลุมโทนสีดำตั้งแต่ผนังจรดเครื่องเรือนและผืนผ้าทุกชิ้น ยูคยอมกึ่งนั่งกึ่งนอนปล่อยควันบุหรี่ผ่านริมฝีปากแล้วขยี้ก้นบุหรี่ที่คีบระหว่างนิ้วลงบนที่เขี่ยรายล้อมด้วยหญิงสาวสวยเรือนร่างเปลือยเปล่าที่นอนกอดก่ายแนบชิดอยู่ไม่ห่าง


ชายหนุ่มลุกจากเตียงก้าวข้ามคู่นอนที่เสนอตัวเข้ามาหาโดยที่เขาไม่ต้องเหนื่อยยาก คว้าผ้าเช็ดตัวที่ตกอยู่กับพื้นมาพันกายจากนั้นจึงออกจากห้องนอนเพื่อไปห้องน้ำ แต่เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนที่โยนทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวในส่วนครัวทำให้ต้องหันไปหยิบมันมารับสาย


ยูคยอม คุณกลับมาแล้วใช่ไหมคะ คิดถึงจังเลย นี่พวกเรากำลังจะไปผับประจำของคุณน่ะ ออกมาสนุกด้วยกันสิคะ ปลายสายกรอกคำถามแทนคำทักทาย คนฟังดึงสมาร์ทโฟนห่างจากหู เขาจำเสียงของอีกฝ่ายได้คับคล้ายคับคาว่าจะเป็นผู้หญิงที่เคยแลกเบอร์กันในผับก่อนมาจบกันบนเตียงแบบไม่ผูกมัดแต่เพราะไม่มีอารมณ์จะไปไหนเลยกดตัดสายไปเฉยๆ และไม่แยแสต่อสายเรียกเข้าที่กระหนำโทรเข้ามาอีกเลย


เขาก้าวเท้าตรงไปล้างหน้าในห้องน้ำ เงาสะท้อนในกระจกเป็นภาพของผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเรือนผมสีแดงอ่อนที่มีมัดกล้ามแข็งแรงแต่แววตากระด้าง ดวงตาคมละจากกระจกมาหยุดอยู่บนหลังมือที่พันไว้ด้วยผ้าพันแผลแล้วความรู้สึกคั่งแค้นก็พลั่งพรูเข้ามา ใจทนไม่ได้จนถึงขั้นเปิดประตูออกไปฉวยโทรศัพท์ที่หน้าจอแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับนับสิบเพื่อโทรหาเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยที่ใช้ให้สืบตาคนที่ทำให้มือเจ็บ


เรื่องที่ให้สืบเป็นยังไง รู้หรือยังว่ามันเป็นใครเขากระชากเสียงถามอย่างหงุดหงิด เมื่อได้ยินการตอบจากปลายสายหน้าผากก็ยิ่งยับย่น ...เขาใช้อิทธิพลกับคนในมหาวิทยาลัยแต่ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพ่อหรือใครในบ้าน...


อะไรวะ ก็บอกแล้วว่ามันอยู่ชมรมที่ใกล้เรือนเพาะของพวกคณะเกษตรไง กะอีแค่หาชื่อแล้วไล่ดูหน้าดูชื่อมัน แค่นี้ทำไม่ได้เหรอไง ไอ้พวกสวะเอ๊ย ไร้ประโยชน์จริงๆ น้ำเสียงกระแทกใส่อย่างโกรธขึ้งนิ้วกดวางสายทันทีก่อนโยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนโต๊ะเดินไปหยิบขวดเหล้าในตู้เย็นกระดกใส่ปากแล้วคว้าอีกสองขวดเปิดประตูออกไปข้างนอก


เฮ้ย...ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ เขาบอกกับบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าประตู แต่ทุกคนยังยืนนิ่งแทบไม่ไหวติงราวกับหุ่นยนต์ไร้ชีวิตจิตใจ


ชายหนุ่มเหลือบมองอาการนั้นพลางขบกรามแน่น หลังจากแม่เสียเขาจำได้ดีถึงวันที่พ่อส่งเขาไปอยู่คนเดียวที่อเมริกาพร้อมกับบอดี้การ์ดหน้าตายที่ถูกป้อนคำสั่งให้ดูแลเฉพาะความปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นแม้แต่การสนทนาสั้นๆ ยังไม่เคยมีต่อกัน แม้กลับมาอยู่เกาหลีแทนที่จะได้กลับไปคฤหาสน์หลังงามของพ่อกลับต้องระเห็จมาอยู่อพาร์ทเม้นท์หรูนี้โดยมีบอดี้การ์ดที่ไร้ปากไร้ความรู้สึกเหมือนเคย


...ถ้าไม่ใช่มีเรื่องที่พ่อเห็นว่าสำคัญการพบกับพ่อนั้นเป็นเรื่องยาก ในใจเขารู้ดีว่าพ่อเกลียดเขา เกลียดเพราะเขาเป็นลูกที่เกิดจากผู้หญิงที่พ่อไม่ได้รัก หน้าที่ความเป็นลูกที่ได้รับจากคนเป็นพ่อมีเพียงเงินกับการถูกดูแลความปลอดภัย ซึ่งอันที่จริงการส่งคนพวกนี้มาไม่ใช่เพราะห่วงใยแต่แค่ต้องการเฝ้าไม่ให้สร้างปัญหา...


...แล้วไหนจะไอ้บ้ามือขวาของพ่อที่ทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยยิ่งกว่าก้อนกรวดเสียอีก...
...นอกจากแม่แล้วเขาก็ไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครสักคน
...แม้เมื่อนานมาแล้วไออุ่นจากพี่ชายต่างแม่จะทำให้เขารู้สึกอุ่นแต่นั้นกลับเป็นอดีตที่เขาฝังจำ


แม่งเอ๊ย พวกมึงนี่น่าเบื่อฉิบคำสบถพรั่งพรู มือเรียวใหญ่ขว้างขวดเหล้าเย็นเฉียบกระทบพื้นจนแตกกระจายแต่คนทำไม่ใส่ใจกลับหันหลังกระแทกประตูทิ้งให้บอดี้การ์ดทำหน้าที่เก็บกวาด


ยูคยอมกลับเข้ามาในห้องนอนความรู้สึกข้างในคุกรุ่นรุนแรง ในความเคียดแค้นมีความเดี่ยวดายระคนเจ็บปวดแทรกสอดในทุกอณู หิ้วเบียร์กระป๋องในตู้เย็นเล็กตรงมุมหลายแพ็กออกมาตั้งแล้วไว้กระดกดื่มมันอย่างบ้าคลั่งราวกับคนขาดน้ำ เสียงเปิดและโยนกระป๋องทิ้งทำให้หญิงสาวที่อยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นลุกมานั่งคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ


ออกไปเขาคำรามใส่ปัดมือนุ่มมากมายที่สัมผัสบนแผ่นอกตนออกแล้วเร่งระดับเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ออกไปสิวะ หูหนวกหรือไงบอกให้ออกไป


สิ้นเสียงกระป๋องเบียร์ที่เกลื่อนกลาดทั่วพื้นกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาหยิบฉวยขว้างปาใส่ไม่หยุดยั้ง อีกฝ่ายผวาลนลานคว้าเสื้อผ้าข้าวของวิ่งออกไปแทบไม่ทัน


หน้าไหนแม่งก็เหมือนกันหมด เสียงหัวเราะหยันนั้นปนมากับถ้อยคำแผ่ว เบียร์ไหลรินผ่านลำคอกระป๋องแล้วกระป๋องเล่าจนหมดตู้จากนั้นร่างใหญ่จึงทอดกายลงนอนหงายบนพื้นท่ามกลางกระป๋องเบียร์ นัยน์ตาคู่สวยมองโคมไฟคริสตัลระย้าสีดำบนเพดานนิ่งนาน


อาการมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้โลกหมุนคว้าง ภาพของโคมไฟแปรเป็นใบหน้าของใครคนหนึ่งที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลมะฮอกกานีอ่อนโยนกับฝ่ามือเย็นแต่อบอุ่นที่ยื่นมาเมื่อครั้งที่เขาคนนั้นยังไม่ถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานของลีโกสปรากฏขึ้นและเพียงพริบตาแววตาอ่อนโยนของเขาคนนั้นกลับเปลี่ยนเป็นไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่มีกระทั่งตะกอนความอาทรเหลือสักนิด


...สิ่งที่เจ็บปวดไม่ใช่ความเกลียดชังแต่เป็นการไร้ตัวตนในสายตาใครสักคนที่รัก...


แว่บหนึ่งดวงตาเรียบเฉยของใครอีกคนกลับซ้อนขึ้นมา...ดวงตากลมโตน่ารักหากกระด้างเย็นราวก้อนน้ำแข็ง แปลกที่ในตอนนั้นความเคียดแค้นกลับมลายไป


เขาปิดตาด้วยหวังว่าจะไม่เห็นภาพนั้น หวังว่าจะมีสักวันที่ไม่ต้องทนทรมานกับอาการนอนไม่หลับโดยไม่คิดถึงคนที่อยู่ใจและคนที่เป็นสาเหตุให้มือเขาเจ็บ


...ทำไมหมอนั่นช่างเหมือนกับพี่เหลือเกิน...
------------------------------------
 โคมไฟจากเสาสูงที่ตั้งเรียงรายรอบมหาวิทยาลัยส่องสว่างพอให้นักศึกษาที่เพิ่งออกจากอาคารเรียนมองเห็นทาง ร่างผอมที่สวมเสื้อมีฮู้ดคลุมศีรษะสีดำมีกระเป๋าเป้อยู่บนหลังก้าวพ้นชายคาอาคารเรียนก้าวลงบันไดเดินออกไปบนทางเท้าเรื่อยๆ จนมาถึงสนามบาสที่เปิดไฟสว่างเพราะมีการแข่งขันกันอยู่


เด็กหนุ่มเดินวนรอบสนามมองหาบางสิ่งก่อนมาหยุดยืนตรงรถเวสป้าที่จอดอยู่อย่างโดดเดี่ยว แสงไฟสนามส่องให้เห็นว่ารถกับหมวกกันน็อกผ่านการทำความสะอาดอย่างดีไม่มีกระทั่งรอยดินเกาะบนล้อ มีบางสิ่งห้อยอยู่ตรงแฮนด์รถแต่เขาไม่ได้สนใจเช่นเดียวกับที่ไม่แม้แต่จะคิดถึงคนที่ช่วยชีวิต มือเพียงหยิบหมวกกันมาน็อกสวม ล้วงกุญแจออกจากกระเป๋าปีนขึ้นไปบนรถแล้วสตาร์ทมันขับออกไปถึงหน้าร้านกาแฟสไตล์วินเทจที่ตั้งอยู่ริมถนน


มือเรียวผอมผลักประตูกระจกเข้าไปในร้านที่มีลูกค้านั่งอยู่คับคั่ง เจ้าของร้านโค้งให้ลูกค้าที่รับกาแฟจากเคาน์เตอร์และเมื่อเงยมาเห็นว่าใครเข้ามาหาก็ส่งยิ้มกว้างให้


แบมมาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยัง ถ้ายังไปนั่งข้างบนนะ เดี๋ยวคนซาพี่จะทำข้าวให้กิน หล่อนบอกแล้วกลับไปรับออเดอร์ลูกค้าอย่างแข็งขัน อีกฝ่ายมองเจ้าของร้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นภรรยาของคนที่อาศัยด้วยกันโดยปริปากอะไรเพียงเดินไปข้างหลังร้านหยิบผ้าเช็ดโต๊ะที่พาดอยู่บนขอบอ่างออกไปเก็บถ้วยจานพลางเช็ดโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไป


แบม ไม่ต้องทำ เดี๋ยวพี่ไปเก็บเอง เสียงร้องห้ามดังขึ้นทันทีที่เห็นว่าอีกคนกำลังช่วยตนเก็บโต๊ะแต่เพราะลูกค้ายังทยอยเข้าร้านทำให้ต้องละสายตากลับมาทำหน้าที่ทั้งรับออเดอร์ บาริสต้าและคิดเงิน วนเวียนเช่นนี้อยู่ครู่ใหญ่กว่าทั้งร้านจะเหลือเพียงหล่อนกับน้องของอดีตสามีอยู่กันตามลำพัง


คิบับกับซุปกิมจิถูกยกมาวางตรงหน้าของคนที่ยังซ่อนหน้าใต้ฮู้ดคลุมศีรษะ เจ้าของร้านเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทรุดลงนั่งช้าๆ ก่อนเปิดบทสนทนาพร้อมรอยยิ้มอ่อน


แบมไม่ต้องทำแบบนั้นเลย เรื่องเก็บโต๊ะน่ะพี่ทำเองได้


ก็ไม่ได้ลำบากอะไร


ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ยังไงพี่ก็ไม่อยากให้แบมทำ เจ้าหล่อนว่าแล้วเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ เออ พี่มีเรื่องจะปรึกษาแบมกับเรื่องที่ร้านด้วย คือพี่คิดว่าจะเพิ่มเมนูอาหารที่ทานง่ายๆ กับเพิ่มชนิดขนมในร้านให้มากขึ้น พี่เลยอยากจะจ้างคนมาช่วยงานที่ร้าน แบมคิดว่ายังไงบ้าง


คุณอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ


ไม่ได้สิ แบมเป็นคนออกทุนให้พี่เปิดร้าน มันก็เหมือนกับแบมเป็นเจ้าร้านด้วย จะไม่ให้ถามความเห็นได้ยังไง


ฮโยซองค้าน...หลังจากเลิกรากับอดีตสามี หล่อนรู้สึกเคว้งคว้างและไม่รู้เลยว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร คนตรงหน้ากลับยื่นมือมาช่วยด้วยการนำเงินมรดกของตัวเองมาเป็นทุนรอนให้หล่อนเปิดร้านกาแฟจนมีกินมีใช้มีอาชีพอยู่ทุกวันนี้


เงินนั้นเป็นส่วนของผม เมื่อผมให้คุณ มันก็เป็นของคุณ ไม่ใช่ของผม...ถ้าคุณจะทำอะไรก็ทำ ไม่จำเป็นต้องถามผมอีกถ้อยคำของเขายังเรียบเย็นเช่นเดียวกับแววตา หากหญิงรับรู้ได้ถึงความอารีที่อยู่ใต้ความกระด้างนั้น


...แบมแบมเป็นคนแปลก ยากที่จะเข้าใจว่ารู้สึกนึกคิดอะไร แม้จะดูไม่สนใจโลกหรือใครแต่กับเธอเขามีแต่ให้เสมอ...


แบม หล่อนขานเรียก มองคนตรงข้ามที่เอื้อมมือไปด้านหลังตรงช่องหน้าของกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนตกรุ่นหลายปีแต่ยังใช้การได้ดีออกมาเปิดดู


ผมกลับนะเขาเอ่ยลา


จะไปแล้วเหรอ อา อย่าเพิ่งไปนะ เดี๋ยวพี่ห่อพวกนี้กลับไปให้ก่อน


ไม่เป็นไร ไม่หิว พูดจบร่างผอมก็ลุกจากเก้าอี้เดินผ่านออกจากร้านไปปล่อยให้ฮโยซองได้แต่มองตามคนที่ดูเหมือนจะผอมลงกว่าเดิมอย่างเป็นห่วงแต่ไม่รู้จะทักท้วงอย่างไร
------------------------------------

เปรี้ยง...


เสียงฟ้าผ่าลั่นผืนฟ้าฟังคล้ายกับเสียงกระสุนยามถูกแรงกระแทกพ้นจากปลายกระบอกปลุกเจ้าของร่างที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือและสายยาฆ่าเชื้อระโยงระยางให้ตื่น


เสียงหอบหายใจดังขึ้นในความเงียบที่มีเพียงแสงวับแวมภายนอกสาดเป็นลำพอให้เห็นเงารางภายในห้อง...แววตาตระหนกของใครคนหนึ่งยังติดตา  มาร์คปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพื่อรวบรวมสติก่อนป่ายมือเอื้อมไปหยิบรีโมทเพื่อปรับหัวเตียงดันหลังตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง


เขาจำไม่ได้แล้วว่านานเพียงไหนที่ไม่ได้ฝัน แต่ที่วันนี้เขากลับฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ล่วงเลยมานานหลายปี แปลกที่มันยังฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา หรืออาจเป็นเพราะนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ฆ่าแค่ผู้ใหญ่แต่ลามไปถึงเด็กมันจึงกลายเป็นความทรงจำเดียวที่คนอย่างเขามี


นับแต่อุบัติเหตุทางเครื่องบินคร่าชีวิตสูญทั้งครอบครัวและถูกอุปการะโดยผู้เป็นลุงซึ่งเป็นญาติห่างๆ ทางพ่อ  ชีวิตของเขาก็ถูกคนอื่นเป็นเจ้าของ ทุกลมหายใจมีเป้าหมายเพียงตักตวงผลประโยชน์ทุกวิถีทางเพื่อผู้มีพระคุณ...นอกจากความภักดี ความทรงจำ ความรักเหือดหายไปจากหัวใจสิ้น ทว่าสมองยังจดจำถึงเด็กคนนั้นได้ทุกขณะ


อาจเพราะความเจ็บป่วยทำให้ความคิดวุ่นวายสับสน แม้กระทั้งเรื่องสำคัญอย่างอาการของผู้เป็นลุงและการตามหาตัวมือปืนตกเป็นรองภาพในความฝัน ชายหนุ่มนั่งเช่นนั้นอยู่นานกว่าที่เสียงเคาะประตูจะดึงสติให้กลับมา และเมื่อหันไปหาก็เห็นเงาของใครคนหนึ่งกดสวิตซ์ไฟ พลันเมื่อไฟสว่างชายหนุ่มชายหนุ่มใบหน้าหมดจด หากมีไรหนวดขึ้นเป็นแนวเขียวอยู่เหนือริมฝีปากมีดวงตาสองชั้นหลบในกลมสีดำสนิท จมูกโด่งได้รูปสวมชุดกราวน์สีขาวจะปรากฏให้เห็น


คนเจ็บปรายมองผู้มาเยือนที่เดินเข้ามาหยิบชาร์ทความดันที่สอดอยู่ในช่องปลายเตียงและตรวจดูคลื่นหัวใจและตัวเลขที่อยู่บนเครื่องใกล้เตียงเงียบๆ พอจะจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนายแพทย์ประจำตัวของผู้เป็นลุงแต่เรื่องชื่อนั้นเขาจำต้องก้มมองที่ป้ายตรงหน้าอก


...นายแพทย์ปาร์ค จินยอง...


ขออนุญาตตรวจหน่อยนะครับ ฝ่ายตรงข้ามขอพลางเสียบหูฟังแพทย์แล้ววางส่วนไดอะแฟมแนบบนอกอยู่ครู่หนึ่งก็ดึงสายมันกลับมาห้อยที่คอไว้ดังเก่า


เขาเป็นยังไงบ้างมาร์คเอ่ยถามถึงผู้เป็นลุงแต่คนฟังกลับตอบรับด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะถามกลับ


ครับ”  


ท่านประธานน่ะ


ยังอยู่ในห้องผ่าตัดครับ คงต้องรออีกสักพักถึงจะทราบผลแน่ชัด


คนเจ็บฟังคำจากแพทย์หนุ่มพลางขบกรามแน่น...ความคั่งแค้นหลั่งมาเหมือนหยาดฝนสาดกระหนำรดลงมาแต่ต้องซ่อนมันไว้ใต้ความเคร่งขรึม


ส่วนอาการของคุณ แผลที่ถูกยิงลึกก็จริงแต่ไม่กระเทือนอวัยวะสำคัญมาก ผมผ่ากระสุนตรงแขนคุณออกมาไม่ได้เพราะมันใกล้เส้นประสาทสำคัญเลยต้องปล่อยมันไว้ ก็ไม่มีอันตรายอะไรมากแต่ถึงอย่างนั้นคุณยังต้องพักฟื้นที่นี่สักระยะหนึ่ง


ระยะหนึ่งของคุณมันนานแค่ไหน


น่าจะประมาณสามถึงสี่อาทิตย์ได้ครับ


ร่วมเดือนเลยหรือ มาร์คแทบคำราม มือข้างที่ไม่ถูกกระสุนคว้าคอเสื้อของแพทย์เจ้าของไข้กระชากเข้ามาใกล้ จะให้ทนนอนเหมือนพิการบนเตียงเป็นเดือนมันนานเกินไป คุณเป็นหมอ คุณต้องรู้วิธีให้หายเร็วกว่านี้” 


คนเจ็บเค้นเขี้ยวอย่างเดือดดาลแต่แพทย์หนุ่มไม่มีอาการกลัวกับการถูกคุกคามเพราะคุ้นชินกับการรับมืออารมณ์อันเกรี้ยวกราดของคนไข้วอร์ดพิเศษแห่งนี้


คนไข้ที่เข้ารักษาในวอร์ดนี้เกือบทั้งหมดไม่เพียงแต่เป็นผู้บาดเจ็บที่มีประโยชน์ต่อลีโกสแล้วยังเป็นประเภทที่ไม่อยากให้ตำรวจตามถึงตัวหรือปล่อยให้ข่าวเจ็บป่วยลอดออกไปภายนอกไม่ได้


นักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ กระทั่งนักเลง มือปืนหรือนักฆ่า...อาชญากรทั้งนั้นที่เขาต้องรักษา แม้นในใจคนเป็นแพทย์จะต่อต้านแต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้เขาอดทนอยู่ที่นี่ทั้งที่เป็นงานที่เขาแสนเกลียด


ผมเป็นหมอไม่ใช่ผู้วิเศษ แผลของคุณไม่ใช่แผลแมวข่วนที่จะประเมินการรักษาให้หายได้ภายในห้านาทีหรอกนะครับ จินยองตอบกลับอย่างสุภาพและใจเย็น


อยากถูกฉันสั่งฆ่าใช่ไหม ประโยคนั้นลอดผ่านไรฟันที่กัดแน่นก่อนที่เสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำที่ก้าวเข้ามาในห้องจะเรียกความสนใจของคนบนเตียงให้เหลือบมอง


ผู้มาใหม่ย่างเท้าตรงมาหาแล้วมือใหญ่จึงกุมมือเรียวขาวที่ขย้ำคอเสื้อของแพทย์หนุ่มเอาไว้


โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก คุณบาดเจ็บ หมอประเมินการรักษาให้เวลาคุณเท่านี้ คุณก็ควรทำตามเสียงแหบต่ำเอ่ยคำเนิบช้าและเย็นเยือก


พูดเหมือนกับฉันไม่เคยถูกยิง...แผลแค่นี้นอนอีกสองสามวันก็หาย


ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน คุณก็รู้ ตอนนั้นคุณไม่ใช่ทายาทที่จะขึ้นสืบทอดตำแหน่งต่อจากท่านประธาน คุณจะฝืนตัวเองทำอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้คุณคือคนสำคัญ ตอนนี้สถานอาการของท่านประธานยังไม่แน่นอน หากทรุดถึงขั้นรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ คุณเป็นคนเดียวที่ถูกมอบหมายตำแหน่งผู้บริหารลีโกสได้ ผมยอมเสี่ยงให้คุณฝืนตัวเองจนเกิดอันตรายไม่ได้


ถ้าหายนานไปนานขนาดนั้นคิดหรือว่าจะไม่มีใครระแคะระคาย


เมื่อไหร่ที่ผมพูดว่าจัดการได้ คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยทำพลาด...มีผมอยู่ตรงนี้ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากไปกว่ารักษาตัวเองให้หาย และผมเชื่อว่าถ้าคุณทำตามที่หมอสั่ง โอกาสที่คุณจะหายเร็วขึ้นน่าจะเป็นไปได้ ใช่ไหมครับหมอ แจ็คสันปรายตาพลางถามกับแพทย์ที่ยังถูกคนป่วยจับไว้ไม่ปล่อย


ถ้าคนไข้ปฏิบัติตัวตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด ก็เป็นไปได้ที่จะหายเร็วขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเครียดของคนไข้ด้วย เพราะถ้าคนไข้เครียด ไม่ยอมพักผ่อนก็อาจจะหายช้า


มาร์คจ้องลึกไปในดวงตาสีน้ำผึ้งดุดันของชายผู้ทำหน้าที่แทนทั้งประธานและตนเองในขณะนี้ ก่อนจะยอมคลายมือปล่อยคอเสื้อของแพทย์เจ้าของไข้ตนเองให้เป็นอิสระ แพทย์หนุ่มแลคนเจ็บบนเตียงสลับกับชายที่เขาทราบดีว่าเป็นมือขวาคนสำคัญของลีโกสชั่วครู่จึงขอตัวแล้วออกจากห้องไป


คนป่วยเหลือบมองบานประตูที่ปิดสนิทแล้วหันหลังกลับมามองปลายเท้าของตนที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่งปล่อยให้อีกคนยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดจาอยู่หลายนาทีกว่าที่เขาจะเริ่มเปิดบทสนทนา


ได้ข่าวไอ้สารเลวนั่นหรือยัง


พอจะมีเบาะแสแต่ยังน้อยเกินกว่าจะหาตัว คุณต้องรอคนตัวใหญ่กว่าเว้นจังหวะเล็กน้อยจึงต่อ ระหว่างที่ยังหาตัวมือปืนกับผู้จ้างวานไม่เจอผมจะส่งบอดี้การ์ดมาดูแลคุณเป็นการส่วนตัว


ไม่จำเป็นอีกฝ่ายปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมขมวดคิ้วจ้องใบหน้าเฉยนิ่งของคนพูดไว้เขม็ง


จำเป็น


จำเป็นต่ออะไร ฉันไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขาแค่ถูกยิง ฉันจะไปไหนทำอะไรเองได้ หรือที่จริงแล้วในใจ นายคิดว่า ฉันเป็นคนทำเรื่องนี้ ถึงต้องหาคนมาคอยเฝ้าจับผิดเสียงเข้มลึกถาม ดวงตาคมจ้องลึกราวกับจะหยั่งในถึงความนัย ทว่าคนตรงหน้ากลับขยับเข้ามาใกล้ข้างหู


อี้เอินเขาขานเรียก ถ้าผมคิดว่าเป็นคุณ คุณคงไม่ได้นอนอยู่ตรงนี้


คนเจ็บฟังคำจากอีกฝ่ายนิ่งแต่ฝ่ามือกลับกำแน่นคล้ายสะกดความรู้สึก ขณะที่ผู้พูดขยับถอยออกมายืนอยู่ข้างเตียงสร้างช่องว่างระหว่างกันอีกครั้ง


ต่อไปผมคงไม่มีเวลามาที่นี่...บอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณจะทำหน้าที่ดูแลคุณแทนผม”  


ถ้อยคำของคนข้างเตียงทำให้มาร์คปิดเปลือกตาลอบสูดลมหายใจลึกก่อนใบหน้างามจะทอดไกลออกไปยังหน้าต่างอีกทาง สัมผัสใกล้ชิดมาเพียงครู่แล้วจากทำให้ทั้งใจเจ็บร้าวหากจำต้องซ่อนไว้มิดเม้น


ผมต้องไปแล้ว และผมหวังว่าคุณจะใจเย็นและเข้าใจสถานะตัวเองได้ดีเหมือนก่อนที่จะถูกยิง แจ็คสันกล่าวลาพร้อมเตือนให้คนบนเตียงตระหนักถึงความเป็นจริง แล้วหันหลังเดินไปยังประตูพร้อมกับความมืดที่กลับคู่สู่ห้อง เพียงเสี้ยวนาทีที่แผ่นหลังกว้างลับหายไปพร้อมกับบานประตูที่ปิดสนิท มือเรียวสวยที่กำแน่นกลับสั่นเทา


...เขาเป็นเหมือนนกซึ่งติดอยู่ในนรกที่เรียกว่ากรง ไปไหนไม่ได้ ทำตามใจตัวเองไม่ได้...
...แม้แต่การรักใครสักคนก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน...
------------------------------
 บ้านสองชั้นทาสีฟ้าอ่อนทั้งหลังซ่อนอยู่หลังรั้วไม้สีขาวมีพุ่มดอกไม้ซ่อนกลิ่นสีขาวบานสะพรั่งเลาะเลื้อยจนแน่นหนา ร่างผอมผลักประตูรั้วเข็นรถเวสป้าเข้าไปจอดภายในลานซีเมนต์หน้าบ้านแล้วเดินผ่านกอดอกซ่อนกลิ่นที่ปลูกเป็นแนวรอบทางเดินส่งกลิ่นหอมแรงจนฉุนเข้าไปในบ้าน


เพียงก้าวเท้าเข้ามาบรรยากาศและการตกแต่งบ้านที่เน้นสีเอิร์ลโทนรวมถึงเครื่องเรือนทำจากไม้ช่วยให้รู้สึกอุ่นสบาย กลิ่นหอมของอาหารจากในครัวกรุ่นทั่วบ้านแต่คนตัวผอมกลับรู้สึกพะอืดพะอม 


แบมแบมหยุดยืนอยู่หน้ากรอบประตูโล่งทอดสายตาไปยังแผ่นหลังกว้างที่ง่วนอยู่หน้าเตาในครัวก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกได้ถึงสายตาจึงเริ่มพูด


กลับมาแล้วเหรอ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อน แล้วค่อยลงมากินข้าวนะคนตัวใหญ่พูดโดยไม่เหลียวมามอง คนตัวเล็กไม่ได้ปริปากขานรับเพียงแค่เดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนสีขาวที่จัดมุมไว้อย่างเป็นระเบียบ หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่หายไปในห้องน้ำเล็กๆที่อยู่ติดกับห้องตัวเองและกลับออกมาด้วยสภาพอิดโรยมากกว่าสดชื่น เสื้อแขนยาวสีเทากับกางเกงขายาวสีเดียวกันมีกลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ทำให้ร่างเล็กผอมยิ่งดูบอบบาง


เด็กหนุ่มค่อยๆก้าวลงบันไดจนมาถึงขั้นสุดท้ายจึงหยุดมองภาพถ่ายที่ติดบนผนัง ในรูปนั้นเป็นภาพของนายตำรวจวัยกลางคนสวมเครื่องแบบสีกากีเต็มยศยืนเคียงกับนายตำรวจหนุ่มในเครื่องแบบสีกรมท่าผู้มีใบหน้าดุจเดียวกับคนที่ง่วนอยู่ในครัว ตรงมุมซ้ายสุดของภาพมีลายมือเขียนเป็นภาษาไทย...แด่ อิม แจบอม หลานชายที่ลุงภูมิใจ


ดวงตากลมสวยจับนิ่งบนใบหน้าของผู้สูงวัยในภาพมีแววหม่นเศร้า ฝ่ามือเรียวเล็กยื่นไปลูบเบาๆ อย่างคิดถึงและรักใคร่


...พ่อ...


รีบมากินนะ เดี๋ยวมันเย็นแล้วจะไม่อร่อย คำนั้นลอดมาจากในครัวดึงคนเศร้าให้หลุดจากความคิดคำนึงเดินเข้าไปยังห้องครัวที่แบ่งมุมหนึ่งไว้เป็นส่วนกินข้าว  บนโต๊ะไม้ทรงกลมนอกจากสำรับอาหารอันประกอบด้วยไก่ตุ๋นโสม ข้าวสวยและกิมจิสองชุดแล้ว ยังมีดอกเบญจมาศสีชมพูอ่อนปันในแจกันวางประดับขณะที่ผู้แสดงฝีมือยุ่งอยู่กับการล้างจาน


กินไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ล้างจานเสร็จจะไปกินด้วย


ทำไมวันนี้ยังกลับบ้านเสียงจากคนเงียบมานานเอ่ยถาม


ทางนั้นให้พี่หยุด คนตัวใหญ่ตอบ พวกนั้นจัดการทดสอบหนึ่งให้พี่และพอดีว่าพี่ผ่าน เขาเลยให้มาพักสักสองสามวันแล้วจะพี่ไปเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับคนที่ฆ่าคุณลุง...


น้ำเสียงของแจบอมสดใสด้วยรู้ว่านี้เป็นโอกาสเดียวที่จะสืบหาหลักฐานการกระทำผิดในเชิงลึกได้ ทว่าคนที่นั่งฟังกลับวางช้อนส้อมลงบนโต๊ะทั้งที่อาหารพร่องไปไม่ถึงครึ่งก่อนลุกออกจากครัวไปและกลับเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ปฐมพยาบาล


หือเมื่อรู้สึกได้ถึงชายเสื้อที่กระตุกคนตัวใหญ่พึมพำในลำคอและหันไปหา มีอะไรเหรอ


ไม่มีคำใดตอบกลับ ใบหน้าหวานนั้นเรียบตึงเหมือนแผ่นกระดาษแต่ดวงตากลมทอดมาหามีแววถามและความเจ็บแฝงลึกอยู่


แผลพวกนี่เหรอ พี่ได้มาตอนเอาตัวให้รอดจากแบบทดสอบที่พวกนั้นใช้คัดคนไปเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้รองประทานนั้นแหละ เขาว่ายังคงยิ้มละไมเพื่อให้อีกคนเป็นกังวล ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่เป็นไร ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น


คนผอมมองคนตรงหน้านิ่ง...รอยยิ้มนั้นมีให้เขาเสมอและคงจะเป็นเพียงไออุ่นเดียวที่เขาพอจะหาได้จากโลกโสมมใบนี้...


เขาจำไม่ได้ว่าพบกับแจบอมครั้งแรกวันไหนและไม่สนใจวีรกรรมความเลวสารพันในอดีตสมัยแจบอมเป็นอันธพาลที่พ่อเคยเล่าให้ฟังไม่ได้ด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่จำได้แม่นยำคือ คนนี้เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดเคียงข้างแม้ในยามทุกข์ทรมานที่สุด


เงียบ คำสั่งกระชับสั้น มือเรียวเล็กวางกล่องปฐมพยาบาลแล้วเริ่มทำแผลให้เงียบๆ ทำให้ชายหนุ่มมีเวลาพิจารณาสภาพคนตรงหน้าอย่างจริงจังในรอบหลายอาทิตย์


แบมไปหาหมอตามที่นัดไว้บ้างหรือเปล่า


อืม


คราวก่อนพี่ไม่ได้ไปด้วย หมอเขาว่ายังไงบ้าง


ไม่ว่ายังไง ก็เหมือนทุกครั้ง


แบมไม่ได้ฝันอีกใช่ไหม


ไม่


แล้วหมอนัดอีกครั้งเมื่อไหร่ คนดูแลยังพยายามถามถึงความเป็นอยู่ในช่วงที่ตนเองไม่อยู่


ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงผมก็ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นบ้าเพราะพวกมันเป็นครั้งที่สองหรอกประโยคนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเย็นแต่ทำให้คนฟังสะดุดหลุบตามองพื้น


แจบอมจดจำช่วงเวลาที่ยากลำบากและทรมานเหมือนตายทั้งเป็นในยามนั้นได้ดี หลังจากเกิดเรื่องใหม่ๆ คนตรงหน้าเหมือนแก้วที่แตกเป็นเสี่ยง ทุกวันผ่านพ้นไปด้วยเสียงกรีดร้อง มือที่ทุบตีทำร้ายตัวเองและน้ำตาอาบหน้า ความจำเป็นทำให้เขาต้องส่งแบมแบมเข้าโรงพยาบาลจิตเภท เกือบสองปีที่เขาอยู่เคียงข้างอยู่กับความทรมานเจียนตายที่ส่งผลทั้งเขาและอีกคนอย่างหนักหน่วง ความรู้สึกที่เขามีนั้นลึกล้ำเกินกว่าจะเป็นเพราะความสงสารหรือความเป็นพี่ที่ถูกผู้อุปการะฝากฝัง


...ต่อให้ต้องตกนรกหมกไหม้มือนี้จะไม่ปล่อยคนตรงหน้าไป...


มันตายหรือยังอยู่ๆ คนที่เก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องก็เปลี่ยนบทสนทนา


ตอนนี้พวกมันปิดข่าวเงียบ สายของพี่เองก็ยังไม่แจ้งมาเลยไม่รู้ว่าเป็นตายยังไง ชายหนุ่มตอบเท่านั้นทั้งที่มีเรื่องในใจอยากจะถามแต่เลือกจะเงียบ


อ้อ วันนี้เจอลูกมันด้วยคนตัวเล็กเอ่ยต่อ หน้าไม่เหมือนมันแต่ใจสกปรกเหมือนเดรัจฉานพอกัน


เขาทำอะไรแบมหรือเปล่าคนได้ยินย่นหน้าผากถาม


ลูกแหง่แบบนั้นจะไปทำอะไรใครได้


แล้วแบมทำอะไรเขาหรือเปล่า


คราวนี้แบมแบมเหลือบตากลมสวยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกล้าของอีกฝ่ายนิ่ง ดวงหน้าหวานอมโศกราบเรียบไร้อารมณ์ใดขณะที่ริมฝีปากอิ่มยังปิดสนิทแต่คนที่อยู่ด้วยกันมานานสัมผัสได้ถึงความอาฆาตรุนแรง


การเห็นผู้เป็นพ่อและคุณน้าที่ตัวเองรักถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาย ส่วนตัวเองถูกยิงปางตายด้วยน้ำมือของคนที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นใครแต่กฎหมายกลับจัดการไม่ได้ทำให้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกนั้นเป็นเรื่องอ่อนไหว...ร่างผอมปิดกล่องปฐมพยาบาลแล้วหันหลังตั้งท่าจะเดินออกไปแต่มืออุ่นกลับเอื้อมมาคว้าข้อมือที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อแขนยาว


แบมคนตัวใหญ่เรียกอ่อนโยน เชื่อใจพี่ไหม


ถ้าไม่เชื่อ คงหยิบปืนไปยิงหัวพวกมันแล้วคำตอบได้รับโดยไม่หันมาหา


งั้นก็อย่า...อย่าเอาตัวเองไปใกล้ อยู่ให้ห่างคนพวกนั้นไว้ เข้าใจที่พี่พูดไหม


ความประสงค์ของเขาถูกตอบสนองด้วยการเกาะมือใหญ่ที่เกาะกุมบนข้อมือออก ร่างผอมเดินกลับขึ้นห้องนอนของตนเองไป ส่งผลให้ร่างใหญ่ถอยไปพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างจานอย่างหนักใจ เขาเดินไปเก็บสำรับกับข้าวเข้าตู้เย็นแล้วคว่ำถ้วยชามให้เข้าที่ก่อนขึ้นบันไดไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนของคนร่วมบ้านครู่หนึ่งจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง


ภายในห้องกว้างฉาบผนังด้วยสีฟ้าอ่อนสบายตาจัดเรียงเครื่องเรือนไว้อย่างเป็นระเบียบไม่ต่างจากห้องของอีกคน ชายหนุ่มทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่แล้วเปิดแล็บท็อปพิมพ์รายงานความคืบหน้าส่งถึงหัวหน้า แต่ยังเว้นว่างในส่วนของเหตุการณ์เมื่อวานเอาไว้


แจบอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จ้องหน้าจอแล็บท็อปของตัวเองอยู่นานเกือบชั่วโมง กระทั่งเสียงข้อความถูกส่งผ่านไลน์ดังขึ้นทำให้ละสายตาหยิบสมาร์ทโฟนบนโต๊ะมาเปิดอ่าน


...กระสุนทะลุไขสันหลังและปอดขวา ไปฝังอยู่ที่สะบักขวา มีโอกาสจะเสียชีวิต แต่ถ้ารอดก็เป็นอัมพาตตลอดชีวิต...


รายงานผลการรักษาจากสายของเขาถูกส่งมาหาเล่นเอาเขาถึงกับขมวดคิ้ว...สายตาเหลือบไปยังรูปถ่ายที่มีทั้งผู้มีพระคุณ ตัวเขาเอง แบมแบมและชายอีกคนสวมชุดกราวน์สีขาวยิ้มกว้างถูกใส่ในกรอบไม้อย่างดีที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ


ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องอย่างทรมานกลับดังลอดเข้ามาในห้องทำให้คนตัวใหญ่ลืมทุกสิ่ง กระโจนออกจากห้องพรวดเข้าไปในห้องนอนของอีกคนที่ปิดไฟมืด คลำหาสวิทช์เพื่อให้ห้องสว่าง ร่างผอมบางบนเตียงนอนหลับตายกมือปิดหูดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงพร้อมกับเสียงร้องแหลมเหมือนคนที่เจ็บเจียนตาย


ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปหาจับแขนของคนบนเตียงที่เลิกปิดหูหันมาทุบตีแขนขาและใบหน้าของตัวเองรุนแรงจนเป็นรอยช้ำและแผลถลอกปอกเปิก ริมฝีปากอิ่มซึมด้วยเลือดสดจากการกัด


...เป็นปีแล้วที่เขาไม่เห็นแบมฝันร้ายเช่นนี้...

ไม่ ไม่ พ่อ พ่อต้องไม่เป็นไร ไม่ไม่ เสียงร้องลั่นเพ้อออกมาขาดเป็นห้วงเหมือนคนขาดลมหายใจ พ่อครับ คุณน้าครับ อย่าทิ้งแบมไปนะครับ อย่าทิ้งแบมไว้แบบนี้


แบม เขาตะโกนเรียกอดทนต่อการถูกตบตี แขนแกร่งทั้งสองเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นลึกและยาวมากมายถูกเล็บของอีกคนจิกข่วนจนเป็นรอยถลอดมีเลือกไหลซึมแต่เขายังพยายามอย่างหนักที่จะกอดกดคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน


โอ้ พ่อจ้า พ่อช่วยแบมด้วย มันเจ็บ เจ็บเหลือเกิน มือเล็กกำแน่นทุบไปตรงอก น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางหยดลงบนลำแขนทำไม ทำไมไม่พาแบมไปด้วย ทำไมไม่ให้แบมตายไปด้วยล่ะ ทำไม


ร่างใหญ่ใช้แรงทั้งหมดที่มีกอดร่างผอมไว้จากด้านหลังแววตาที่จับนิ่งบนคนในอ้อมแขนทรมานเหมือนถูกมีดนับพันทิ่มแทง


ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่นี่ อยู่ตรงนี้คำปลอบนั้นกระซิบอยู่ข้างหูไม่ห่าง โมงยามแห่งความทุกข์ผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่คนในอ้อมแขนจะสงบเอนศีรษะซบอยู่บนอก


ทำไมไม่ให้แบมตายไปด้วย


ความฝันที่กลั่นมาจากความทรงจำ เสียงรำพันเศร้าสั่นเครืออย่างคนหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งพาให้ภาพคนตัวผอมสวมชุดรัดแขนป้องกันการทำร้ายตัวเองนอนคุดคู้อยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำแต่ดวงตากลมโตไร้แววความรู้สึกมองอย่างเลื่อนลอยไม่มีจุดหมายราวกับซากศพไร้ชีวิตผุดพรายพร้อมกับน้ำตาของแจบอมที่รื้นขังขอบ แขนแข็งแรงโอบกระชับร่างผอมไว้แน่น


...ถ้าทำได้เขาอยากจะแบกทุกความปวดร้าวในหัวใจดวงน้อยที่แหลกเป็นผุยผง...
...ถ้าทำได้เขาอยากเป็นคนเก็บความทรงจำเลวร้ายที่สุดในชีวิตของคนตัวเล็กไว้เพียงคนเดียว...


ชายหนุ่มซ่อนหน้ากับเรือนผมนุ่มปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมา ไหล่กว้างสั่นไหวหัวใจคล้ายถูกใครบีบไว้แน่นแต่ทำได้แค่อดทนข่มความเจ็บเอาไว้


...แบมเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พี่อยู่ ถ้าไม่มีแบมแล้ว พี่ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน...


You Might Also Like

0 Comments