Thorn Flower : CHAPTER ONE

04:56




สายลมกรรโชกแรงผสานกับเม็ดฝนโหมกระหนำรุนแรงราวพายุสาดกระทบทุกสิ่งใต้ผืนฟ้าให้ชุ่มฉ่ำทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนยิ่งหม่นมัว รถคาดิลแลคลีมูซีนสีดำคันงามแล่นฝ่าสายฝนและน้ำเจิ่งนองบนถนนเข้ามาจอดต่อท้ายรถยนต์สีดำตรงลานซีเมนต์กว้างหน้าพื้นที่ของโกดักเก็บสินค้าล้อมรอบด้วยอาคารเก่ารกร้างราวกับป้อมปราการ


คนรับหน้าที่ขับรถกางร่มลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูให้ชายสูงวัยผมสีดอกเลาในชุดสูทสีดำก้าวออกมายืนอยู่บนพื้นก่อนที่ชายฉกรรจ์อีกหกคนจะลงมาจากรถที่จอดอยู่ก่อนหน้ามาสมทบและออกเดินตามหลัง 


ชายผู้นั้นเดินเลียบแสงนีออกจากเสาเหล็กที่ติดตั้งรอบโกดักแต่ไร้การดูแลจึงเหลือที่ใช้การได้ไม่มากหากก็พอส่องให้เห็นกลุ่มคนชุดดำที่ยืนกางร่มรออยู่หน้าประตูโกดังขนาดใหญ่ที่เปิดกว้าง


บรรยากาศการเผชิญหน้าระหว่างสองฝ่ายใต้เงาร่มตรึงเครียด แต่ในท้ายที่สุดผู้เป็นนายใหญ่ก็จับมือสานสัมพันธ์เพื่อดำเนินข้อตกลงร่วมกันจากนั้นทั้งหมดจึงทยอยเข้าไปในภายในโกดัง ในความเงียบพลันกลับมีบางสิ่งทะยานแหวกอากาศและลมฝนผ่านช่องว่างระหว่างไหล่ของกลุ่มคนพุ่งตรงเข้าสันหลังของชายสูงวัยทำให้ร่างผึ่งผายนั้นทรุดคว่ำพร้อมกับเลือดสีแดงฉานหลั่งรินไหลไปตามทางน้ำ


วินาทีนั้นความโกลาหลกลับบังเกิดเมื่อกระสุนไม่รู้ที่มาจู่โจมใส่อีกหลายนัด ต่างฝ่ายต่างสิ้นความไว้ใจเปิดฉากดวลปืนสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มผมสีควันบุหรี่ผละจากกลุ่มผู้ติดตามที่ยิงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามถลาเข้าไปอุ้มร่างของหมดสติของชายสูงวัยฝ่าดงกระสุนกลับไปที่รถพร้อมสั่งคนขับให้รีบขับไปโรงพยาบาล ทว่าจังหวะที่จะก้าวเท้าตามขึ้นไปบนรถกลับมีแสงสะท้อนส่องกระทบเข้าตา เมื่อหันกลับไปหาต้นตอก็พบเข้าแสงสีส้มอ่อนจากเปลวเทียนและเงาของมนุษย์วูบไหวตรงหน้าต่างชั้นบนสุดของอาคารร้างจึงกระแทกประตูแล้วส่งสัญญาณให้คนขับออกรถส่วนตัวเองกลับหุนหันหยิบปืนสั้นจากซองที่เหน็บไว้ใต้สูทวิ่งตามแสงไป


ชายหนุ่มกระโจนขึ้นไปบนลังไม้ที่กองสุมปีนข้ามรั้วตะแกรงเหล็กย่างเท้าไปในความมืดอย่างระแวดระวังกระทั่งมาหยุดยืนตรงหน้าอาคารร้างแสงเทียนจากบานหน้าต่างยังคงสว่างไสว ร่างสูงลอดกรอบประตูเดินเข้าไปภายในพร้อมกับมือเรียวใหญ่กระชับปืนสั้น แผ่นหลังแนบกับผนังขณะที่เท้าก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นจนกระทั่งถึงจุดหมาย


ท่ามกลางแสงเทียบสลัวรางมีร่างในชุดกันฝนนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก บนโต๊ะไม้ริมหน้าต่างปืนสไนเปอร์ไรเฟิลซึ่งน่าจะเป็นอาวุธลอบสังหารตั้งบนขาทรายวางอยู่กลางกองกระสุนที่เกลื่อนโต๊ะ...นิ้วเรียวจึงเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนใส่แล้วเดินเข้าไปกระชากเสื้อคลุมออกหากสิ่งที่ปรากฏตรงหน้ามิใช่มนุษย์แต่เป็นเพียงตุ๊กตายัดนุ่น


...ปัง...ปัง...ปัง


เสียงกระสุนสามนัดพุ่งจากปลายกระบอกปืนฝังเข้าสะบักขวา อีกนัดตรงเข้าต้นแขนขวาและสุดท้ายที่ต้นขาซ้ายส่งผลให้ร่างสูงทรุดลงกับพื้นปืนหลุดจากมือ



ใครบางคนก้าวออกมาจากเงามืดจ่อปลายกระบอกปืนเข้าที่ขมับก่อนสันปืนจะตบอย่างแรงเข้าที่ท้ายทอยจนผู้บาดเจ็บล้มลงไปนอนกอง ช่วงวินาทีที่สติเริ่มถดถอยหางตากลับเหลือบเห็นมือปืนดึงฮู้ดออกจากศีรษะ ดวงตาพร่าเลือนเกินกว่าจะมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายกระจ่างชัดมีก็แต่เพียงกลิ่นหอมแรงของดอกไม้ที่ตรึงอยู่ในประสาทสัมผัสก่อนที่โลกทั้งใบจะดับมืด

------------------------------------------

ประกายแสงสีขาวฟาดลงบนพื้นฟ้าเปลี่ยนความทะมึนมืดให้สว่างไสวแล้วดับไปในพริบตาพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้องราวฟ้าถล่มจะเข้ามาแทนที่ ชายหนุ่มกายสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำวิ่งลงจากทางเดินลาดชันฝ่าสายที่กระหนำตกอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย


ดวงตาเรียวยาวสีนิลคมกล้ามีไฝสองเม็ดเล็กประดับเหนือเปลือกตาซ้ายบนใบหน้าคมคายที่มองตรงไปข้างหน้ากระวนกระวาย เขาแทรกกายและวิ่งผ่านผู้คนที่ยืนอยู่ใต้ร่มบนทางเท้าริมถนนจนมาหยุดหน้าร้านกาแฟสไตล์มินิมอล มือใหญ่ผลักประตูกระจกเดินผ่านโต๊ะเก้าอี้ไม้และลูกค้าที่กำลังดื่มกาแฟตรงไปหาคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์กาแฟ


หญิงสาวผมยักศกสีน้ำตาลอมแดงยาวประบ่าสวมเสื้อยืดลายทางขาวสลับฟ้ากับกางเกงยีนส์สีซีดทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีครีมหยิบสตอเบอรี่วางประดับบนวิปครีมในจานวัฟเฟิลก่อนจะยกมันหันกลับมาหน้าเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นคนที่ยืนเท้าแขนเปียกโชกอยู่ตรงหน้าก็สะดุ้งยังดีที่จานขนมไม่หลุดจากมือ


เขาอยู่ไหนเสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามอย่างเรียบเย็น


อยู่ข้างบนค่ะเสียงหวานหลุดตอบออกมาอย่างตกใจ เพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็ผละจากเคาน์เตอร์สาวเท้าไปยังประตูด้านหลังร้านทำให้หญิงสาวเจ้าของร้านรีบนำจานของหวานเสิร์ฟลูกค้าแล้วเดินตามไปและคว้าแขนใหญ่เอาไว้ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายก้าวขึ้นบันไดวน


เขาไม่สบายมาก นอนหลับอยู่...คุณมีอะไรไว้ค่อยคุยทีหลังได้ไหมคะ


ชายหนุ่มเหลือบตายังมือเรียวนุ่มบนแขนของตัวเองแล้วปลดมันออกจากนั้นก็จ้ำพรวดขึ้นบันไดวนผ่านประตูกระจกไปยังส่วนพักอาศัยที่จัดมุมต่างๆไว้อย่างเป็นระเบียบ


คุณไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอคะ...เขาป่วยจนไม่มีแรงจะพูด ถึงคุณมีธุระเขาก็คุยกับคุณไม่ไหวหรอก เธอว่าขณะวิ่งนำอีกฝ่ายไปยืนกางแขนขวางหน้าประตูห้องนอน


ผมไม่ต้องการพูดกับเขา...ฮโยซอง ผมต้องการเห็นว่าเขายังอยู่ที่นี่คำตอบดุดันราวคำสั่งพร้อมมือใหญ่ที่เอื้อมมาบีบไหล่ข้างหนึ่งดันให้อีกคนต้องถอยไปอยู่ข้างๆ เขากระชากประตูไม้สีฟ้าเข้าไปภายในห้องนอนสีขาวที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย บนเตียงสีขาวใกล้บานหน้าต่างมีร่างของใครคนหนึ่งหลับอยู่


เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมนุ่มสีทองสลวยวางศีรษะบนหมอนสีขาว ดวงหน้านวลละมุนมีไฝเม็ดเล็กอยู่ใต้ดวงตาที่ปิดสนิท จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มหนาดูละม้ายเด็กผู้หญิงนั้นเซียวซีดราวหน้ากระดาษไร้ตัวอักษร เสื้อแขนยาวสีดำหลวมๆที่สวมอยู่ทำให้ร่างเล็กผอมใต้ผ้าห่มที่กองตรงหน้าท้องยิ่งบอบบาง


เจ้าของห้องเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ตรงข้างเตียงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พาดอยู่บนขอบกะละมังใบเล็กจุ่มลงในน้ำก่อนบิดหมาดนำไปเช็ดหน้าให้คนป่วยแผ่วเบา


คุณสืบคดีอยู่หรือคะ คงไม่ค่อยได้กลับบ้าน รู้ไหมคะว่าเขาป่วย ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มาหลายวันแล้ว ถ้าไม่เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาโทรมาแจ้งเรื่องเขาขาดเรียนวิชาเอก ฉันคงไม่รู้ว่าคุณทิ้งเขาป่วยอยู่คนเดียว หญิงสาวเอ่ยอย่างเชื่องช้ามองคนที่ยังหลับอย่างกังวลก่อนเงยหน้ายังอีกคน ฉันถือวิสาสะพาเขามาดูแลที่นี่ คุณคงไม่ว่าใช่ไหมคะ


ขอบคุณที่ดูแลเขา


ฉันรู้ดีว่างานของคุณสำคัญ เมื่อก่อนคุณก็ทิ้งฉันไว้แบบนี้แต่คุณไม่เคยทิ้งน้องชายตัวเอง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ มีงานอะไรที่สำคัญขนาดทำให้คนที่ชีวิตมีน้องชายเป็นทุกอย่างถึงกล้าทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวแบบนี้


ถ้อยคำเรียบเรื่อยหากมีแววปวดร้าวในน้ำเสียง ฮโยซองทอดมองอดีตสามีของตนเองเต็มตาเพียงครู่ก็เบือนไปอีกทาง...นับจากวันที่หย่าร้างก็นานนับปีแล้วแต่เธอยังไม่สามารถมองเขาเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีน้ำตา


...เธอไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับอดีตสามี แต่เพราะความอาทรอย่างมากของคนบนเตียงทำให้เธอไม่อาจตัดขาดครอบครัวนี้...


ผมขออยู่ตามลำพังได้ไหมคำขอนั้นทำให้หญิงสาวบิดผ้าบนหน้าผากวางกลับลงบนขอบอ่างแล้วออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ชายหนุ่มรอจนกระทั่งได้ยินเสียงบานไม้แนบกับกรอบประตูจึงทรุดกายลงนั่งริมขอบเตียงแล้วเอื้อมมือไปอังความร้อนบนหน้าผากทำให้เปลือกตาของคนที่หลับขยับเปิดออกช้าๆ ดวงตากลมสวยดุจลูกกวางค่อยๆเหลือบมองยังคนตัวใหญ่ด้วยแววตาว่างเปล่าไม่ยินดียินร้ายราวกับหุ่นยนต์


คุณมาเสียงหวานแหบแห้งถามแผ่วเบา คงมีเรื่องด่วน


เขาถูกยิงอีกฝ่ายบอก คำว่า เขา ต่างคนต่างรับรู้ว่าเป็นใครโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อ


เมื่อไหร่


ตอนหัวค่ำที่โกดังร้าง


ตายไหม


ยังไม่รู้...แต่สาหัญ เขาว่าแล้วเว้นจังหวะก่อนพูดต่อ ลูกบุญธรรมเขาก็ถูกยิง


แล้วหัวหน้าคุณว่ายังไงล่ะ


พี่ยังไม่ได้แจ้ง และพี่คิดว่าพวกมันคงไม่แจ้งตำรวจ เพราะถ้าเรื่องเขาถูกยิงรั่วคงมีผลกระทบกับธุรกิจ


แต่ถ้ารั่วมาถึงคุณได้...สถานะคุณตอนนี้คงสำคัญพอสมควร เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างเย็นชาแล้วเงียบเสียงพลางเบือนหน้าจากคนตัวใหญ่ทอดสายตายังหยดน้ำที่เกาะพราวตรงหน้าต่าง  “ที่คุณตากฝนมาบอกเรื่องนี้กับผมถึงนี้ คงคิดว่านี่เป็นฝีมือผมสิ


คำถามที่หลุดจากปากไร้ความรู้สึกแต่ทำให้คนฟังสะอึก...ในความคิดส่วนลึกเขาหวั่นใจว่าจะเป็นฝีมือของคนบนเตียงอย่างเลี่ยงไม่ได้


ตอนพี่ไปที่บ้าน พี่หาสไนเปอร์ของคุณลุงในห้องแบมไม่เจอ...แบมตอบพี่ได้ไหมว่ามันหายไปไหน


อาจจะทิ้ง


แบม พี่รู้ว่าของทุกชิ้นของคุณลุงแบมไม่มีทางทิ้ง เพราะอย่างนั้นบอกพี่เถอะว่ามันอยู่ไหน


ถ้าคุณปักใจเชื่อว่าเป็นผม คุณก็แค่จับผมใส่กุญแจมือแล้วลากไปพบเพื่อนตำรวจของคุณก็พอคนตอบนิ่งงันไรอารมณ์


แบมอย่าทำอย่างนี้ ได้โปรดบอกพี่ บอกทีว่ามันอยู่ไหน เขาถามแววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความกังวลและร้อนรนแต่คนที่มองหยาดฝนด้านนอกกลับไม่พูดอะไรอยู่หลายนาทีก่อนจะยอมปริปาก


ก็แค่เอามาดูในห้องนั่งเล่นแต่เป็นลมก่อนเลยไม่ได้เก็บ


แจบอมยินเสียงแผ่วเบาเย็นเยือกพลางเม้มริมฝีปาก สูดลมหายใจหนักแล้วผ่อนออกอย่างช้าๆเพื่อสะกดความรู้สึกเจ็บปวด มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสเส้นผมนุ่มบนหมอนอย่างอ่อนโยน


...ในความเย็นขอ
งน้ำเสียงมีเพียงเขาที่สัมผัสถึงความทรมานที่ซ่อนอยู่อย่างมิดเม้น...


พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้แบมรู้สึกแบบนั้น แต่พี่แค่อยากแน่ใจว่าแบมจะไม่ทำอะไรให้มือตัวเองเปื้อนเลือด


ทำไมล่ะ...คุณคิดว่าผมสะอาดขนาดจะเปื้อนเลือดใครไม่ได้เชียวหรือ


พวกชั่วนั้นไม่คุ้มที่แบมจะเอาตัวไปแลก ไม่คุ้มที่จะยอมให้เลือดเปื้อนมือ ไม่คุ้มที่จะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับคุกกับตาราง


ไม่ว่าอย่างไรสำหรับเขาแล้วคนตรงหน้ายังเป็นเด็กที่สะอาดเกินกว่าจะทำให้มัวหมอง...หากจะมีสิ่งใดที่อีกฝ่ายคิดทำให้ตัวเองต้องแปดเปื้อนเขาจะเป็นผู้จัดการแทน


แล้วอย่างไหนถึงคุ้ม...ต้องรอให้คุณทำตามกฎหมายไปอีกนานแค่ไหนล่ะถึงจะได้เห็นพวกมันเจ็บเหมือนที่พ่อเจ็บ หรือต้องรอให้คนอื่นทำกับพวกมันเหมือนวันนี้ก่อน


พวกนั้นมีศัตรูมากอยู่แล้ว ถ้าจะพวกไหนแก้แค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน...พี่ขอให้เป็นใครก็ได้ยกเว้นแบม แค่แบมคนเดียว พี่รู้ว่าวิธีของพี่มันอาจจะช้าแต่ตราบใดที่พี่มีชีวิตอยู่ กฎหมายต้องช่วยได้และพี่เชื่อว่าคุณลุงต้องอยากให้พี่ใช้กฎหมายจัดการกับคนพวกนั้นมากกว่าวิธีอื่น


“ถ้ากฎหมายมันช่วยได้จริง...พ่อคงไม่ต้องโดนแบบนี้ คราวนี้ประกายในตามีความอาฆาตรุนแรงฉานลึก...ความเกลียดชังกัดลึกทุกอณูของร่างกายกร่อนลึกจนเจ็บแทบหายใจไม่ออกแต่ทุกอย่างถูกซ่อนในความเฉยชา


ผมเหนื่อยจะนอนแล้วเด็กหนุ่มตัดบทการสนทนาด้วยการดึงผ้าขึ้นมาห่มบนลำคอพร้อมปิดเปลือกตาลงปล่อยอีกคนให้อยู่กับความเงียบ 
ชายหนุ่มแลเสี้ยวหน้าขาวรับเอาความทุกข์ลึกล้ำของเด็กในปกครองของตนเองโดยไม่พูดอะไรทั้งที่ข้างในคล้ายถูกบางสิ่งกรีดใจจนเป็นแผล


ราตรีสวัสดิ์...แบมแบมเสียงทุ้มอุ่นกล่าวอำลา ฝ่ามือใหญ่ลูบเส้นผมที่รกปรกหน้าเบาๆ ก่อนถอยหลังหันกลับไปทางประตู


สวิทซ์ไฟถูกกดปิดทำให้ห้องสว่างกลับมืดลงแต่ยังคงมีแสงจากไฟถนนและอาคารร้านค้าลอดเข้ามาพอให้มองเห็นสิ่งรอบข้างได้รางๆ คนป่วยลืมตาผินหน้าไปทางหน้าต่างจ้องลำแสงจากไฟหลากสี มือเรียวเล็กสอดเข้าไปใต้หมอนหยิบเอาปลอกกระสุนปืนมากำไว้แน่น ยามนั้นนัยน์ตากลมสวยวูบไหวอ่อนแรงหากแฝงแรงมุ่งมาดคาดร้าย


...ไม่มีเวลาอีกแล้ว...

...พวกมันสมควรตายอย่างทรมานทุกคน...

-------------------------------------------
รองเท้าหนังมันปลาบของบุรุษหนุ่มในชุดสูทสีดำสวมทับด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวสีดำย่ำลงบนพื้นที่ซีเมนต์ที่เจิ่งนองด้วยน้ำ กลิ่นชื้นของสายฝนที่อ่อนกำลังลงหลังจากกระหนำรุนแรงหลายชั่วโมงผสานกับกลิ่นคาวเลือดจากศพที่นอนเกลื่อนเจืออยู่ในอากาศ ดวงตาคมกริบดุจอินทรีเหลือบลูกกระสุนจากปืนสั้นที่ฝังอยู่บนร่างไร้ลมหายใจอย่างเย็นเยือก มือเรียวใหญ่กำก้านดอกไม้สีขาวสะอาดมีกลิ่นหอมแรงคลึงไปมาอย่างครุ่นคิด


ท่านครับ...ตรงนี้มีหายใจอยู่คนหนึ่ง เสียงตะโกนเรียกนั้นทำให้เขาละสายตาไปยังแขนที่ยกสูงอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายฉกรรจ์อีกสี่คนที่ติดตามตนเองมา


ทั้งกลุ่มแหวกทางแบ่งกันยืนคนละฝั่งทันทีที่ผู้เป็นนายเดินมาถึง ณ ตรงนั้นมีชายวัยกลางคนร่างอ้วนท้วนสวมสูทสีดำสั่งตัดอย่างประณีตนอนหายใจรวยรินจมกองเลือดที่หลั่งรินจากลูกกระสุนที่จมอยู่ในช่องอกและข้างลำคอ


ช่วย...ช่วยด้วยคนใกล้ตายครางแผ่วพยายามยกมือหนาจับผู้ที่อยู่ในเงามืดซึ่งย่อตัวลงมาหา


ได้สิสุรเสียงแหบต่ำเรียบเย็นยินคล้ายพญามัจจุราชตอบ แต่ท่านต้องตอบผมสักสองสามคำถามก่อน


คำ...คำถามอะไร ชายบนพื้นถามอย่างอ่อนแรง ดวงตาพร่าจากสติอันเรือนรางทอดมองยังคนที่ก้มมาหาเพื่อถามคำถามและรับคำตอบ เมื่อพอใจจึงลุกขึ้นยืนปรายมองคนบนพื้นหยิบปืนสั้นจากผู้ติดตามแล้วเหนี่ยวไก


ปัง!!!


เสียงกระสุนแผดลั่นในความฝันปลุกเจ้าของร่างที่นอนกระสับกระส่ายบนเตียงโดยมีสายน้ำเกลือระโยงรยางค์ให้ตื่น ลมหายใจหอบดังขึ้นในความเงียบ แสงอ่อนยามเช้าสาดาผ่านบานหน้าต่างมากระทบร่าง ชายหนุ่มยกมือลูบหน้าที่อาบด้วยเหงื่อก่อนหยัดกายพยายามจะลุกแต่อาการเจ็บร้าวกับแล่นเข้ามาเล่นงานจนใจจึงต้องนอนนิ่งปล่อยให้ความทรงจำในวินาทีสุดท้ายก่อนหมดสติกลับมา


...มือปืนนั่น...


ฟื้นแล้วเหรอ คำถามนั้นดึงสติคนที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเพียงลำพังกลับสู่โลกความเป็นจริง เขาหันหน้าไปยังแผ่นหลังกว้างของชายผมสีนิลผู้มีเรือนกายกำยำซึ่งซ่อนอยู่ใต้อาภรณ์สีเดียวกับเส้นผมยืนนิ่งตรงบานหน้าต่าง 


กลับจากฮ่องกงเมื่อไหร่เสียงต่ำลึกแหบพร่าถามกลับ


เมื่อคืน ชายผู้นั้นว่าแล้วผละจากหน้าต่างเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง คนเจ็บพินิจใบหน้าคนคุ้นเคยโดยละเอียดตั้งแต่หนาเรียงเป็นเส้นตรงตวัดปลายรับกับนัยน์ตาสีน้ำผึ้งดุจพญาอินทรีคมกริบที่ดูราวกับจะอ่านผู้ถูกมองได้ลึกถึงก้นบึ้งหัวใจ จมูกโด่งและริมฝีปากหนาได้รูปนั้นส่งให้ใบหน้าเรียวไร้อารมณ์ดุดันน่าเกรงขาม


เขาล่ะ คนเจ็บยังคงถาม ดวงหน้าเรียวซีดเย็นมีคิ้วเข้มเรียงกันเป็นเส้นโค้งสวย แพขนตาหนาประดับนัยน์ตาเรียวยาวสีเปลือกไม้ดูงดงาม จมูกนั้นขึ้นเป็นสันเด่นชัดและปากหยักอิ่ม หากไม่มีรอยช้ำจากแรงกระแทกใบหน้าคงไม่ผิดกับรูปสลักของประติมากรมือเอก


อยู่ห้องผ่าตัด ยังไม่พ้นขีดอันตราย คำกล่าวเนิบห้วนอย่างไม่ยินดียินร้ายปลุกให้นัยน์ตาเรียวยาวสีเปลือกไม้แวววับดังหมาป่าวาวโรจน์ ร่างอันบอบช้ำจากกระสุนปืนโงนเงนฝืนกายจะลงจากเตียงแต่อีกฝ่ายใช้มือกดด้วยแรงเพียงน้อยก็ดันคนเจ็บตรึงกับเตียงได้


ปล่อย ประโยคที่ลอดผ่านไรฟันที่กัดกันแน่นแทบคำรามแต่เพราะช่อดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมแรงถูกยื่นมาตรงหน้าเรียกความสนใจของอีกคนให้หยุดดิ้นรน


อี้เอิน...คำขานชื่อนั้นลากยาว คุณรู้จักนี่ไหม


ไม่คนบนเตียงตอบหลังจากแลดอกไม้ขาวช่อนั้นอย่างละเอียด


มันคือดอก Tuberose...ตอนพบคุณในตึกร้าง มันวางอยู่ข้างๆน้ำเสียงของคนตอบยังเรียบเรื่อย อี้เอิน...คุณเข้าใจสิ่งที่คนทำต้องการใช่ไหม


คิ้วของคนถามเลิกขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถามยังชายหนุ่มผู้มีฐานะเป็นบุตรบุญธรรมและทายาทคนสำคัญผู้สืบทอดตำแหน่งประธานบริษัทในเครือลีโกส คอร์เปเรชั่น


มาร์ค ต้วนหรือในชื่อจีนที่มีเพียงคนคุ้นเคยเรียกว่า อี้เอินเป็นนามของคนเจ็บบนเตียง...เขามองใบหน้าเรียบตึงของชายผู้ที่มีเพียงคนระดับวงในเท่านั้นจะได้พบหน้า เขามีชื่อว่าหวัง เจียเอ๋อ หรือ แจ็คสัน หวัง ผู้มีฉายาว่ามัจจุราชในเงามืดเป็นทั้งผู้นำความตายแด่ศัตรูทุกผู้ทุกเล่าที่หาญกล้าต่อกรกับธุรกิจของตระกูลคิม คอยเก็บกวาดเรื่องสกปรกทั้งหลายไปจนถึงทำหน้าที่บริหารธุรกิจมืดที่ตระกูลคิมเกี่ยวข้องทั้งหมด


...เป้าหมายมีแค่คนเดียว ส่วนที่เหลือทำเพื่อจะเย้ย และดอกไม้ที่ฝากไว้ก็เหมือนเป็นตัวแทนของผู้ลงมือ...


เมื่อวานตาแก่จงอุคบอกว่า เรื่องนี้มีแค่พวกที่ตายกับลูกชายที่รู้ ตอนนี้ฉันให้คนเค้นความจริงจากหมอนั่นอยู่ ถ้ายังไม่ได้เรื่องก็คงต้องมาดูว่า ศัตรูของเราคนไหนที่ใช้ดอกไม้นี้เป็นสัญลักษณ์


ฉันรู้จักศัตรูของเขาทุกคน ไม่มีพวกไหนมันใช้สัญลักษณ์นี้อี้เอินกล่าวคำ รู้ไหมเจียเอ๋อ ตอนนั้นท่านประธานยืนอยู่ในวงล้อมของบอดี้การ์ด โอกาสที่จะยิงแทบเป็นไปไม่ได้แต่มันกลับยิงเข้าเป้าได้ในนัดเดียว และมันก็รู้วิธีหลอกล่อให้ฉันเข้าไปติดกับ ด้วยฝีมือแบบนี้มีแต่มือปืนอาชีพที่ทำได้


มือปืนอาชีพแทบทุกคนเป็นเครือข่ายเรา ถ้าไม่ใช่ว่ามีใครแตกแถวมารับงานนี้ก็อาจเป็นใครสักคนในหมู่พวกเรา


หรือไม่ก็เป็นศัตรูที่เราไม่รู้จัก แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใคร มันไม่มีวันได้ตายดี อี้เอินขบกรามแน่นนัยน์ตาทั้งคู่วาวโรจน์โกรธขึ้ง ถ้าเจอมันอย่าเพิ่งฆ่ามันล่ะ เก็บมันไว้ให้ฉันทรมานก่อน เข้าใจไหม


ไม่ต้องห่วง ถ้าพบตัวมันเมื่อไหร่ผมจะส่งมันมาให้คุณจัดการ


คำตอบนั้นทำให้ความเกรี้ยวกราดกลับสู่ความเย็นชา ใบหน้างามละจากความดุดันของอีกคนไปยังใบไม้ที่แกว่งไกวตามแรงลมอยู่นอกหน้าต่าง...เจียเอ๋อจัดการทุกอย่างได้ดีไม่มีพลาดและเขาเป็นคนเดียวที่ท่านประธานและตัวเขาไว้ใจ


มีใครรู้เรื่องที่ท่านประธานกับฉันเข้าโรงพยาบาลบ้างคนที่นิ่งไปนานเอ่ยโดยไม่แม้แต่จะหันมามองคู่สนทนา


นอกจากผมก็มีแค่หมอ พยาบาลกับการ์ดที่ไว้ใจได้อีกไม่กี่คน คนที่เปรียบเหมือนมือขวาว่าขณะมองเสี้ยวหน้าด้านข้างน่าทะนุถนอมของผู้เป็นนายในชุดผู้ป่วยสีน้ำตาล...ห้องผู้ป่วยนี้อยู่ในวอร์ดพิเศษซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลอย่างลีโกสสร้างไว้เพื่อใช้รักษาคนในตระกูลคิมและบุคคลที่ทำงานลับให้กับลีโกส การจะเข้ามาถึงที่นี่ได้นอกจากต้องใช้ทางพิเศษแล้วยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาด้วยระบบสแกนคนเข้าออกด้วยดวงตาและลายนิ้วมือ รวมทั้งมีบอดี้การ์ดฝีมือดีคอยเฝ้ายามเป็นปราการอีกชั้นหนึ่ง


นายแจ้งกับผู้ถือหุ้นไปหรือยัง


เมื่อเช้าผมส่งคนแจ้งในที่ประชุมว่าคุณกับท่านประธานไปดูงานที่อเมริกาให้แล้ว ส่วนพวกนักข่าวกับตำรวจยังไม่มีใครรู้ผู้มีศักดิ์ต่ำกว่ารายงาน


แล้วหมอนั่นล่ะ


ผมไม่ได้บอก...เขาไม่จำเป็นต้องรู้อยู่แล้ว


ระหว่างนี้ดูแลเขาหน่อย อย่าให้เขาทำตัวเหลวไหล...ยังไงหมอนั่นก็เป็นทายาททางสายเลือดของท่านประธาน อี้เอินเบือนหน้าจากใบไม้กลับมาหาคนที่ยืนข้างเตียง


รับทราบ เจียเอ๋อรับคำด้วยแววน้ำเสียงอ่อนลงพลางทอดมองคนข้างล่างตนนิ่ง ยามนั้นสายตาของทั้งคู่สบประสานกันนั้นเย็นเยือก ทว่าในความเรียบเฉยนั้นกลับมีบางสิ่งแฝงเร้นอยู่...บางสิ่งที่คนบนเตียงแสร้งไม่แสดงออกทั้งที่ตระหนักรู้ถึงมัน


คนตัวใหญ่ใช้ปลายนิ้วหยิบก้อนน้ำแข็งจากชามข้างเตียงลูบเบาบนริมฝีปากอิ่มรูปกระจับปล่อยน้ำที่ละลายไหลผ่านปากไปสู่ลำคอแห้งผาก ใบหน้าคมของอีกคนเคลื่อนกรายใกล้พร้อมกับลมหายใจอุ่นรินรดบนข้างแก้มทำให้เปลือกตาของคนเจ็บปิดลงด้วยกลัวบางสิ่งที่คาดไว้ในใจจะเกิดก่อนที่เสียงกระซิบแหบนั้นจะดังขึ้นข้างหู


พักผ่อนเถอะ ผู้มีตำแหน่งด้อยกว่าฝากคำแล้วขยับถอยห่างออกมาทีละน้อย มือใหญ่วางดอกไม้ขาวทั้งช่อไว้ในอุ้งมือที่อยู่บนผ้าห่มแล้วจากไป


เสียงปิดประตูทำให้ร่างโปร่งบางบนเตียงสั่นไหว แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บยกขึ้นทับบนดวงตาสั่นระริกที่ยังปิดสนิท ความเจ็บปวดหลั่งไหลเข้ามาแต่ต่อหน้าต้องทำไม่รู้สึกรู้สา


...เขาหวังอะไรจากสิ่งที่ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยไปแล้ว... 


You Might Also Like

0 Comments