BITTER SWEET : CHAPTER NINE
08:43
“อะไรคือ SMTM Clearing House ครับ”
คำถามจากความสงสัยหลุดจากปากของเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องประชุมของบริษัทต้นสังกัดโดยมีผู้จัดการนั่งอยู่ข้างๆ
ขณะที่ฝั่งตรงข้ามมีตากล้อง PD
รายการและทีมงานจากเอ็มเน็ตอีกสี่คนนั่งร่วมอยู่ด้วย
“เป็นรายการพิเศษที่ทางรายการจะเชิญคนที่มีประเด็นกันมาพูดคุยเคลียร์ปัญหาที่ผู้ชมทางบ้านคาใจ
ซึ่งทางเราจะจัดให้แต่ละคู่ไปทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อเคลียร์สิ่งที่ต่างฝ่ายอยากจะพูดต่อกันหรือความจริงที่ผู้ชมยังไม่รู้อะไรแบบนี้ครับ”
“555 ฟังแล้วเหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลังจากรายการยังไงไม่รู้เลยนะครับ”
เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นทันทีที่ฟังรายละเอียดคร่าวๆจากปาก PD รูปร่างอ้วนท้วนสวมแว่นตากันแดดสีดำปิดบังใบหน้าราวกับกลัวว่า
หากเปิดเผยอาจมีการโดนรุมกระทืบกันได้
“ทางเราถ่ายทำเทปพิเศษนี้เพื่อเป็นการขอโทษผู้เข้าแข่งขันและอยากให้ผู้ชมเข้าใจว่าระหว่างตัวผู้แข่งขันเองไม่ได้มีปัญหากันซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเราจะเป็นฝ่ายจ่ายให้ทั้งหมด”
“อา...แล้วทำไมถึงเป็นผมล่ะครับ”
“เพราะมีบางคนขอมาว่าอยากจะเคลียร์ด้วย”
“ใครครับ”
“แอนดัพ” ชื่อของผู้เข้าร่วมแข่งขันคนหนึ่งหลุดจากปากทำให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลอกไปมาอย่างครุ่นคิด
“แล้วเรามีสิทธิ์ไม่ไปไหมครับ”
“ก็มี แต่ไปเถอะ
ดูทางนั้นเขาอยากเคลียร์ด้วยมากจริงๆ
อีกอย่างทางเราได้ส่งเรื่องไปให้ทางบริษัทของคุณพิจารณาแล้วและเขาก็อนุญาต”
“แบบนี้มันบังคับกันนี่ครับ”
“แหม...ก็ถือว่าไปโปรโมทวงและทำบุญแล้วกันนะครับ”
“ที่ว่าทำบุญ...ทำให้ใครครับ”
“ก็ทางนั้นแหละครับ”
“แล้วมีคู่ไหนที่ต้องไปถ่ายแบบนี้บ้างครับ”
“ก็ตอนนี้มีแค่แคนเดิลกับอินเครดิเบิ้ลแล้วก็ฮันเฮกับแจวอน”
“555 มีแต่คู่ที่เรียกเรตติ้งทั้งนั้นเลยนะครับ”
“ช่วงนี้ตารางงานของเซเว่นทีนค่อนข้างยุ่งนะครับ
อาจจะลงเวลาการถ่ายทำเทปพิเศษให้ได้แค่ช่วงเย็นหรือกลางคืนไปจนดึกเลยนะครับ”
ผู้จัดการเริ่มอธิบายถึงความยุ่งยากในการจัดตารางงานของเด็กในวงที่ตัวเองดูแลอยู่
“ไม่เป็นไรครับ...ทางนั้นเขาสะดวกช่วงเย็นไปจนถึงดึกเหมือนกัน
แล้วถ้าการถ่ายทำเทปแรกจบลงด้วยดีไม่มีประเด็นอะไรคาใจ
อาจจะไม่มีการถ่ายทำเทปที่สองหรือสามตามมา”
“อา” ฮันโซลหลุดร้องออกมาคำหนึ่งแล้วอมลมพองแก้มทำสีหน้าลำบากและยุ่งยากใจกับข้อเสนอที่
PD หยิบยื่นมาให้ “แล้วเราต้องมีตากล้องคอยตามถ่ายทำกิจวัตรของเราและถ่ายทำการสัมภาษณ์ที่เราพูดถึงกันด้วยใช่ไหมครับ
“ก่อนจะนัดมาเจอกันเราจะถ่ายทำในส่วนการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายก่อน
ซึ่งเราจะให้ต่างฝ่ายต่างดูสิ่งที่สัมภาษณ์สดๆแบบไม่ตัดต่อครับ
นอกจากนี้เราอาจจะไปสัมภาษณ์คนอื่นถึงเรื่องของทั้งคู่บ้าง”
“โอ้ งั้นถ้าเขาสบถ เขาด่า
พูดคำหยาบก็ได้ยินหมดสิครับ”
“ครับ”
“แล้วถ้าสัมภาษณ์ไปสัมภาษณ์มาเขาอยากต่อยผมขึ้นมาล่ะครับ
มีมาตรการป้องกันอะไรให้ผมบ้างไหม”
“คิดว่าทางนั้นจะกล้าทำหรือครับ”
“ก็ถามเผื่อไว้น่ะครับ”
“ไม่หรอกครับ
มันจะไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับทางนั้น”
คลิปภาพและเสียงจบลงปล่อยจอโทรทัศน์ให้เป็นสีดำก่อนที่จะปรากฏภาพใหม่
คนตาดุมองหน้าอ่อนละมุนสวมโค้ทสีแดงที่นั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องพักศิลปินของรายการเพลงแห่งหนึ่งโดยมีเพื่อนสมาชิกเดินไปเดินมาอยู่ข้างหลัง
บยอลกลืนน้ำลายมองไปทางทีมงานที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่ในห้องนอนที่เขาใช้เป็นพื้นที่ทำงานรู้สึกขัดเขินที่ต้องให้สัมภาษณ์กับหน้ากล้องหลังจากดูสิ่งที่เด็กคนนั้นสัมภาษณ์จบ
ในตอนแรกที่รายการติดต่อเข้ามาเพื่อถ่ายทำเทปพิเศษเมื่อเช้า...ความคิดที่ว่าอยากจะคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวแทนการไปดักรอและคอยให้เด็กประสาทนั้นแอดคาทกมาทำให้เขาตัดสินใจถ่ายทำโดยไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมก็เซ็นสัญญากว่าจะรู้ตัวว่าต้องถูกติดตาม
24 ชั่วโมงจนกว่าจะถึงวันได้นัดเจอกันก็รู้สึกเหมือนทำพลาดแต่จะให้ย้อนไปไหนก็คงไม่ได้เลยได้แต่ทำใจ
PD
: ตอนเจอกันครั้งแรกรู้สึกยังไงครับ
Vernon
: ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ คิดแค่ว่าเป็นเพื่อนของรุ่นพี่มินโฮเท่านั้นเอง
แต่พอได้ยินพี่เขาพูดเรื่องไอดอลแรปเปอร์ก็แอบรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย
ชายหนุ่มมองจอที่มีเด็กประสาทคนนั้นพูดอยู่ก่อนจะถูกถามด้วยคำถามใหม่
PD
: ทำไมถึงพูดไปแบบนั้นครับ
Andup
: ผมดูซีซั่นก่อนและไม่ชอบเท่าไหร่ที่ไอดอลแรปเปอร์ไม่มีฝีมือมาแข่งกันเต็มไปหมดแล้วพอดีผมได้ยินเขาพูดถึงเรื่องของแบรนด์นิวขึ้นมาเหมือนเขาจะโอเคถ้าจะได้สิทธิ์พิเศษให้ผ่านเข้ารอบ
ผมก็เลยพูดออกไป
PD
: ก็เลยเกลียดเขา?
Andup : ผมไม่ได้เกลียดเด็กคนนั้นนะ...แต่นี่คือการแข่งขันไอดอลที่แรปห่วยๆไม่ควรยืนอยู่ในรายการนี้
การที่พวกเขาถูกกำจัดออกไปมันไม่ใช่ความผิดของผมนะ ซึ่งจริงๆผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า
ความคิดแบบนี้มันไม่ดีเลย
น้ำเสียงของคนให้สัมภาษณ์ในตอนท้ายเบาลงและมีสีหน้าสลดลงบ้างทำให้คนอ่อนกว่าที่มองจออยู่คนละพื้นที่กันย่นหน้าใส่...เพิ่งมารู้สึกตัวเหรอ
Vernon
: ก็จริงครับที่ว่าไอดอลแรปเปอร์ที่ทำผลงานออกมาได้ไม่ดีสมควรตกรอบ
และคงไม่มีใครกล่าวหาว่าเป็นความผิดของพี่เขาหรอกครับ
แต่ผมก็ตกรอบไปตามผลงานที่ทำไปแล้ว แต่พี่เขาจะขับรถมาดักผมหน้าตึกกับหน้าหอ
โทรเข้าบริษัทและเที่ยวขอคาทกผมจากคนอื่นไปเพื่ออะไร
บยอลกรอกตาทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายตอบคำถามพาดพิงถึงชีวิตจริงอย่างตรงไปตรงมา
ทั้ง PD
และทีมงานถึงกับหันมามองหน้าคนถูกพูดถึงแทบเป็นตาเดียว
PD : ทำแบบนั้นจริงๆเหรอครับ
Andup : เออะ เดี๋ยวนะเอาทีละประเด็น
เรื่องตอนรอบแบทเทิล เด็กนั่นมันเลือกบีทน่าเบื่อมาก
เนื้อเพลงก็เขียนมางุ้งงิ้งฉิบหาย ถึงผมจะด่ามันผมก็แก้เนื้อเพลงให้ตั้งเยอะนะว้อย
Vernon : ใช่ครับ
เรื่องที่ช่วยแก้เนื้อเพลงให้เป็นเรื่องจริง แต่เขากระโชกโฮกฮากใส่ผมมากเลยนะ ไม่ชอบผมก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ
อีกฝ่ายเริ่มใส่สี...รายการอยากได้ความสนุกนัก จัดไปเลย
Andup : เฮ้ย ผมไม่ได้อยากโมโหนะก็แม่งหัวดื้อฉิบหาย
ผมเป็นพี่มันนะ ขอคาทกมันจะแก้เนื้อส่งให้มันก็ไม่ให้อ่ะ
Vernon : พี่บยอล เอ๊ย พี่แอนดัพเขาเอาแต่ถามถึงคาทกผมอ่ะพอผมไม่ให้ก็โมโห
ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำไรผิดปะวะ
Andup : ปีนเกลียววะ ขอคาทกนะไม่ได้ขอเบอร์
ตอนนั้นแค่จะช่วยแก้เนื้อไม่ได้อยากจะไปจีบแม่งสักหน่อย
บทสัมภาษณ์ที่โต้ตอบกันไปมาโดยไม่จำเป็นต้องมีคำถามทำให้ทีมงานของแต่ละฝั่งยิ้มและมีสีหน้าพอใจ
คิดว่าเรตติ้งพอจะมีอยู่แหละ
Vernon : จริงเหรอครับ
ฮยองเขาบอกไม่ได้ขอเบอร์ผมเหรอ เขาขอเถอะครับแต่ผมบอกไม่มีโทรศัพท์มีแต่ไอแพด
ฮยองเขาเลยขอคาทกผมแทนไง
PD : เวอร์นอนบอกว่านายขอเบอร์แต่เขาไม่มีโทรศัพท์นายเลยขอคาทกแทน
Andup : เชดแม่ม
เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้ทันไหมครับ
ชายหนุ่มหลุดปากหูแดงแทบจะทันทีที่ได้ยินอีกคนสัมภาษณ์ไปหัวเราะไปก่อนที่ทีมงานอีกฝั่งจะเริ่มถาม
PD : แล้วได้ให้ไปไหมครับ
Vernon : ไม่ได้ให้ครับ ผมคิดว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่หลังจบรายการแล้วเรายังต้องเจอหรือคุยกับคนที่ดิสเราแรงๆแถมออกตัวว่าเกลียดเรา...ผมเลยไม่ได้ให้ไป
ฮันโซลตอบคำถามต่อหน้ากล้องก่อนจะได้ยินเสียงเรียกจากทีมงานรายการเพลงให้ไปเตรียมตัวขึ้นเวทีอีกรอบเลยต้องขอตัวจากการถ่ายทำเทปพิเศษไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อน
ปล่อยให้บยอลมองตามหลังและถูก PD ตั้งคำถามใหม่
PD : ถ้าจะให้โอกาสเจอเวอร์นอนอีกครั้ง อยากเจอด้วยไหมครับ
Andup : ผมน่ะยังไงก็ได้ครับ ไปถามเด็กคนนั้นดีกว่าว่าอยากเจอผมอยู่หรือเปล่า
หลังตอบคำถามทีมงานยังคงทยอยถามถึงเรื่องของการแข่งขัน
มีประเด็นที่ถูกผู้ชมต่างชาตินำไปแปลจนทำให้หลายฝ่ายเข้าใจผิดว่าเขาเหยียดเชื้อชาติและเขาก็ตอบไปตามที่เคยชี้แจ้ง
จากนั้นบยอลมีธุระต้องออกไปห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยเลยต้องออกไปข้างนอกก็มีทีมงานกับตากล้องตามไปด้วยโดยเขาได้รับอุปกรณ์เสริมเป็นไอแพดเพื่อให้รับชมการสัมภาษณ์ของคู่กรณีอีก
PD : ถ้าจะให้โอกาสเจอแอนดัพอีกครั้ง
อยากเจอด้วยไหมครับ
Vernon : พี่เขาว่ายังไงครับ
คนอ่อนกว่าถามระหว่างที่ยังวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากเวทีโดยพี่ชายในวงอย่างวอนอูคอยพาดแขนอยู่บนไหล่น้องของตัวเองตลอดเวลาด้วยรอยยิ้มคล้ายจะกวนอยู่ในทีมองเข้ามาในกล้องด้วย
PD : เขาให้มาถามนาย
Vernon : 5555 เจอแล้วจะไม่ขอคาทกผมใช่ไหมครับ เอาจริงๆผมว่า
ผมจะอยากหรือไม่อยากไปมันไม่สำคัญหรอกครับเพราะรายการตกลงกับบริษัทไว้แล้ว อ๊ะ
ตอนนี้อย่าตัดทิ้งนะครับ ใส่ลงไปตอนออกอากาศด้วยเลย
PD : อย่ารู้ทันสิครับ
ตกลงแล้วอยากเจอแอนดัพไหมครับ
Vernon : ผมไปเจอพี่เขาก็ได้แต่ผมเอาพี่ของผมไปด้วยได้ไหมครับ
บยอลมองหน้าจอไอแพดแล้วขมวดคิ้วยกนิ้วกลางขึ้นมาพร้อมสบถใส่ทันที
ฝ่ายที่เห็นการกระทำผ่านจอไอแพดเลยหลุดหัวเราะออกมา
Vernon : 5555
เดี๋ยวนะครับ เมื่อกี้พี่เขาแจกฟัคใส่ผมเหรอ โหย หยาบคายจังแล้วแบบนี้ผมควรไปเจอเหรอครับ
เจอหน้าพี่เขาแล้วเขาไม่ต่อยผมเลยเหรอ
พอได้ยินคำตอบมีคำสบถหลุดจากปากคนฟังอีกหลายคำแต่ทีมงานทางนั้นปิดไมค์เลยไม่มีเสียงลอดแต่การอ่านปากก็พอทำให้รู้ว่า
ด่าด้วยคำว่าอะไรอยู่
Vernon : ผมไปเจอพี่เขาก็ได้นะครับ
แต่ผมมีข้อแม้ว่า พี่เขาห้ามสบถ ห้ามแจกฟัค
ห้ามพูดคำหยาบแล้วก็ห้ามหงุดหงิดใส่ผมด้วย เอาแค่นี้ล่ะกัน
เท่านี้ก็ไม่น่าจะทำได้แล้วล่ะครับ
“กวนตีน”
เป็นอีกครั้งที่คนโตกว่ามองจอแล้วสบถออกมาแต่มีรอยยิ้มบางๆปรากฏตรงมุมปาก
PD : ได้ยินข้อเสนอแล้วใช่ไหมครับ
รับข้อเสนอเขาได้ไหม
Andup : เด็กนี่แม่ง
PD:จะไม่ไปก็ได้นะครับ
Andup : ถ้าไม่ไปแล้วผมจะได้คาทกจากเขาไหม
ทีมงานจะให้ผมปะ
ทีมงานส่ายหน้าแทนการตอบทำให้คนที่คิดว่าต่อรองได้กุมขมับแล้วนั่งเอนหลังกับเก้าอี้ตรงคอกส่วนตัวในห้องสมุดใช้เวลาไปกับการคิดราวห้านาทีก็ตัดสินใจ
Anpup : เออก็ได้ผมรับข้อเสนอ
แต่ฝากไปบอกมันด้วยนะ ถ้าไม่อยากให้คาทกก็เอาไลน์มาก็ได้ เท่านี้แหละ
นี่ผมมีรายงานต้องสั่งนะ ขอเวลาค้นคว้าหาข้อมูลทำรายงานก่อนได้ปะ เลิกถ่ายได้ใช่ปะ
เออๆ เลิกๆ
ชายหนุ่มตอบคำถามแล้วออกปากไล่เพราะมีรายงานที่ต้องทำส่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย
การถ่ายทอดภาพจากทางนั้นจึงถูกตัดขาดไปกลายเป็นจอดำ คนอ่อนกว่าเลิกคิ้วให้กับภาพโบกมือไล่ทีมงานยังติดใจกับคำว่า
ถ้าไม่อยากให้คาทกก็เอาไลน์มาจนหลุดปาก
“พี่เขาประสาทปะเนี่ย”
--------------------------------------------------------------------------
บรรยากาศในร้านกาแฟสไตล์มินิมอลไม่ไกลจากตึกที่ใช้ถ่ายทำรายการเฟ้นหาสุดยอดศิลปินฮิปฮอปสุดฮิตของเอ็มเน็ตในช่วงหกโมงเย็นของวันธรรมดาค่อนข้างเงียบ
ทีมงานและตากล้องของรายการกำลังเซ็ตอุปกรณ์เพื่อถ่ายทำการสนทนาของกลุ่มคนผู้เข้าแข่งขันที่คุ้นหน้าคุ้นตา
“มึงจะไปเจอเวอร์นอนเปล่าวะ”
เสียงของลิลบอยเปิดประเด็นถามพลางหมุนแก้วกาแฟเย็นในมือไปมา
“มันไม่ไปหรอก...ข้อจำกัดเยอะเหลือเกิน
ห้ามสบถ ห้ามพูดหยาบ ห้ามหงุดหงิด โอ๊ย แค่ไม่สบถแม่งก็ลงแดงตายห่าแล้ว ใช่มะ”
มินโฮหันไปถามคนที่นั่งเอนหลังบนโซฟาแล้วดูดไอซ์อเมริกาโน่ต่อ
“เดี๋ยวๆ นะหมู...มึงถามกูก่อนไหมว่ากูจะไปหรือไม่ไป” แอนดัพบอกพลางขยับตัวหันกลับมายังกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนคว้าแก้วชาเขียวปั่นมาดูดบ้าง
“ไม่ต้องถามก็รู้”
“แต่เขาไปนะครับ” เสียง PD แทรกเข้ามากลางวงเล่นเอาทั้งกลุ่มอ้าปากหวอเหลือบมองยังคนที่เอกเขนกบนโซฟาแกล้งมองออกไปนอกถนนเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว
“มึงจะไปเจอน้องเขาเหรอ...มึงเอาจริงเหรอวะ”
มินโฮถามอีกพลางย่นหน้าผาก “ไหวเหรอมึง ห้ามเยอะแยะล่ะเกิน
มึงลงแดงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้นเพราะไม่ได้ด่าคนนี้ น้องแม่งสมเพชตาย”
“...ก็ไม่ได้เป็นคนหยาบคายขนาดนั้นปะ”
“เหรอ” คำนั้นแทบเป็นการประสานเสียง
แจวอนมองรุ่นพี่หนุ่มที่ร่วมทีมเดียวกันทำไม่รู้ไม่ชี้ดื่มชาเขียวในมือขณะยกแก้วเอสเพรสโซ่ร้อนขึ้นจิบก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“ครั้งนี้ไปก็ขอคาทกให้ได้นะครับ
จะได้ไม่เป็นภาระชาวบ้านเขาอีก”
สิ้นคำแอนดัพตวัดตาดุกลับมาหาคนหน้าหล่อที่นั่งจิบกาแฟด้วยรอยยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงหู...ดูมันนะหล่อแต่เสือกกวนตีนอีก
“ไปเจอเขาแล้ว อย่าไปต่อยเขานะเอ็ง”
จาแมซว่าพลางลูบคางที่เต็มไปด้วยหนวดเขียวครึ้ม
“พี่จะกล้าต่อยเหรอครับ”คำพูดปนเสียงหัวเราะหยอกล้อทำเอาอีกคนผุดจากการเอนโซฟายกมือทำท่าจะต่อยใส่คนพูด
“ไอ้แจวอน...มึงนี่แม่ง”
“555 ผมลงหมื่นวอนเลย พี่ไม่กล้าต่อยเขาหรอก”
แจวอนทำท่าควักแบงค์แล้วหัวเราะร่วน
“นั่นปากเหรอ ไอ้ แม่ง”
คนถูกแซวทำหน้านิ่งแต่หูแดงเถือก
“แล้วต้องไปเจอกี่โมงวะ”
ลิลบอยถามต่อ
“สองทุ่มที่เมียงดง...อา อีกไม่กี่ชั่วโมงเองก็ต้องไปเจอแล้ววะ”
“มึงบอกจะไปก็ไปสิ” มินโฮบอกยื่นมือไปตีขาดังป้าบใหญ่
“ไปทั้งชุดนี้เลยดีปะวะ”
คนถามดึงเสื้อยืดสีดำของตัวเอง
“ถามทำไมวะ...มึงเลือกเสื้อตัวนี้มาใส่ถ่ายรายการตอนนี้ได้
ตอนเย็นจะไปเคลียร์ปัญหาจะใส่ห่าอะไรก็ใส่ไปเหอะ” พี่ชายผู้มีหนวดครึ้มว่า
“กลัวเขาไม่ชอบก็ไปเปลี่ยนชุดครับ”
ความคิดเห็นนั้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะล้อเลียน
เท่านั้นแหละคนถูกแซวลุกจากโซฟาฟาดมือเข้าที่แขนซึ่งมีรอยสักอย่างแรง
“ไอ้เชี้ยวอน เดี๋ยวมึงโดนต่อย”
ทั้งโต๊ะมองหน้าคนคิ้วหนาตาดุที่หูแดงคอแดงไปหมดก่อนจะหลุดหัวเราะครืนออกมาทั้งวงเช่นเดียวกับเหล่าทีมงานที่ขำกันแบบไม่กั๊ก
...ใครจะคิดว่าสไนเปอร์ไอดอลผู้แข็งกร้าวในรายการจะอายเป็นเหมือนกัน...
0 Comments