Thorn Flower : CHAPTER TWO

05:06


ตึง...ตึง...ตึง...ตึง


เสียงขาโต๊ะไม้กระทบกับพื้นหินอ่อนเป็นจังหวะถี่รัวในห้องครัวลอดสะท้อนจนก้องไปทั้งห้องสูทนั้นเกิดจากการโหมกระแทกความใหญ่โตเข้าใส่หญิงสาวที่นอนรับความรุนแรงอยู่บนโต๊ะเตรียมอาหารกลางห้องครัว ความร้อนทำให้เรือนผมสีแดงสลวยนั้นเปียกจนลีบลู่ ดวงหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรและกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ที่พราวไปด้วยเหงื่อยังคงเคลื่อนขยับเร็วทำให้ร่างอรชรที่ถูกปิดปากด้วยนิ้วเรียวใหญ่ของอีกฝ่ายหลุดครางกระเส่าออกมา


กิจกรรมอันเร่าร้อนดำเนินไปเหมือนไม่มีวันสิ้นสุดกระทั่งใครคนหนึ่งก้าวเข้ามายืนพิงประตูมองคนทั้งคู่อยู่อย่างเฉยชา ทันทีที่หญิงสาวใต้ร่างใหญ่โตเหลือบเห็นปากประบอกปืนที่จ่อมาหาทำให้เจ้าหล่อนกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจและทำให้อีกคนชะงัก


ออกไป คำสั่งนั้นมาพร้อมกับสายตาที่มองมาราวกับนักฆ่าทำให้ชายหนุ่มผละถอยปล่อยให้หญิงสาวที่กลัวตัวสั่นคว้าเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายทั่วพื้นสวมอย่างลวกๆแล้ววิ่งออก


แม่งเอ๊ยเจ้าของห้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนรับผ้าเช็ดตัวที่อีกฝ่ายโยนมาให้พันกายท่อนล่าง


กลับจากอเมริกายังทำตัวเป็นขยะ...รีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปมหาวิทยาลัยซะ ชายหนุ่มผู้มากวัยกว่าว่าพลางเก็บปืนเข้าซองหนังที่ซ่อนอยู่ด้านในเสื้อสูท


ทำไมต้องไป


เพราะพ่อกับพี่ชายคุณต้องการอย่างนั้น


แล้วถ้าไม่ไปแล้วจะทำไมคนอ่อนวัยกว่าท้าทาย


ก็ไม่ทำไม อีกฝ่ายเอ่ยอย่างเรียบเฉยขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้คนตัวสูงที่มองตอบมาอย่างกวนประสาทในสภาพกึ่งเปลือย แต่ผมมีสิทธิ์ระงับวงเงินในบัตรเครดิตของคุณทุกใบ รถสปอร์ตทุกคันที่คุณใช้ผมสามารถแจ้งเป็นทรัพย์สินที่ถูกคุณขโมยมาใช้งานได้ทุกเมื่อ หรือแม้แต่เตะคุณออกจากห้องสูทที่คุณเป็นเจ้าของก็ทำได้แค่เพียงรายงานกับท่านว่าคุณขัดคำสั่ง อำนาจของผมที่มีต่อคุณมีมากที่สุดเมื่อพวกท่านไม่อยู่ คุณก็คงรู้


น้ำเสียงกระด้างแข็งและมีอำนาจเกินกว่าจะต่อต้านนั้นทำให้คนที่มีพื้นฐานสันดานเป็นคนเอาแต่ใจอยากได้อะไรต้องได้พอถูกคนอื่นที่มีศักดิ์เป็นแค่ลูกจ้างของพ่อกับพี่ชายถึงกับโกรธจัด มือทั้งสองข้างกำแน่นอยากจะตะบั้นคนตรงหน้าแต่ด้วยประสบการณ์ครั้งเก่าที่เคยจู่โจมแต่ถูกตอบโต้รุนแรงเท่าทวีจึงทำได้เพียงหัวฟัดหัวเหวี่ยงกระแทกส้นเท้าและประตูกลับเข้าห้องไป


แม้น้ำเย็นจากฝักบัวจะรดราดลงมาก็ไม่ทำให้ยูคยอมใจเย็น...เขาทุบกำแพงห้องน้ำอย่างแรงหลายต่อหลายครั้งเพื่อระบายอารมณ์เกลียดชังที่มีต่อทุกคนบนโลก


...โลกนี้เต็มไปด้วยคนปลิ้นปล้อนที่สวมหน้ากากเป็นคนดี ไม่ว่าใครก็ล้วนหลอกลวงทั้งสิ้น...


...นอกจากแม่ที่จากเขาไปตั้งแต่เด็ก ก็ไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่รักเขา...


...เขาเกลียดพ่อที่เป็นต้นเหตุให้แม่ตาย เกลียดที่พ่อเลี้ยงดูเขาด้วยเงินมากกว่าความรัก เกลียดที่พ่อให้ความสำคัญกับพี่ชายต่างสายเลือดมากกว่าตัวเอง และที่เกลียดที่สุดคือการที่มือขวาหน้าตายของพ่อมีอภิสิทธิ์และอำนาจเหนือกว่าตัวเขา...


...หวัง แจ็คสันเป็นคนที่เขาเกลียดยิ่งกว่าเกลียด...


ชายหนุ่มยังคงฮึดฮัดแม้ออกจากห้องน้ำหยิบเสื้อเชิ้ตกับกางขายาวมาสวม พรมน้ำหอมกลิ่นพิเศษที่สั่งทำเฉพาะลงบนร่างสะบัดผมที่เปียกชื้นเดินกระแทกเท้าหนักผ่านมือขวาของพ่อยืนกอดอกอยู่ตรงทางเดินก่อนถึงหน้าประตูห้องสูทโดยมีแม่บ้านวัยกลางที่จ้างมาเพื่อทำความสะอาดเก็บกวาดขวดเหล้าและกระป๋องเบียร์ที่ตกทั่วพื้นห้อง


อีกครึ่งชั่วโมงผมจะให้คนโทรไปหาบอดี้การ์ดกับอาจาร์ยประจำวิชาพื้นฐานที่คุณเรียนด้วยวันนี้ ถ้าผมรู้ว่าคุณไม่ไปเรียน คงไม่ต้องให้ทวนนะว่าผมทำอะไรได้บ้าง แจ็คสันบอกห้วนๆ ทำให้คนฟังกัดปากแน่น


รู้แล้วน่า พล่ามอยู่ได้ น่ารำคาญยูคยอมสะบัดเสียงยัดเท้าลงในรองเท้าหนังสีน้ำตาลด้วยความหงุดหงิด


ถ้ารำคาญจริงคงทำตัวเป็นคนมากกว่าขยะแบบนี้ไปนานแล้ว


ยูคยอมหันควับกลับไปมองหน้าอันเฉยชาของผู้พูดอย่างชิงชัง มือกำแน่นทุบเข้าข้างฝาอย่างแรงแต่ไม่ทำให้คนกอดอกมองสะดุ้งสะเทือน


ผมเกลียดคุณคำนั้นกระแทกเข้าใส่และถูกกระแทกคืนให้ในทันที


นั่นเป็นเรื่องของคุณ


แม่งเอ๊ยเจ้าของห้องสบถอีกหนกระชากประตูแล้วกระแทกปิดตรงไปที่ลิฟต์ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

...สักวันเถอะ...
...สักวันต้องฆ่าแม่งให้ได้...
----------------------------
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดเป็นลำส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนกระทบกับร่างผอมบางที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงยีนส์พอดีตัวกับเสื้อแขนยาวสีเปลือกมังคุดทับด้วยเสื้อคลุมมีฮู้ดสีดำ เจ้าของร่างผอมมองซองยาจำนวนมากที่วางเกลื่อนบนโต๊ะยัดใส่กระเป๋าเป้แล้วเปิดประตูออกจากห้องมาหาชายหนุ่มที่เอนหลังหลับอยู่บนโซฟาสวมสูทขาวพร้อมทำงาน ดวงตากลมโตทอดมองความอ่อนล้าที่แฝงเป็นริ้วบนใบหน้ากับรอยแผลเป็นคล้ายโดนมีดกรีดเป็นทางยาวนิ่งนาน


ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมองเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้าทำให้นัยน์ตาสีนิลแข็งกร้าวมีแววอ่อนลงพร้อมกับรอยยิ้มอุ่นที่ระบายทั่วหน้า หากเป็นเมื่อก่อนคงมีรอยแย้มจากอีกคนตอบกลับมาแต่ในยามนี้ฝ่ายตรงข้ามเพียงมองมาอย่างเฉยชาจากนั้นก็ผละหนีลงบันไดวนไปภายในร้านกาแฟที่ยังไม่เปิดทำการ


ตื่นแล้วเหรอฮโยซองร้องทักเมื่อเห็นคนไม่สบายมีแรงพอจะเดินลงมาข้างล่าง พี่ทำซุปกิมจิไว้ แบมกินก่อนแล้วค่อยไปมหาวิทยาลัยนะ


หญิงสาวกุลีกุจอไปหลังเคาน์เตอร์เพื่อตักข้าวกับซุมกิมจิใส่ถาดมาวางให้บนโต๊ะ พอเห็นชายหนุ่มอีกคนตามลงมาจึงเดินไปยกสำรับอาหารมาให้อีกชุด


"หลับสบายไหมคะเธอถามขณะวางช้อนส้อมให้อดีตสามีที่ขอนอนค้างที่นี่เพื่อเฝ้าน้องชายที่ไม่สบาย
ครับ ขอบคุณที่ให้นอนที่นี่และขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ด้วย เขาเอ่ยอย่างสุภาพทำให้คนฟังเม้มริมฝีปาก...เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ความสุภาพของเขามีแต่ทำให้ยิ่งรู้สึกห่างเหิน


คนกลางทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้มองบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนใจของทั้งคู่ก่อนขยับปากชวนให้อีกคนมาร่วมด้วย


กินด้วยกัน


ไม่ล่ะ...เดี๋ยวพี่กินทีหลังได้ แบมกับคุณแจบอมกินเถอะ


ถ้าไม่กินก็จะไม่กินเหมือนกันถ้อยคำราบเรียบเหมือนเป็นคำสั่งกลายๆทำให้อีกฝ่ายจนใจไปตักข้าวกับซุปมานั่งกินด้วย


อร่อยคนอ่อนวัยกล่าวชม


อืม...อร่อย ฝีมือทำอาหารคุณอร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะคำชมของคนตัวใหญ่สมทบมาช่วยให้คนทำพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง


อิ่มแล้วเหรอ ผู้แสดงฝีมืออาหารถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กรวบช้อนส้อมทั้งที่อาหารพร่องไปไม่ถึงครึ่ง...ตั้งแต่เธอพาเขามาค้างที่นี่ก็สังเกตหลายทีว่าเขาแตะอาหารน้อยเหลือเกิน


ผมต้องรีบไปมหาวิทยาลัยแบมแบมตอบสั้นสะพายกระเป๋าเป้ที่นำไปแขวนข้างเก้าอี้ขึ้นหลัง “


อ้อ มีเรียนเช้าใช่ไหม งั้นเอานี่ไปด้วยนะฮโยซองว่าลุกพรวดจากเก้าอี้ไปหยิบข้าวกล่องใส่ถุงกระดาษส่งให้กลางวันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยคนน่าจะเยอะ เอานี่ไปกินจะได้ไม่เสียเวลานะ
 

อืม...ไปก่อนนะ มือเรียวเล็กรับถุงกระดาษมาไว้ในมือพร้อมเอ่ยคำลาก่อนเดินออกจากร้านผ่านประตูที่กั้นระหว่างส่วนร้านกับส่วนอาศัยไปยังประตูบานสุดท้ายที่นำไปสู่ด้านหลังร้านโดยมีชายหนุ่มอีกคนตามหลังออกมาเงียบๆ


เวสป้าคลาสสิคสีครีมจอดอยู่ริมกระถางดอกกุหลาบใต้ชายคาผืนผ้าใบที่กางไว้กันฝน คนตัวใหญ่มองร่างบางที่หยิบกุญแจรถซึ่งห้อยพวงกุญแจตุ๊กตาน่ารักออกจากกระเป๋าจึงเดินเข้าไปหา


เมื่อคืนพี่ขับรถจากบ้านมาจอดแถวนี้ วันนี้ให้พี่ส่งดีกว่าเขาเสนอตัว


ถ้าคุณไปส่งแล้วขากลับต้องนั่งรถสาธารณะกลับ...ขับไปเองจะดีกว่าอีกคนว่าขณะหยิบหมวกกันน็อกเปียกน้ำมาปัดออกด้วยมือ


งั้นให้พี่ขับคันนี้ไปส่งแบมที่มหาวิทยาลัยแทนก็ได้


ผมรู้ตัวเองดี...ถ้าไม่ไหวก็แค่แวะพักข้างทาง คุณเองก็สืบคดี อย่าให้เรื่องแค่นี้ทำให้คุณพลาดสิ่งที่ไม่ควรพลาด คำพูดเรียบเรื่อยนั้นทำให้คนฟังถอนหายใจหนักแต่ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาเสียก่อน


ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์กดรับสายก่อนเดินห่างออกไปเพื่อสนทนากับปลายสาย อาการบนใบหน้าทำให้คนที่มองอยู่ห่างๆ ทราบได้ในทันทีว่าเป็นเรื่องสำคัญ
 

โทรมาตามแล้วสิคนตัวเล็กว่าขณะอีกฝ่ายวางสายแล้วยัดโทรศัพท์กลับที่เก่า


พวกนั้นกำลังเรียกตัวบอดี้การ์ดทุกคนไปรวมตัวกัน เรื่องนี้คง... ไม่ต้องรอให้จบประโยคก็มีเสียงแทรกขึ้น


"ก็ไปสิ"


"ไม่เป็นไร พี่อยากไปส่งแบมก่อน


"ถ้าโทรมาตามต้องมีเรื่องสำคัญ จะพลาดเพราะเรื่องเล็กน้อยมันไม่เข้าท่าหรอก"


"เล็กน้อยเหรอ" อีกคนทวนคำพร้อมเลิกคิ้วสูง


แค่ขับรถไปมหาวิทยาลัยเอง ไม่ได้สำคัญพอให้คุณทำคดีพลาด


"สำคัญสิ ทำไมจะไม่สำคัญ...ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับแบมแล้วไม่สำคัญกับพี่" คำนั้นบอกแทบจะในทันทีที่อีกฝ่ายตอบกลับ


ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคนตรงหน้าสำคัญกับเขาเสมอ แม้ในตอนที่ห่างกันด้วยความจำเป็น...เรื่องของคนตรงหน้ายังอยู่ในทุกความคิดคำนึง


คนตัวเล็กมองหน้าที่มีความกังวลเหมือนไม่รู้สารู้สา หากลึกลงไปกลับรับรู้ได้ถึงความห่วงใยแม้ไม่ได้พูด มือผอมยื่นออกไปแตะเบาๆที่แขนใหญ่ข้างหนึ่งของคนตรงหน้าไว้


"ตอนนี้" เสียงเรียบเอ่ยขึ้นอย่างเนิบช้าแต่หนักแน่น "พ่อสำคัญกว่า"


แจบอมปรายมองมือที่แตะบนแขนของเขาพลางถอนหายใจหนักก่อนกลับมามองเด็กหนุ่ม นัยน์ตาสีนิลแข็งแกร่งแต่อุ่นลึกมีความวิตกระคนยุ่งยากใจ หากในท้ายที่สุดเขาก็ยกมือขยี้ผมนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ


ก็ได้...พี่ไปก็ได้ ถ้าแบมสัญญาว่าจะจอดรถข้างทางทันทีที่รู้สึกว่าไม่ไหว


อืม


และถ้าถึงมหาวิทยาลัยแล้ว โทรบอกพี่ด้วยนะ


"รู้แล้ว" คนตัวเล็กตอบรับอย่างว่าง่าย คนตัวใหญ่ได้แต่มองแล้วถอนใจยอมปล่อยมือจากผมนุ่มแล้วเดินไปแต่ก่อนที่จะพ้นจากตรอกทางเดินแคบๆข้างหลังร้านเขากลับเหลียวกลับมองคนที่ยังไม่ขยับไปไหนพลางโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้าย


แบมแบมรอจนแผ่นหลังกว้างลับจากสายตาจึงหยิบหมวกกันน็อกขึ้นสวม ขาเรียวผอมปีนขึ้นไปคร่อมบนพาหนะของตนเองและขับผ่านตรอกออกไปยังท้องถนน สายลมหอบกลิ่นชื้นของพื้นดินและกลิ่นของดอกไม้ข้างทางลอดผ่านกระจกด้านหน้าของหมวกกั้นน็อกมาปะทะจมูก


เขายกนาฬิกาขึ้นดูเวลาตรงสี่แยกระหว่างจอดรอสัญญาณไฟจนกระทั่งสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว เวสป้าคันงามยังคงเคลื่อนไปยามไม่รีบร้อนกระทั่งเลี้ยวซ้ายผ่านมาถึงหน้าสวนสาธารณะอาการเจ็บรุนแรงในช่องท้องลามขึ้นมาถึงศีรษะทำให้ต้องหักรถข้ามเลนเพื่อมาจอดข้างทางกะทันหัน


เอี๊ยดดดดดดดดดดด


เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังไล่หลังในระยะประชิด รถสปอร์ตปากานี่ฮิวอายร่าสีดำงามสง่าหยุดห่างจากท้ายเวสป้าเพียงไม่กี่เซนติเมตรแต่เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาข่มความเจ็บเตะขาตั้งรถก่อนไถลทั้งตัวลงมานั่งบนพื้นทางเดินริมถนน มือดึงกระเป๋าเป้บนหลังออกมาคุ้ยหายาแต่มีมือที่ใหญ่กว่าดึงออกไปก่อน


ให้ช่วยไหม


ยะยา...ยากระเพาะ คนป่วยเค้นเสียงลอดไรฟัน ตาพร่ามองผ่านแผ่นกระจกพลาสติกของหมวกกันน็อกเห็นแขนใต้เสื้อสูทสีดำล้วงหยิบยาในกระเป๋าก่อนวางให้ตรงหน้าแต่มือเรียวผอมสั่นเทาเกินกว่าจะแกะเม็ดยาด้วยตัวเอง ทำให้ผู้หวังดีต้องลงมือจัดการตั้งแต่ถอดหมวกกันน็อกออกจากศีรษะที่ชุ่มโชกด้วยเหงื่อ แกะเม็ดยาตามจำนวนหน้าซอง เลื่อนแผ่นกระจกของหมวกกันน็อกเพื่อใส่ยาเข้าปากให้ตามด้วยเปิดขวดน้ำในกระเป๋าให้อีกคนดื่ม


คุณควรไปโรงพยาบาลเสียงแหบต่ำแนะนำหากคนฟังปฏิเสธลั่น


ไม่...


อาการไม่ใช่แค่โรคกระเพาะแน่ คุณควรไปให้หมอตรวจ


ขอบคุณที่ช่วยแต่ไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำ คนป่วยตอกกลับขณะเงยหน้ามองชายกายใหญ่หนาสวมชุดสูทสีดำที่ยืนบังแสงตะวันไม่ให้ส่องมาถึงตัวและเงามืดนั้นบดบังให้ไม่เห็นใบหน้าของอีกคนชัดนัก


ท่าทางจะกลัวหมอมากกว่ากลัวตายคนตรงหน้าเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเย็นไร้แววหยอก อายุเท่านี้อยากตายแล้วหรือ


ก็ไม่รู้จะอยู่นานไปเพื่ออะไร


หึ เสียงแค่นหัวเราะของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้น กายใหญ่ย่อลงมาหาร่างบางที่นั่งแทบหมดสภาพอยู่บนพื้น ถ้าคุณรู้จักความตายมาก่อน คุณจะไม่พูดอย่างนี้


มือใหญ่หยิบผ้าเช็ดหน้าจากในกระเป๋าเอื้อมมันมาซับหยาดเหงื่อที่ไหลย้อย เด็กหนุ่มมองใบหน้าดุเข้มของคนเบื้องหน้าที่มองตอบมาอย่างเรียบเฉย นัยน์ตาคมกริบประสานมาทรงอำนาจมากพอให้รู้สึกได้ว่าต้องเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญขององค์กรใดสักแห่ง


คุณจะไปไหน...ผมจะไปส่ง


ไม่ต้อง ไปเองได้


ด้วยสภาพอย่างนี้นะเหรอคิ้วหนาเลิกสูงในเชิงถาม ถ้าห่วงรถ ผมให้คนส่งมันไปไว้ในที่ที่คุณต้องการได้


ไม่จำเป็น


คำปฏิเสธไร้เยื่อใยสวนมาทันควัน คนตรงข้ามยกมุมปากราวกับจะหยันค่อยๆเหยียดหลังกลับมายืนตรง


ผมไม่ได้ช่วยเพราะสงสาร แค่รำคาญลูกตาที่มีคนขวางทางรถของผม และถ้าคุณไม่มีปัญญาพาสังขารพังๆ ของคุณไปให้พ้นก็ทำตามที่บอกซะ คนตัวใหญ่กล่าวกระชับด้วยเสียงแข็งขึ้งเช่นเดียวกับแววตา


แบมแบมเหลือบมองผู้ชายไร้อารมณ์ไม่มีแววสงสารหรือเมตตาเช่นทุกคนที่เคยเข้ามาช่วยเหลือแล้วหันไปทางรถสปอร์ตหรูที่จอดอยู่อย่างชั่งใจแต่ไม่จำเป็นต้องให้คำตอบเพราะอีกฝ่ายคว้าคอกระเป๋าและคอเสื้อลากร่างผอมเข้าไปในรถ เมื่อเจ้าของรถประจำที่คนขับเขากดปุ่มล็อกรถทันทีกันคนหนีก่อนกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ขับออกไปในทันที


ให้คนมาเอารถเวสป้าสีครีมที่จอดอยู่แถวชองดงกิลไปส่งที่พักฉันด้วย เขาสัมผัสปุ่มบนหน้าจอทัสรีนที่อยู่เหนือช่องเครื่องเสียงพลางสั่งการอย่างรวดเร็ว ปลายสายตอบกลับสั้นๆอย่างนอบน้อมก็เลิกสนทนา


คุณจะไปไหน


แล้วคุณจะไปไหนล่ะคำถามนั้นสวนแทบทันที ถ้าไม่บอกอีก ผมจะทิ้งคุณไว้แถวโรงพยาบาล


เมื่อไหร่จะเลิกถามว่าจะไปไหน


เพราะถ้าคุณไม่มีที่ไปก็ควรไปโรงพยาบาลหรือกลับบ้าน อย่าเอาอาการป่วยไข้มาทำให้ชาวบ้านลำบาก...คุณจะตัดหน้ารถจนโดนชนตายคงไม่เป็นไรแต่คนอื่นที่ต้องมาตาย พิการหรือต้องติดคุกเพราะคุณ มันน่ารังเกียจนะ


คนตัวเล็กฟังคำเจ้าของรถที่พูดด้วยสุ้มเสียงเรียบแข็งทุกคำพลางบีบผ้าเช็ดหน้าสีดำที่เขาให้เช็ดหน้าในมือก่อนจะยอมบอกที่หมายของตนเอง


มหาวิทยาลัย...ชื่อของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งหลุดออกมา


อ้อ ที่นั่นเอง คนขับว่าปรายตามองคนตัวเล็กที่นั่งขย้ำผ้าเช็ดหน้าของเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ทำให้บรรยากาศในรถน่าอึดอัด ทว่าคนที่คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้กลับสัมผัสได้ถึงความเครียดฝังลึกที่อยู่ในตัวของอีกฝ่าย


...อายุเท่านี้มีอะไรให้เครียดนัก...


มีชื่อไหมคำถามดังขึ้นทำลายความเงียบ


ชื่ออะไร


ชื่อของเธอ


เราจำเป็นต้องรู้จักชื่อกันด้วยเหรอ


รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อคราวหน้าจะได้พบกันอีก


ผมคงไม่โชคร้ายขนาดพบคุณอีกเป็นครั้งที่สองหรอก


ถ้าไม่ให้ชื่ออย่างน้อยก็ควรให้เบอร์โทรคนขับพูดเรียบเรื่อยแต่ทำคนฟังสะดุดหันไปมองเสี้ยวหน้าอันหล่อเหลาที่จดจ่อกับท้องถนนเบื้องหน้าพร้อมกับคำถาม


เพื่ออะไร


ผมไม่ได้พิศวาสคุณหรอกน่า...ผมแค่จะให้คนเอารถมาส่งคุณที่มหาวิทยาลัย พอเขามาส่งจะได้โทรแจ้งคุณว่าจอดไว้ที่ไหน


ผมไม่มีโทรศัพท์อีกคนตอบเย็นชา


ไม่มีหรือไม่อยากให้


ไม่มี


สิ้นคำรถสปอร์ตคันงามกลับจอดหยุดกะทันหันเล่นเอาคนโดยสารแทบถลาทั้งตัวไปชนกับคอนโซลรถ เด็กหนุ่มดันตัวเองก่อนหันไปมองเจ้าของรถที่ขยับหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจแทบรดกัน


ผมเห็นโทรศัพท์มือถืออยู่ในเป้คุณ ชายหนุ่มกล่าวอย่างเนิบช้าเน้นทีละคำ ถ้าคิดจะใช้วิธีนี้เอาเบอร์โทรศัพท์จากผมเพราะหวังจะอ่อย ผมคงต้องบอกคุณให้หาวิธีใหม่


ในระยะประชิดนัยน์ตาคมที่จ้องเขม็งเย็นเยือกน่ากลัวแต่แทนที่คนถูกคุกคามจะกลัวกลับมีเพียงไหล่บางที่ยกขึ้นแล้วเอ่ยคำที่ทำให้คนฟังเลิกคิ้วสูงอีกครั้ง


ถ้าผมจะอ่อยคุณ แค่แกล้งเป็นลมให้คุณพาไปโรงพยาบาล พูดหวานๆอ้อนให้ช่วยจ่ายค่ารักษา อาจจะขอเบอร์ติดต่อคุณ ทำอะไรสักอย่างให้คุณมีภาระผูกพันเพื่อจะติดต่อกันง่ายๆ ไม่ใช่เป็นฝ่ายโดนคุณลากขึ้นรถ


ทั้งสองฝ่ายสบประสานสายตากันอย่างเฉยชาดูราวกับเป็นเงาสะท้อนของกันและกัน ก่อนที่เจ้าของรถจะเป็นฝ่ายผละไปหัวเราะอยู่ตรงตำแหน่งของตัวเองพร้อมออกรถต่อไปบนถนน


คุณหัวเราะอะไรคนอ่อนวัยกว่าถามแต่อีกฝ่ายไม่ตอบเพียงหันมาเหยียดฝีปากกว้างคล้ายจะหยันและยิ้มอยู่ในทีส่งให้


เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากพร้อมกับอาการชาวาบไปทั้งหน้าด้วยรู้สึกว่าถามคำถามโง่ๆออกไปโดยไม่จำเป็นจึงไม่ปริปากพูดอะไรนอกจากหันกลับมามองถนนเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย แม้ถึงตอนที่อีกคนพามาส่งถึงหน้ามหาวิทยาลัย เขาก็เพียงหยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังแต่พอตั้งท่าจะออกจากรถหลังได้ยินเสียงคลายปุ่มล็อกประตูมือใหญ่ของอีกคนกลับยื่นมาจับสายกระเป๋าไว้


มีอะไรอีกล่ะ อ้อ เรื่องรถใช่ไหม ไม่ต้องมีเบอร์หรอกคุณให้คนมาจอดไว้ตรงลานจอดใกล้กับสนามบาสของมหาวิทยาลัยก็จบเรื่องแล้ว คนตัวเล็กพูดยืดยาวแต่คนตัวใหญ่ไม่มีทีท่าจะยอมปล่อยและไม่พูดอธิบายถึงการรั้งเอาไว้ทั้งสิ้น


หรือว่า อยากได้คำขอบคุณ ก็ได้ ขอบคุณ...พอใจหรือยัง


ชายหนุ่มมองเรือนผมสีทองกับเสี้ยวหน้าหวานที่เหลียวมาหาแล้วหยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋าเสื้อสูทยัดใส่ช่องว่างข้างกระเป๋าเป้ก่อนดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้


คุณบอกว่าคุณคงไม่โชคร้ายได้เจอผมเป็นรอบที่สองแต่เชื่อสิคุณต้องได้พบผมอีก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขากระซิบฝากเสียงแหบต่ำทรงเสน่ห์ไว้ข้างหูก่อนจูบเบาลงบนหางตาของอีกคนอย่างจงใจ พลันศอกแหลมผอมกลับกระแทกอย่างแรงเข้าใส่หน้าท้องแกร่งแข็งจากการออกกำลังกายอย่างจัง


ความแรงไม่ได้ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนแต่มือใหญ่ปล่อยอีกคนเป็นอิสระลงจากรถไปเพราะคร้านจะรั้งเอาไว้


ไปตายซะ เด็กหนุ่มดึงฮู้ดคลุมหัวกดอารมณ์ร้อนไว้ใต้ความเฉยชาพลางลากเสียงเย็นใส่แล้วกระแทกประตูปิดใส่หน้าท่ามกลางนักศึกษาหลายสิบคนที่หยุดยืนมองร่างผอมแต่งกายปอนๆลงจากรถสปอรต์ราคาแพงระยับ แม้มหาวิทยาลัยนี้จะมีนักศึกษาฐานะทางบ้านร่ำรวยจำนวนไม่น้อยแต่ทุกคนล้วนมาในสภาพที่บ่งบอกฐานะการได้เห็นภาพนี้จึงเป็นเรื่องค่อนข้างแปลก


เจ้าของรถแลแผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไปแต่ไม่วายลดกระจกพลางขยับโน้มตัวเองมาทางฝั่งผู้โดยสารพร้อมตะโกนฝากคำที่ทำให้คนได้ยินหยุดเดินกะทันหัน


ไม่ต้องอวยพรเพิ่มหรอก ทุกวันนี้ผมก็เหมือนคนตายไปครึ่งตัวอยู่แล้วหนูน้อย จบประโยคกระจกก็เลื่อนปิดจากนั้นรถสปอร์ตคันงามก็เคลื่อนจากหน้ามหาวิทยาลัยไปอย่างรวดเร็ว


แบมแบมยืนนิ่งทอดสายตายังกลุ่มฝุ่นควันที่รถของคนตัวใหญ่ทิ้งเอาไว้ก่อนปิดสายเป้บนหลังข้างหนึ่งเพื่อดูสิ่งที่ถูกยัดใส่กระเป๋ามาอย่างไม่เต็มใจจึงเห็นนามบัตรอยู่ในช่องกระเป๋า


นิ้วเรียวหยิบนามบัตรแข็งคล้ายบัตรเครดิตสีดำตัดกับตัวอักษรนูนต่ำสีทอง...ข้อมูลบนนั้นมีทั้งชื่อนามสกุล ตำแหน่งหน้าที่ เบอร์ติดต่อ อีเมล์ในภาษาเกาหลี จีนและอังกฤษ


หวัง แจ็คสัน...ที่ปรึกษาอิสระเด็กหนุ่มรำพึงเบากับตนเองพร้อมหักนามบัตรนั้นเป็นสองท่อนแล้วเขวี้ยงลงถังขยะข้างทาง


...ผู้ชายประหลาด ขออย่าให้พบกันอีกเลย...

You Might Also Like

0 Comments